บทที่ 9 ตรงข้ามความรู้สึก

1303 Words
ทำไมเขารู้สึกว่ามันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน กับการถามคำถามถึงผู้หญิงที่ถูกใจสักคน อาจเพราะไม่เคยทำเช่นนี้ เมื่อไหร่จะได้พบเธออีกสักครั้ง ไม่อยากได้ตัวแทนเป็นพี่ชายมาอยู่ในความดูแล ยิ่งเห็นหน้าทุกวันใจพาลสั่นไหว หากนานกว่านี้ คงอุตริชอบเอสขึ้นมาคงเรื่องใหญ่แน่ เอลี่ทรุดกายลงบนเตียงหลังจากเข้าห้องมาแล้ว สีหน้าหม่นลง อยากติดต่อครอบครัวแต่จนใจ ป่านนี้ทุกคนจะเป็นไรบ้าง ถอนใจออกมาเฮือกหนึ่ง ล้มตัวลงนอนตะแคง น้ำตาไหลซึม อยากเข้มแข็งมากกว่านี้จริงๆ รณเทพจ้องมองบุตรสาวบุญธรรมพลางถอนใจออกมา เพราะหมดคำพูดใด ใจก็รู้ว่าพีรยาเป็นห่วงเขาและภรรยาแต่ไม่คิดว่าจะกล้าทอดทิ้งบุตรสาวคนเล็กของเขาไว้ “พีขอโทษนะคะพ่อ”เธอเอ่ยเสียงเบา ไม่มีเสียงใดตอบออกมา มีเพียงความนิ่งเงียบสีหน้าเมินเฉย รณเทพเดินจากไปเงียบๆ ในขณะที่วิอาภาเดินเข้ามาหาแล้วกุมมือไว้ “ไม่เป็นไรพี เดี๋ยวพ่อก็หายโกรธ” วิอาภาปลอบใจ “ค่ะแม่” เธอจ้องมองแผ่นหลังของผู้มีพระคุณที่ชุบเลี้ยงด้วยความรู้สึกผิด เพราะนึกห่วงพวกท่านจึงไม่อาจจากไปไกลถึงอิตาลีได้ แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นเช่นนั้น ทุกคนแสดงท่าทางเสียใจต่อการตัดสินใจครั้งนี้มาก แต่สายตาที่ทำให้เธอกลัวยิ่งกว่าใคร คือดวงตาคมกริบกำลังจ้องมองราวกับจะเฉือดเฉือนออกเป็นชิ้นๆ เธอไม่กล้าไปสบตา จึงหลุบมองพื้นแทน “คิดยังไงถึงได้ทิ้งเอลี่ไว้คนเดียวพีรยา!” เสียงเข้มห้าวถามขึ้น “พีขอโทษค่ะ” “แล้วตอนนี้เอลี่อยู่ไหนก็ไม่รู้ ฉันคิดว่าเธอรู้ว่าควรทำอะไร แต่เธอกลับไม่มีหัวคิดเลยสักนิด!” เขาตำหนิหญิงสาว “พีไม่ได้ตั้งใจค่ะพี่วิทย์ พีแค่เป็นห่วงพ่อกับแม่” น้ำตาคนถูกดุกำลังไหลรินออกมา “จำเป็นต้องห่วงด้วยหรือไง ไม่ใช่ลูกแท้ๆ สักหน่อย ปกติฉันก็ดูแลพ่อกับแม่อยู่แล้ว ไม่มีเธอฉันก็ดูแลพวกท่านได้!” เธอนิ่งเงียบปล่อยให้เขาตำหนิตามใจชอบ รู้ว่าผิดไม่ได้อยากปล่อยน้องสาวไว้คนเดียว แต่เพราะใจเป็นห่วงพ่อกับแม่ รวมถึงเขาที่ไม่เคยมองว่าเธอดีในสายตา เอาแต่คอยต่อว่าไม่เคยเห็นเป็นน้องสาว มีเพียงสายตาเย็นชาท่าทีหมางเมิน และถ้อยคำที่ฟังแล้วเจ็บปวดเสมอมา เธออาศัยอยู่ที่นี่ร่วมสิบปีแล้ว โดยที่รณเทพยอมรับเป็นลูกบุญธรรม รู้สึกดีใจที่ได้ท่านทั้งสองมาเป็นพ่อและแม่ ในวันที่ก้าวเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน สายตาเพียงคู่เดียวทำให้หวั่นไหวมาจากเขา รณวิทย์ บุตรชายคนโตของตระกูลเวชชวศิลป์ เขาเป็นคนเงียบขรึม เลยทำให้เธอไม่กล้าเข้าใกล้ ได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ แอบรัก แอบชื่นชม โดยไม่ให้ใครล่วงรู้ และความรักนั้นไม่เคยจางแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน พยายามเตือนตัวเองทุกวัน ทว่าใจกลับไม่เคยตัดจากเขาได้เลย “พีขอโทษค่ะ” รณวิทย์เหลือบมองน้องสาวที่ไม่เกี่ยวพันกันทางสายเลือด ก่อนเดินเลี่ยงออกมา นับวันยิ่งรู้สึกขัดใจไม่อยากเข้าใกล้น้องสาวคนนี้เลยจริงๆ เมื่อหัวใจมันไม่ได้สั่งให้คิดว่าเธอเป็นน้องสาว ท่าทีของเขาที่แสดงออกมาเพื่อปิดกั้นตนเองไม่ให้ก้าวล้ำไปมากกว่านี้ แม้อยากทำตรงข้ามก็ตาม อยากรั้งมากอดเพื่อปลอบประโลม อยากจุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปาก แต่มันเป็นไปไม่ได้ ทุกวันนี้เลยทำปั้นปึงไม่สนใจ ตีตัวออกห่างทำทุกวิถีทางให้เธอไม่ต้องมาใกล้ ไม่รู้จะทนได้สักเท่าไหร่ ยิ่งนานไปหัวใจมันยิ่งผูกพัน ยิ่งรู้สึกปรารถนาในตัวพีรยามากขึ้น เขาไม่อยากเป็นพี่ชายแต่อยากเป็นผู้ชายคนหนึ่งของเธอ เธอเหลือบมองแผ่นหลังเขาที่เดินเลี่ยงออกไป คนถูกดุเลยแอบไปสวนหลังบ้านในอเมริกา ที่เพิ่งเดินทางมาถึงพร้อมกับครอบครัวไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า คนตัวเล็กก้มหน้ามองมือตัวเองปล่อยให้น้ำตารินรดไม่ขาด ร่างสูงยืนกอดอกมองหญิงสาวผ่านทางหน้าต่างห้องนอน ดวงตาคมกริบจ้องมองไหล่บางกำลังไหวสะท้านเพราะแรงสะอื้นด้วยความรู้สึกผิด เสียงฝีเท้าที่ดังจากเบื้องหลังทำเอาคนกำลังสะอื้นรีบปาดน้ำตาออก เมื่อเห็นปลายเท้ามาหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาวรีบเงยขึ้นมอง ดวงตากลมโตสบเข้ากับเขาพอดี พีรยารีบเมินหน้าหนีเพื่อหลบซ่อนน้ำตาที่กำลังเอ่อออกมาเอาไว้ไม่ให้เขาเห็น ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรจากเธออีก ในเมื่อเขาก็ต่อว่าเธอไปแล้วหรือมันยังไม่พอ “มะ...มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามเขาเสียงเบาพลางก้มหน้านิ่ง รณวิทย์อึกอักไม่กล้าเอ่ย อยากจะปลอบแต่เมื่อคิดได้ว่าไม่ควรทำ เท้าที่หยุดยืนจึงขยับหมายเดินหนี พีรยาจ้องมองด้วยความแปลกใจ เห็นสีหน้าท่าทางยิ่งทำให้เธอรู้สึกช้ำใจนัก ชายหนุ่มรีบสาวเท้าไม่อยากอยู่ใกล้ไปมากกว่านี้ให้ใจทุรนทุราย ความรักของเขาคงเป็นได้แค่เพียงความฝันเท่านั้น “พี่วิทย์ ไม่มีอะไรจะพูดกับพีเหรอคะ” เธอถามเขาอีกครั้ง ใจหวังให้เอ่ยปากพูดดีกับเธอสักครั้งให้หัวใจนี้รู้สึกชุ่มชื่น “ไม่มี! แค่จะมาพูดเรื่องเอลี่ แต่ไม่พูดดีกว่า!” เขาตอบเสียงห้วนแล้วเดินจากไป พีรยามองเขาน้ำตาเอ่อ นึกว่าจะโชคดี สุดท้ายก็จบลงเช่นเดิม ยกยิ้มให้กับความรักลมๆ แล้งๆ แล้วกลั้นน้ำตาเดินเข้าครัวเพื่อทำอาหารให้ทุกคนในบ้านทาน ยามค่ำคืนทุกคนต่างรับประทานอาหารบนโต๊ะอย่างเงียบๆ ใบหน้าแต่ละคนไม่มีแม้รอยยิ้มมีเพียงความเศร้าหมองเท่านั้น พีรยารู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนต้องเสียใจ เธอไม่น่าปล่อยเอลี่ไว้คนเดียวเลย จวบจนจบมื้ออาหารทุกคนต่างแยกย้ายกันเข้านอน หญิงสาวเก็บโต๊ะอาหารสีหน้าเหม่อลอย เพล้ง! เสียงจานตกกระทบพื้นแตกเป็นเสี่ยง หญิงสาวรีบลนลานเก็บมันจนเผลอโดนบาด “โอ้ย!” เธอร้องพลางจ้องมองหยดเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากปลายนิ้ว แต่แผลแค่นี้ไม่มีผลอะไร เก็บจากที่แตกต่อเพราะเกรงคนในบ้านมาเหยียบเอา แล้วรีบหันมาหมายจะล้างจานต่อ แต่ข้อมือบางกลับถูกฉุดรั้งเอาไว้ “จะล้างจานต่อได้ยังไงมือเป็นแบบนี้!” เขาดุ พร้อมกับจ้องมองนิ้วมือเธอที่มีเลือดไหลซึมออกมา พีรยามองเขาสีหน้าตระหนก พี่วิทย์มาได้ยังไงกัน เมื่อรู้สติหญิงสาวรีบดึงข้อมือตนเองออก แต่อีกฝ่ายกลับยื้อไว้ไม่ยอมปล่อย “ปล่อยพีนะคะพี่วิทย์” “ไปทำแผลก่อน!” “ไม่ต้องหรอกค่ะ แผลแค่นี้พีทนได้ เจ็บมากกว่านี้พียังเคยทนมาแล้ว” พีรยาโพลงออกมา น้ำตารื้น รณวิทย์สับสนเมื่อเห็นแววตาอีกฝ่าย อยากกอดเธอเสียตอนนี้ แต่กลับทำไม่ได้ เมื่อทุกคนต่างรับรู้ว่าเขาคือพี่ชายของเธอ คนเจ็บยังดึงมือตนเองออก เขาส่งสายตาดุไป “อย่าดื้อพีรยา!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD