บทที่ 1 ชะตากรรมอันพลิกผัน
รัสตินยืนมองตนเองในกระจก ดวงตาหรี่ลง ดูท่าเขาคงแก่ไปมาก เวลาอันน้อยนิดที่เหลือ ต้องทำเป้าหมายของตนให้สำเร็จ เสียงฝีเท้าก้าวแผ่วทำให้เขาหยุดชะงัก แล้วหันมอง เห็นบุตรชายกำลังก้าวเข้ามาในห้อง รีออนนั่งลงบนโซฟา คนเป็นพ่อก้าวเข้ามาทรุดกายตรงข้ามเพื่อร่วมวงสนทนา
“ผมเตรียมเอกสารสำคัญ ที่ใช้ในการร่วมหุ้นกับสายการบินแฮปปี้ฟลายแล้วครับ”
“ดีมาก แกรีบไปเมืองไทยให้เร็วที่สุดอย่าให้พวกอัลเล็นโซ่ทำสำเร็จเด็ดขาด!”
“ถ้าหากว่าแฮปปี้ฟลายได้ร่วมหุ้นกับอัลเล็นโซ่แล้วล่ะครับ เราจะทำยังไง” รีออนย้อนถามบิดา
“แกก็หาทางทำให้มันยกเลิกสัญญาสิ บอกพวกมันว่าฉันจะจ่ายให้สำหรับเงินค่าเสียหายในการยกเลิกสัญญา” รัสตินบอกบุตรชาย
“ครับพ่อ”
เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า รีออนตีหน้าเครียด หากงานนี้ไม่สำเร็จพ่อจะต้องอาละวาดเขาแน่ๆ หลายชั่วโมงผันผ่าน เมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เขาเดินออกมาพร้อมลูกน้อง
“ไปโรงแรมก่อนใช่ไหมครับ” ลูกน้องเอ่ยถาม ขณะเคลื่อนรถออกจากสนามบิน
“ไม่ ไปบริษัทแฮปปี้ฟลายก่อนเลย”
“ได้ครับ”
เสียงโทรศัพท์ในห้องทำงานดังขึ้น รณเทพดำรงตำแหน่งประธานรับสาย ปลายสายบอกว่ามีแขกขอพบ ความจริงในบันทึกวันนี้เขาไม่ได้นัดหมายลูกค้าในเวลานี้เลย รณเทพรับคำให้เลขาเชิญเข้ามา พอเห็นใบหน้าของแขกกลับแปลกใจ ร่างสูงใหญ่ ผิวขาว ดวงตาสีฟ้าเข้ม ดูท่าเรื่องนี้คงไม่ธรรมดาเสียแล้ว
“ผมชื่อรีออนครับ ผมเป็นตัวแทนของบริษัทมัสสิโม่อินเตอร์กรุ๊ปที่อิตาลีครับ” เขาแนะนำตัวพร้อมยื่นมือออกมา เพื่อให้จับทักทาย
“ครับ มีอะไรให้รับใช้หรือเปล่าครับ” รณเทพถาม แล้วผายมือเชิญแขกนั่ง
“พอดีผมมีเรื่องอยากจะเสนอกับ คุณพอมีเวลาคุยกันสักครู่ไหมครับ”
“อีกสักพักผมต้องประชุมแล้ว เป็นพรุ่งนี้ได้ไหมครับ ผมจะให้เลขาจดเวลานัดเอาไว้”
“ก็ได้ครับ แต่ผมอยากจะบอกคุณไว้อย่างหนึ่ง... ผมเป็นคนใจร้อนรอไม่ค่อยเป็นหากคุณไม่รีบระวังจะเสียโอกาสนะครับ” กระตุกยิ้มมุมปากแล้วลุกยืน เดินออกนอกห้องทำงาน
รณเทพหนักใจ ดูเหมือนทางอัลเล็นโซ่เดาถูก เพียงแค่ไม่กี่วันทางมัสสิโม่ติดต่อมา แถมยังส่งคนมาหาถึงเมืองไทยอีกด้วย คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว
ตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน มาถึงทรุดลงกายลงบนโซฟา ภรรยารีบนำน้ำเย็นมาเสริฟ์ ทางด้านรณวิทย์รีบรุดมาร่วมวงสนทนาด้วย
“เอลี่ไปไหนเหรอคุณวิ” รณเทพถามภรรยา สีหน้าเครียด
“วันนี้ลูกเราติดถ่ายหนังค่ะ”
“แล้วคุณไม่ไปดูลูกหน่อยเหรอ”
“วันนี้เห็นว่าจะกลับเร็วค่ะ เลยไม่ได้ไปดู” เธอตอบแล้วนำน้ำผลไม้มาให้บุตรชายคนโต
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังเป็นระยะ ทำให้รณเทพมองด้วยความแปลกใจ จนกระทั่งสาวใช้เข้ามาในบ้านหน้าตาตื่น
“มีอะไรเหรอ”
“มีคนมาขอพบคุณท่านค่ะ”
“ใครเหรอ”
“ไม่ทราบค่ะ เห็นรถหลายคันมาจอดรออยู่ค่ะ”
เจ้าของบ้านตีหน้าเครียด ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นรีออนแน่นอน มัสสิโม่รอไม่ไหวเลยหรือไง ทั้งที่นัดหมายไว้พรุ่งนี้ ช่างทำตัวไร้มารยาทสิ้นดี
“ไปเชิญเขาเข้ามา”
“ได้ค่ะ” สาวใช้รับคำแล้วรีบออกไปเปิดประตูรั้ว
รอเบนซ์สีดำจอดเทียบหน้าบ้าน รีออนก้าวลงมาพร้อมลูกน้องนับสิบ รณเทพเดินมารับแขก
“สวัสดีครับคุณรณเทพ พอดีผมรอไม่ไหวเลยต้องมาก่อนคงไม่ว่าอะไรนะครับ”รีออนบอก แล้วทิ้งกายลงบนโซฟาราวกับเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง
วิอาภาได้แต่มองแขกของสามีด้วยความสับสนในขณะที่รณวิทย์เองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ทำไมแขกบิดาถึงได้ไร้มารยาทเช่นนี้ รณเทพนั่งลงตรงข้ามกับเขาในขณะที่รีออนโยนเอกสารลงตรงหน้า
“นี่คือเอกสารข้อเสนอในการร่วมหุ้นของเรา ลองอ่านดูคุณได้ประโยชน์จากเรามากมายเลยทีเดียว”
รณเทพเปิดเอกสารออกอ่านในขณะที่บุตรชายคนโตช่วยพิจารณา ในเอกสารบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าโดยใช้สายการบินของเขา ชายกลางคนวางเอกสารลงตรงหน้า
“เป็นไงครับ”
“ผมขอตัดสินใจหน่อยนะครับ”รณเทพบอก
ร่างสูงกำยำลุกยืนเต็มความสูง หยิบบางอย่างโยนลงบนโต๊ะกระจกสีดำ รณเทพมองดูด้วยความแปลกใจ ห่อพลาสติกใสมีผงสีขาวอยู่ด้านในลักษณะคล้ายแป้งมัน
“อีกขอเสนอที่ผมอยากจะให้คุณ หากคุณยอมขนส่งสิ่งนี้ผมจะให้คุณสี่สิบเปอร์เซ็นต์”
รณเทพเอื้อมหยิบมาพิจารณา ดวงตาเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ สีหน้าเครียดขึ้นกว่าเดิม ช้อนสายตามองอีกฝ่ายด้วยความหนักใจ
“นี่มันหมายความว่ายังไงครับ?”
“ก็ตามที่เห็น หากคุณยอมช่วยเราขนสิ่งนี้เข้าประเทศ ผมจะแบ่งกำไรให้คุณสี่สิบเปอร์เซ็นต์”
รณเทพนิ่งไปพักใหญ่ แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว เขาไม่ละโมบโลภมากพอที่จะทำลายประเทศตนเองหรอก แต่ไม่อาจปฏิเสธตอนนี้ได้ ดูคนของรีออนแล้วอาจทำให้ครอบครัวเกิดอันตราย คงต้องหาทางผ่อนผันไปก่อน
“ผมขอเวลาคิดสักหน่อยนะครับ” เขาตอบเลี่ยง
“ได้ครับ ผมจะให้เวลา แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาเอาคำตอบ”
“ตกลงครับคุณรีออน”
เขาลุกยืนอีกครั้ง “ผมหวังว่าคงจะได้ร่วมหุ้นกันกับคุณนะครับ คุณรณเทพ”
“ครับ”
“ถ้าเช่นนั้นผมขอตัวก่อน” รีออนบอกแล้วเดินออกนอกห้องรับแขก รณเทพเดินมาส่งด้านหน้า จนกระทั่งรถเคลื่อนหายลับจากสายตา สีหน้าเจ้าบ้านเครียดมากขึ้น ครอบครัวเขาไม่ปลอดภัยแน่หากไม่ยอมรับปากรีออนเรื่องการร่วมหุ้น
ยาในมือคือสิ่งที่อันตราย ดูท่าเขาคงต้องหาคนช่วยแล้ว
“พ่อ เราจะทำยังไงดีครับ” รณวิทย์ถาม แววตาสับสน
“พ่อจะทำเรื่องผิดกฎหมายได้ยังไงกัน”
“ถ้าพรุ่งนี้พวกมันมาเอาคำตอบ พวกเราไม่แย่เหรอครับ” บุตรชายย้อน
“พ่อคงต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยภายในวันนี้”
“เอลี่ยังไม่กลับบ้านเลยครับพ่อ น้องไม่รู้เรื่องนี้ เราควรทำยังไง”
คนเป็นพ่อแสดงอาการหนักใจ วิอาภากัดริมฝีปากเพื่อกลั้นสะอื้น ไม่อยากให้ลูกหรือสามีเป็นห่วง ในเวลาแบบนี้
“ตามยัยพีมาหาผมหน่อย แล้วคุณไปหยิบพาสปอร์ตของเอลี่กับยัยพีมาด้วย” รณเทพบอกภรรยา
“ได้ค่ะ” วิอาภารับคำรีบเดินไปตามบุตรสาวบุญธรรมที่กำลังง่วนทำอาหารอยู่ในครัว
พีรดาถอดผ้ากันเปื้อนออก แล้วเดินตรงมาหาบิดา ยังไม่ทันได้พูดจา รณเทพรีบยัดเมมโมรี่การ์ดกับเอกสาร และผงสีขาวในมือไว้ในซองเอกสารสีน้ำตาลยื่นให้กับพีรดา
“ยัยพี พ่อฝากไปให้เอลี่ที”
“หมายความว่ายังไงคะพ่อ” พีรดาย้อนถามสีหน้าสับสน มันเกิดอะไรขึ้นกัน
“รีบไปหาน้องเร็วเข้าเถอะ อย่าถามพ่อตอนนี้เลย เวลาไม่มีแล้ว บอกน้องด้วยว่าให้เดินทางไปอิตาลี ตามหาผู้ชายที่ชื่อซาฟ เขาอยู่ที่บริษัทอัลเล็นโซ่เอ็นเตอร์ไพรส์ แล้วมอบสิ่งนี้ให้กับเขา บอกเอลี่ว่าอย่าไว้ใจใครเด็ดขาด ต้องส่งสิ่งนี้ให้กับซาฟหรือน้องชายเขาอีกสามคนเท่านั้น!”
“หนูไม่เข้าใจเลยค่ะพ่อมันเกิดอะไรขึ้น!” คนถูกไหว้วานเริ่มรู้สึกกลัว
“รีบไปเร็วลูก นี่เงินแล้วก็บัตรเครดิตดูแลน้องด้วยนะยัยพี!” วิอาภาเร่งบุตรสาวบุญธรรม
พีรดาน้ำตาคลอด้วยความหวาดกลัว
“ฝากเอลี่ด้วยนะ” รณวิทย์บอกน้องสาวแล้วสบตา เธอพยักหน้าช้าๆ รับคำเขา แล้วก้าวออกนอกบ้าน
พีรดารีบขับรถออกมา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เธอต้องรีบไปหาน้องสาวแล้วพาไปอิตาลีโดยด่วน เห็นสีหน้าของพ่อแล้วก็รู้ว่าต้องมีเรื่องอันตรายเกิดขึ้นแน่นอน ขอให้ทุกอย่างราบรื่นดีด้วยเถอะ