ตึกใหญ่ตั้งตระหง่านในเมืองเวนิช ด้านหน้าบอกชื่อบริษัทอัลเล็นโซ่เอ็นเตอร์ไพรส์ หญิงสาวมองดูพลางยิ้มออกมาด้วยความดีใจ งานของพ่อกำลังลุล่วงไปเปราะหนึ่งแล้ว
“เดินตามผมมาก็แล้วกัน” เขาบอกแล้วเดินนำ
หญิงสาวเดินตาม ดวงตาเรียวสวยก็กวาดมองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกประทับใจ ขึ้นลิฟท์ถึงชั้นบนสุดห้องประธานบริษัท เลขาหน้าห้องลุกยืนแล้วทำความเคารพเขา เอลี่มองตามด้วยความแปลกใจ
“คุณไซน์จะมาพบท่านประธานเหรอคะ”
“ใช่ ลิซ่าบอกให้ผมหน่อยสิ”
“ได้ค่ะ” เลขาต่อสายถึงประธานทันที
เลขาวางสายแล้วก้าวไปหยุดตรงหน้าประตูเปิดอ้าออก ไซน์ก้าวเข้าด้านในแต่อีกคนกลับยืนนิ่งไม่กล้า เขาหันกลับมาคว้าข้อมืออีกฝ่ายลากเข้าด้วยกัน เจ้าของห้องเงยหน้าจากกองเอกสารแล้วขมวดคิ้ว
“มีอะไรหรือไซน์ แล้วพาใครมา?”
“ผมมีอะไรให้พี่ดู”
หญิงสาวชะงักจ้องมองเขาด้วยความแปลกใจ พี่อย่างนั้นหรือ? หมายความว่าเขากับซาฟเป็นพี่น้องกัน ไซน์ส่งซองเอกสารสีน้ำตาลให้พี่ชาย
ซาฟรีบเปิดดูคิ้วหนาขมวดเข้าหากัน หยิบเมมโมรี่การ์ดมาเปิด ดวงตาคมหรี่ลงทันทีที่เห็นภาพ
“พวกนี้ มันต้องการเปิดศึกกับเราแล้วล่ะพี่ซาฟ”
“ปล่อยมันก่อน ยังไงทางแฮปปี้ฟลายก็คงไม่ยอมทำตามที่พวกมันต้องการหรอก” ซาฟบอกน้องเสียงเรียบ
เจ้าของห้องเหลือบมองทางหนุ่มอีกคน หน้าตาหวานละมุนราวกับผู้หญิง แถมรูปร่างยังอ้อนแอ้นเสียอีก
“แล้วคุณเป็นใคร มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณรณเทพ” ชายหนุ่มซัก
“ผมเป็นลูกชายของเขาครับ” เธอตอบเสียงสั่น เพราะโกหกคำโต เวลาไม่อยากเปิดเผยถึงสภาพเพศเลย เพราะเกรงอันตราย
ซาฟฟังคำตอบแล้วแปลกใจ เขาทราบมาว่าบุตรชายของรณเทพนั้นคือรณวิทย์ แต่ท่าทางไม่น่าใช่คนนี้
“คุณชื่ออะไร?”
“ผมชื่อเอสครับ” เธอตอบ
“ชื่อจริงครับ”
“ผมชื่อรณวุฒิครับ” เอลี่เมินมองทางอื่นไม่กล้าสบตา
ดูท่าหนุ่มคนนี้คงกำลังปกปิดอะไรบางอย่าง เพราะปกติดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ที่มาของชายคนนี้ยังไม่จำเป็นนัก ซาฟค้นหาเอกสารในซองสีน้ำตาลเผื่อทางรณเทพจะส่งอะไรมาอีก กลับได้กระดาษโน้ตมาแทน
“ผมฝากดูแลลูกของผมด้วย ที่เมืองไทยเวลานี้ไม่ปลอดภัย ผมจำต้องพาครอบครัวไปอยู่ที่อเมริกา”
เนื้อความในจดหมายสั้นๆ แต่ได้ใจความ ซาฟถอนใจออกมาก่อนเหลือบมองน้องชาย เขาคงไม่มีเวลามาดูแลหนุ่มน้อยคนนี้หรอก คงต้องฝากฝังให้น้องชายตัวแสบดูแลแทน
“ไซน์มานี่หน่อย”
ชายหนุ่มลุกยืนตามคำสั่ง แล้วสาวเท้าเดินไปหาพี่ชาย
“มีอะไรครับ?”
“พี่ฝากให้แกดูแลคุณรณวุฒิด้วยนะ เวลานี้ที่เมืองไทยกำลังวุ่นวายอยู่” พี่คนโตสั่ง
“อะไรนะ!” ไซน์ร้องลั่นออกมา
ไม่ไหว ให้คนอื่นไปอยู่ด้วย แบบนี้ลำบากแย่ ต้องคอยดูแลเที่ยวที่ไหนคงยาก
“ไม่ได้เด็ดขาดถ้าเป็นผู้หญิงพอว่า เอาหนุ่มมาอยู่ในคฤหาสน์ผมขนลุกตายพี่ซาฟ!” ชายหนุ่มบ่น
“พี่ให้คุณเอสไปอยู่ที่คฤหาสน์ไม่ได้หรอกนะ ตอนนี้พี่แต่งงานแล้ว โมนาก็กำลังท้องอยู่ด้วย”
เขาเถียงไม่ออก พี่ชายเล่นเอาเหตุผลแบบนี้มาต่อรอง ให้หนุ่มมาอยู่ด้วยคงไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
หญิงสาวยืนฟังบทสนทนาด้วยความไม่พอใจ ไอ้หมอนี่รังเกียจอะไรเธอนัก นิสัยแย่แถมชอบทำเจ้าชู้ประตูดินอีก เห็นแล้วหมั่นไส้ดี โชคดีปลอมตัวเป็นผู้ชายไม่อย่างนั้นคงถูกตอดเล็กตอดน้อยเหมือนตอนอยู่เมืองไทยแน่
“ก็ได้ครับ ตกลงผมจะทำตามที่พี่ขอร้อง”
ไซน์หันมองเอส แล้วก้าวเข้ามาใกล้ พิจารณาใบหน้าอย่างถี่ถ้วน ถ้าใส่วิกนี่ใช่เลย น่าแปลกทำไมเหมือนกันมากขนาดนี้
“ถามหน่อยเถอะคุณเอส คุณเป็นผู้หญิงปลอมตัวมาหรือเปล่า?”
หญิงสาวสะดุ้งจ้องมองเขาเลิ่กลัก ก่อนใช้ความคิดเพื่อหาเหตุผลมาหักล้างคำถาม
“ผมเป็นผู้ชายแท้ๆ นะครับ” เอลี่เถียงเสียงแข็ง
“ทำไมคุณหน้าเหมือนเอลี่อย่างกับถอดมาเลยล่ะครับ ผมสงสัย” ไซน์ยังคงซักไซ้ต่อ
“เพราะผมเป็นฝาแฝดกับเอลี่ครับ ผมเป็นแฝดพี่เกิดห่างกันไม่กี่นาที” พอตอบแล้วอยากตีปากตัวเองนัก ดันพูดมาได้แบบนี หากหมอนี่ไปสืบครอบครัวทุกอย่างคงจบเห่แน่ แต่ไม่น่าหรอกเพราะเขาดูไม่ฉลาดเหมือนพี่ชายสักเท่าไหร่ ซาฟเห็นนิ่งๆ แต่ดูจากสีหน้าบางทีอาจรู้แล้วว่าเธอคือใคร
คันไม้คันมือเสียจริงอยากจับหนุ่มรูปร่างอรชรแก้ผ้าเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทำแบบนั้นคงไม่ได้ เป็นถึงบุตรหุ้นส่วนคนสำคัญ ตัดความอยากรู้อยากเห็นไปเสียดีกว่า คงต้องดูแลกันไปพักหนึ่ง
และเมื่อนึกดูดีๆ หากเอสเป็นพี่ชายฝาแฝดของเอลี่ ก็นับว่าเป็นโชคดี อยากรู้ว่าเธอชอบอะไร หรือชอบผู้ชายแบบไหน อาจได้ข้อมูลดีๆ เพื่อเอาชนะใจ เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว การยอมรับเอสเข้ามาร่วมชายคาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
“ถ้าตกลงพี่กลับก่อนนะไซน์ต้องไปดูโมนา” ซาฟบอกน้องแล้วยกสูทขึ้นมาพาดไว้บนท่อนแขน
“ครับพี่ซาฟ”
บรรยากาศในห้องเลยกลายเป็นวังเวง เธอจ้องมองชายหนุ่มด้วยแววตาระแวดระวัง หวังว่าเขาจะจับไม่ได้ ตอนนี้คงต้องพึ่งพาไปก่อน หากมีทางหนีทีไล่เมื่อไหร่จะรีบชิ่งหนีผู้ชายคนนี้ทันที
“กลับกันเถอะครับ วันนี้ผมจะพาไปส่งที่คฤหาสน์ผมก่อน”ชายหนุ่มบอก
“ขอบคุณครับ”
ไซน์เดินนำหญิงสาวไปที่รถเปิดประตูขึ้นนั่งไม่ปริปาก เอลี่หย่อนกายลงเคียงข้าง ในขณะที่คนขับเคลื่อนรถออกบรรยากาศภายในรถชวนให้รู้สึกอึดอัดไม่น้อยเลย สายตาเธอเหลือบมองเขาบ่อยครั้ง แต่ดูเหมือนอีกฝ่าย ดูไม่สนใจสักเท่าไหร่
ตอนนี้เขาเอาแต่นั่งเงียบในรถคิ้วขมวดจนชนกัน แถมยังตีหน้าขรึมจนเธอรู้สึกแปลกใจไม่น้อย สักพักจึงเอนกายลงหลับตา การกระทำเช่นนี้จึงเป็นโอกาสให้เธอได้พิจารณาเครื่องหน้า ใบหน้าคมเข้มคิ้วหนาดกดำ แพขนตายาว ดวงตาคมกริบ ริมฝีปากหยักลึกได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน ผสมกับดวงตาสีมรกตยิ่งชวนหลงใหล ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนต่างพากันพูดถึงในยามที่ไซน์มาเยือนบริษัทของบิดา