ไม่ไหว ข้าจะต้องหนีแล้ว เรื่องเมื่อคืนทำให้ข้าหน้าร้อนผ่าวๆ เหตุใดทำไมข้าต้องมาอยู่ใกล้ผู้ชายเช่นนี้ ข้าพยายามจะหลบหน้าท่านริว แม้เขาไม่ได้สนใจข้า ข้าก็จะหลบ อย่างน้อยเขาจะได้ไม่ต้องเห็นข้า
“นี่ ขัดห้องน้ำให้หน่อยสิ” เสียงของแม่นางเหม่ยที่ทักข้า ทำให้ข้าเกิดความสงสัย ข้าแค่สงสัย ใช่ว่าอยากจะมีปัญหาใด อย่างไรนางก็เป็นคู่หมายเจ้าของบ้าน เอ่อ ที่ต้องล้างห้องน้ำงั้นเหรอ
“เหตุใดทำไมข้าต้องทำงานของเจ้าด้วย”
“เพราะฉันสั่งไง” แม่นางเหม่ยยื่นอะไรสักอย่างที่มีหน้าตาแปลกๆมาให้ข้า เหมือนจะเป็นแบบสีฟัน แต่ก็มีขนาดใหญ่กว่า แบบนี้จะเอาไปขัดสิ่งใด แต่พอข้าจะรับ ท่านพ่อบ้านกรีนก็เดินมา พร้อมกับกระชากแปรงนั่น ส่งคืนให้เหม่ยตามเดิม
“ทำไมหมินหมิ่นต้องทำงานของเธอฮะ อย่าให้ฉันเห็นอีก ไม่งั้นเรื่องที่หล่อนพยายามจะวางยา ถึงหูท่านชิงหลงแน่ ก้มหน้าก้มตาทำไม ส่วนเธออยากให้ทำงานในครัว มันก็ต้องมีชุด จะมาใส่เสื้อผ้าปกติเข้าไปไม่ได้มันไม่ถูกสุขอนามัย ตามฉันมา” คำสั่งแข็งกร้าวดังลั่นจนทำให้ข้าต้องรีบพยักหน้าแล้วตามพ่อบ้านกรีนไปอย่างว่าง่าย
“ชุดอันใด ข้าก็ใส่ชุดอยู่แล้ว” ข้าถามด้วยความสงสัยใคร่จะรู้
“ผมนี่ต้องรวบเก็บให้ดี ใส่หมวกคุมผมให้เรียบร้อย ชุดที่ใส่ก็ต้องสะอาดสะอ้าน” ท่านพ่อบ้านกรีนพาข้าเดินผ่านหน้าท่านริว ทำให้ข้าต้องรีบหลบ ทำตัวให้เล็กที่สุด
“กรีน!!! ให้ยัยเด็กใหม่มานี่หน่อย!!!!” เสียงที่เรียกข้าทำให้ข้าสะดุ้ง
“ไปทำอะไรผิดมารึเปล่า” ท่านพ่อบ้านถามข้า
“ข้าหาได้ทำสิ่งใดผิด ท่านพาข้าไปจากท่านริวได้ไหม แม้ข้าจะไม่ได้ทำสิ่งใดผิด แต่เขาพยายามจะผิดผีข้า” ประโยคของข้าทำให้ท่านกรีนหัวเราะ
“ข้าพูดสิ่งใดน่าขัน ท่านถึงได้หัวเราะข้า ข้าไม่อยากไป ได้โปรดให้ข้าอยู่ในครัวจนตาย” ข้าพยายามอ้อนวอนแต่ท่านพ่อบ้านก็ยังส่งข้าไปหาท่านริว แล้วขอตัวจากไป ทิ้งข้าไว้กับชายผู้นี้ ที่พยายามจะมองข้าเหลือเกิน
“มองฉัน!!!!!”
“ข้าว่าเราไม่ควรมองหน้ากัน ข้าว่าเราไม่สมควรทำอันใด ไม่ควรใกล้ชิด ไม่กลัวอยู่ลำพังกันเช่นนี้” ข้ายังคงหลบตาที่พยายาม มองหน้าไม่หยุด แต่ดูเหมือนการหลบตาของข้าจะทำให้เขารำคาญ มือใหญ่เลยล็อกเข้าที่หน้าของข้า เพื่อให้ข้ามองเขา
“ม้าบอกให้พาเธอไปซื้อชุดชั้นใน”
“คำสั่งของคุณนายงั้นหรือ ข้าเข้าใจแล้ว แต่ชุดชั้นในมันคือสิ่งใดกัน” หรือจะหมายถึงไอ้กลมๆที่ข้าใส่อยู่นี่ มันเล็กจนอึดอัด แต่ก็ช่วยประคองหน้าอกได้ดี
“ฮ่ะๆ จี้ชะมัด ชุดชั้นในมันก็คือ นี่ไง” ท่านริวชี้มาที่หน้าอกของข้า ทำให้ข้าต้องรีบเอามือปิดมันเอาไว้ ท่านมาชี้หน้าอกของข้าได้เช่นไร
“ท่านหาได้มีความเป็นสุภาพบุรุษ” ประโยคของข้าทำให้มือใหญ่บีบกรอบหน้าข้าแรงขึ้น จนรู้สึกเจ็บ
“แล้วใครบอกว่าฉันเป็น จะพูดอะไรกับฉันให้รู้ไว้หน่อยฉันเป็นใคร ฉันเป็นเจ้านายของเธอ อายุก็มากกว่าเธอก็น่าจะสิบปีได้ ฉันสั่งอะไรเธอก็ต้องทำ เพราะที่นี่ ฉันถือกฎอย่ามาก้าวร้าว และเสียงดังใส่ฉัน” ท่านริวบอกว่าข้าเป็นเด็กที่ก้าวร้าวงั้นหรือ ข้าเพิ่งจะพูดเสียงดังขึ้นจากปกตินิดเดียว
“หมินหมิ่นไม่ได้จะก้าวร้าว นั่นไม่ใช่นิสัยของข้า หมินหมิ่นผิด หมินหมิ่นขออภัย ถ้าสิ่งใดที่ทำให้ขุ่นเคือง ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย” ข้าเป็นเด็กทำผิดก็ต้องรู้จักขอโทษ ดูเหมือนคำขอโทษของข้าจะทำให้ท่านริวพอใจ เมื่อดูจากรอยยิ้ม
“ไม่ให้อภัย ไปได้แล้ว เธอต้องไปซื้อชุดชั้นใน”
อะไรกัน ไม่ให้อภัยข้า แล้วท่านยิ้มเพราะเหตุใด ข้าไม่เห็นจะเข้าใจเลย ข้าเดินตามท่านริวไปขึ้น เอ่อออ มันคือสิ่งใด เจ้านี้มันหน้าประหลาด มีรูปร่างคล้ายรถม้า แต่หาได้มีม้าสักตัวไม่ ข้าได้แต่ยืนมองมันอย่างพิจารณา
“เราจะไปได้เยี่ยงไร หาได้มีม้าลากสักตัวไม่”
“นี่เขาเรียกว่ารถยนต์ ใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน แต่ก็รู้ได้อยู่อย่าง ที่ที่เธอจากมา รถยังใช้ม้าลาก แม้ความทรงจำจะไม่มี แต่เธอจดจำมันได้จากความรู้สึก ขึ้นรถได้แล้ว” คำสั่งให้ขึ้นรถ แต่หาใช่ข้าคนเดียวที่ขึ้นรถ ชายฉกรรจ์มากมายขึ้นรถตามคำสั่ง นี่เราจะไปซื้อชุดชั้นใน แล้วคนพวกนั้นจะไปที่แห่งใด แต่ยังไม่ทันที่ข้าจะหายสงสัย ตัวข้าก็ถูกจับโยนเข้ามาในสิ่งที่เขาเรียกมันว่ารถ
เพียงแค่ประตูเจ้ารถนี่ปิดลง มันก็เคลื่อนที่ อู้วววว มันช่างนิ่มกว่ารถม้า หรือเกี้ยว ใช่จริง ๆ ข้ารู้สึกว่ามันใช่ ข้ารับรู้ได้ แม้แต่จำไม่ได้ แบบนี้ข้าอาจจะรับรู้ได้อีก เหมือนที่ข้าทำอาหารได้
@ห้างสรรพสินค้า
“นี่คือที่แห่งใด ทำไมผู้คนถึงได้มากมายอย่างนี้ ผู้คนเหล่านี้กำลังก้มหน้าทำอะไร” ข้าตื่นตาตื่นใจ กับสถานที่แห่งนี้ คนที่นี่เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด
“ถามเยอะจังเลย นี่เรียกห้างสรรพสินค้า แล้วสิ่งที่คนกำลังเล่นอยู่ คือโทรศัพท์” ถึงเขาจะบ่น แต่ก็ยังอธิบาย
“ท่านมีเจ้าจิ้ม ๆ นั้นไหม”
“ก็มี แต่ฉันไม่ใช่พวกติดโซเชียล”
“โตเลี่ยวมันคือสถานที่แห่งใด” คำถามของข้าทำให้ผู้ติดตามของท่านริว หัวเราะออกมา
“โซเชียลเน็ตเวิร์ก มันคือสังคมออนไลน์ ที่คนจะใช้สื่อสารมันกับเจ้าโทรศัพท์นี่ ฉันไม่ให้ถามแล้วนะ ขี้เกียจตอบ อยากรู้อะไรเยอะแยะ มีอะไรไปถามไอ้แอล ไม่ต้องมาถามฉันแล้ว” เมื่อท่านริวไม่ให้ข้าถาม ข้าก็ไม่เซ้าซี้ ข้าเดินไปหาผู้ติดตามทันทีที่ท่านริวอนุญาต
“ท่านคือท่านแอลใช่หรือไม่ เขาบอกให้ข้าถามท่านได้ ข้าไม่ค่อยเข้าใจ ผู้คนที่นี่แต่งตัวกันหลากหลายแบบ แบบที่ข้าใส่อยู่ เรียกสิ่งใด”
“อย่าเรียกผมท่านแอลเลย เรียกพี่แอลดีกว่า สิ่งที่คุณหมินหมิ่นใส่อยู่ เขาเรียกว่าชุดเดรส หรือชุดกระโปรงนะครับ” พี่แอล อายุมากกว่าเลยต้องเรียกพี่สินะ
“อ่อ พี่แอล แล้วแบบนี้ข้าต้องเรียกพี่ริวด้วยไหม” ข้าถามพลางมองชุดกระโปรงที่ตัวเองใส่
“ไม่ได้ครับ อันนั้นต้องเรียกท่านริว หรือถ้าเขาจะอนุญาตก็อีกเรื่อง อ่อ แล้วอย่าไปขัดใจมาก ท่านริวเป็นพวกอารมณ์ผีเข้าผีออก” พี่แอลบอกข้าเสียงเบาๆ เพราะกลัวคนที่เดินนำหน้าจะได้ยิน
“ไอ้แอลลลล!!!!” ประโยคเรียกดัง ๆ ทำให้พี่แอลสะดุ้งทันที
“ผมไม่ได้พูดหรือนินทาอะไรเลยคร้าบบบบ” พี่แอลตอบคนเป็นเจ้านายแล้วหันมายิ้มให้ข้า เพื่อบอกว่าเขารอดแล้ว ฮ่ะ ๆ ตลกดีจัง
ข้าถูกพามาร้านที่ข้าเองก็ไม่เข้าใจ ไอ้ชุดชั้นในอะไรนี่ มันขายกันอย่างโจ่งแจ้ง ไม่อายสายตาใครเลยหรือ ถ้าข้าซื้อ คนพวกนี้ก็จะรู้นะสิ ว่าวันนี้ข้าใส่สีใด อับอายขายขี้หน้า
“เหม่ออะไร”
“ข้าคิดว่าข้าไปเย็บเองดีกว่า หากถ้าข้าซื้อ คนพวกนี้ก็จะรู้ ว่าข้าใส่สีใด” ข้าตอบไปอย่างที่ใจคิด แต่คำตอบของข้าทำให้ท่านริวยิ้มออกมา เขายิ้มสวยจัง ข้าต้องรีบหลบสายตาเพราะไปสบตาเข้า ข้าหาได้คิดสิ่งใด แต่หญิงที่ดีควรรู้จักรักนวลสงวนตัว
“ไปเลือก!!!” เสียงตวาดของท่านริวทำให้ข้าสะดุ้ง แล้วรีบไปเลือกดูเจ้าชุดชั้นในมากมาย
“ไซส์อะไรดีคะ” คำถามจากคนที่มาต้อนรับ ทำให้ข้ารีบวิ่งกลับมาหาท่านริว
“ท่านริว ไว้ ไม่ ไจ้ ไม่ๆ ไซส์” ข้าถามท่านริวว่ามันคือสิ่งใด ท่านกลับมองข้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนตอบแม่ค้าคนนี้แทนข้าว่า......
“ผมขอให้เธอลองได้ไหม”
“ได้สิคะ มาค่ะเชิญทางนี้ เลือกได้ตามสบายเลยนะคะ เสร็จแล้วเรียกดิฉันได้เลยค่ะ เอ่อคุณลูกค้าคะ ให้ลูกน้องไปรอไกล ๆ ได้ไหมคะ ดิฉันเกรงว่าการมีชายฉกรรจ์มากมาย จะทำให้ลูกค้าท่านอื่นนั้นนนน.....” สายตาของแม่ค้านั้นเหมือนจะหวาดกลัว แต่ว่าหวาดกลัวสิ่งใด??
“เอาไว้กันพนักงานพูดมากไง ไปได้แล้ว ผมต้องการความเป็นส่วนตัว” ท่านริว ท่านกำลังไล่แม่ค้าจากร้านของตัวเองงั้นหรือ ท่านทำแบบนี้ได้อย่างไร
ข้ามมองไปยังร้านกว้างขวาง ข้าควรจะใส่แบบใด ทำไมมันถึงได้มีแบบมากมายเช่นนี้ แล้วไอ้ที่มันเป็นผ้าบางๆ นี่เอาไว้ปิดสิ่งใด ปิดสิ่งใดไม่ได้เลย
“ข้าควรจะเลือกยังไง เยอะแยะไปหมด” แต่ไม่ทันที่เขาจะตอบข้า มือใหญ่ก็คว้าหมับเข้าที่หน้าอกของข้า มันทำให้ข้าตกใจถอยเซจนเกือบจะล้ม แต่ถูกท่านริวคว้าเอวเอาไว้ซะก่อน
“ท่านมาจับหน้าอกข้าเพราะเหตุใด” ข้าพยายามถามให้เบาที่สุด ข้าก็อาย แต่นอกจากเขาจะไม่ตอบคำถามข้า กลับยังจับอยู่แบบนั้น
“C70 ก็พอ”
“ท่านหมายถึงสิ่งใด ปล่อยหน้าอกข้าได้รึยัง ไม่ได้ แบบนี้ข้าต้องไปกระโดดน้ำตายหนีความอัปยศนี้” ข้าพูดประชดประชัน พร้อมผลักคนที่รังแกข้าออก ข้าจะไม่อยู่ใกล้ท่านอีกแล้ว ท่านมีแต่ทำให้ข้าต้องอับอาย
“ไร้สาระ แค่วัดไซส์”
“มันต้องจับหน้าอกข้าเลยเหรอ ข้าเป็นผู้หญิง หาใช่หญิงงามเมือง ที่ท่านจะทำสิ่งใดก็ได้ ข้าไม่ได้ก้าวร้าวยังคงเคารพท่านที่สุด แต่ท่านก็ควรจะให้เกียรติข้า” ข้าก้มหน้าลงต่ำ แม้จะพูดน้ำเสียงที่อ่อนที่สุด แต่ก็ยังกลัวโดนดุอยู่ดี
“ดีมาก ที่รู้จักหวงตัว แต่ถ้าฉันไม่จับ ก็จะไม่รู้ขนาดนะ” มือใหญ่วางลงบนหัวของข้า มันทำให้ข้าต้องเงยหน้ามองเขาอย่างอดไม่ได้
“ท่านไม่ได้คิดจะเอาเปรียบข้าใช่ไหม”
“ใช่...ฉันกำลังเอาเปรียบเธออยู่ แล้วเธอก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าเธอไม่ได้น่าเบื่อ ไปบอกพนักงาน ว่าจะเอา C70 อยากได้สีไหนเธอก็ไปชี้ ฉันซื้อให้ถือเป็นค่าอาบน้ำเมื่อวาน ถ้าฉันจะรังแกเธอ ฉันทำไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” มือใหญ่ยังคงขยี้หัวของข้า ทำให้ข้าต้องหนีมือนั่นแล้วเดินไปหาแม่ค้า เพื่อเอาสารจากท่านริวไปแจ้ง C70
ริว Say ::
หลังจากพาคนหลังเขาไปซื้อของ กลับมาผมก็โทรหาซินซินเพื่อถามไถ่เรื่องเกี่ยวกับเธอ ได้ใจความจากซินซินว่า แม่หนูหมินหมิ่น น่าจะมาจากราชวงศ์หมิง อาจจะเป็นหญิงสูงศักดิ์ ไม่ก็ราชนิกุล ไม่ก็ลูกขุนนางชั้นผู้ใหญ่ แต่ดูจากผ้าไหมของชุด ต้องอยู่ในวังถึงมีสิทธิ์ได้ใส่ คนในสมัยนั้นแบ่งชนชั้นจากความกว้างของแขนเสื้อ แล้วชุดของเธอแขนเสื้อก็เกือบที่จะถึงพื้น เป็นไปได้อย่างเดียว คือต้องเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ผมนั่งรอเวลา 2 ทุ่ม เพื่อจะได้คุยกับเธอเรื่องนี้ รอที่ไหนนะเหรอ ก็ห้องน้ำนะซี้
เสียงประตูห้องน้ำที่เปิดเข้ามา ทำให้ผมตั้งใจที่จะรอ แต่เพียงแค่ได้ยินเสียงถอดเสื้อผ้า มันก็ทำให้ผมรีบหันไปมองทันที!!!! เป็นหมินหมิ่นไม่ถอดแน่ๆ
“เหม่ยมาอาบน้ำให้ค่ะ ท่านริว ทำไมทำหน้าตกใจแบบนั้น” เหม่ยเดินลงมาในน้ำด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า
เมื่อไหร่เธอจะเข้าใจ หมดกันการอาบน้ำที่รอคอย ผมเตรียมตัวจะขึ้นจากน้ำ แต่กลับโดนเหม่ยกระโจนเข้ามากอดไว้ แต่เพราะร่างกายที่เต็มไปด้วยสบู่ ทำให้มันลื่น แต่เธอก็ยังไม่ละความพยายาม
“ไม่เอา ไม่ให้ไป เหม่ยกลัว กลัวจะเสียท่านริวไป เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ทำไมท่านริวกลับห่างเหินขึ้นไปทุกวัน ทุกวัน ท่านริวจะมีคุณหนูเหมเหม่ในใจ ฉันก็ไม่เคยว่า แต่มีใจให้ฉันบ้างไม่ได้เหรอ” เหม่ยพูดขึ้น ทำให้ผมคิดถึงหญิงสาวตัวเล็ก ที่แม้แต่ตอนนี้ที่ผมเองก็ยังรู้สึกผิดกับตัวเอง ทำไมตอนนั้นผมไม่สู้เพื่อความรักผมมากกว่านี้ ผมแค่กลัวสิ่งที่ไม่แน่นอน กลัวความห่างไกล กลัวว่าเราจะเลิกกันแล้วไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก
ผมต้องหยุดคิดเมื่อตอนนี้เหม่ยพยายามจะคลอเคลีย ผมเองก็เป็นผู้ชาย ความต้องการมันต้องมีอยู่แล้ว ผมก็เห็นเธอไม่ต่างจากน้อง ไม่ได้อยากได้แบบนี้ ผมเลยใช้เท้าขึ้นมาตั้งไว้ เพื่อให้เธอเข้ามาไม่ถึงผม แต่มือที่พยายามจะลูบไล้ผมแบบนี้มัน!!!! ยัยนี่จะปล้ำผมอีกแล้ว เอาไปผูกไว้กับเสาก็แล้วกัน
แกร๊ก~* เสียงเปิดประตูห้องน้ำ ทำให้เราทั้งคู่หันไปมอง หญิงสาวที่ถือผ้าขนหนูเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี แต่พอเห็นผมกับเหม่ยฟัดกันอยู่ก็เกิดอาการตกใจ แล้วจะถอยหลังหนี
“ข้ามาอาบใหม่วันหลังดีกว่า ข้าไม่อาบแล้ว”
“เดี๋ยว!!!!”
“พวกท่านกำลังทำเรื่องบัดสี เหตุใดข้าต้องหยุด ข้าจะไปอาบน้ำที่อื่น” ผมรีบวิ่งไปดึงผ้าขนหนูที่หมินหมิ่นถือมา เพื่อคลุมตัวแล้วออกจากห้องน้ำ แม้บนตัวยังมีแต่ฟอง โดยไม่ลืมลากแขนหมินหมิ่นออกมาด้วย
ยัยเหม่ยนับวันยิ่งเอาใหญ่ ผมเกรงใจเธอ เพราะเธอเป็นคนของม้า แต่แบบนี้มันมากเกินไป ผมลากหมินหมิ่นจนมาถึงห้องของผม ยังไงผมก็เอาผ้าเช็ดตัวของเธอแถมเปียกขนาดนี้ เธอคงใช้ไม่ได้แล้ว
“ผ้าของข้า”
“ฉันใช้อยู่ อยากได้คืนก็มาดึงเอาไปสิ”
“ข้าต้องมาเห็นขาที่สามของท่าน ข้าไม่เอา” เพราะเธอไม่เอา ผมเลยต้องไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่สีกรม ที่ปกติจะใช้แค่ครอบครัวผม มาให้เธอ เป็นการคืนให้ ก็ผมเอาของเธอมาใช้นี่
“คืนให้แล้วนะผ้าอะ ใครจะไปรู้ว่าจะโดนปล้ำ”
“ท่านริวฟองเต็มตัวเลย ฮ่ะๆ” คนที่พูดไป หัวเราะเยาะเย้ยผมไป หนอยยยย มันจะมากไปแล้วนะ กล้าหัวเราะใส่ผมเหรอ ผมลากแขนหญิงสาวหญิงสาวที่เกาะประตูเหมือนตุ๊กแก เข้ามาในห้องน้ำ ด้วยความหมั่นไส้ ไม่อายที่เห็นผมโป๊แล้วรึไง หรือสมน้ำหน้าผมมากกว่า อะไรก็ช่าง
“ไป!!!! เข้าไปในห้องน้ำ”
“ม้ายยยยยยย เหตุใดข้าต้องเข้าไปในห้องน้ำกับท่านด้วย”
“อาบน้ำให้ฉันไง”
“ม้ายยยยย ไม่เข้า ไม่อาบ ข้าไม่อยากอาบน้ำให้ท่านริว ไม่อยากเห็นท่านริวเปลือยกายด้วย ไม่เอาอีกแล้ว” เธออาจจะลืมไปแล้ว ตอนนี้ผมก็เปลือย ผมหมั่นไส้ความถือตัวของเธอ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหน ไม่อยากอยู่ใกล้ผม แล้วก็....อยากแกล้งเธอด้วย
อีกด้าน
“ซึมเป็นหมาเลย เขาไม่เอา ก็คือไม่เอา จะดิ้นรนเพื่อ???” แอลถามหญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่หลังบ้าน แล้วก็เป็นแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง
“ฉันผิดอะไร ฉันไม่สวยรึไง ฉันยอมได้นะ จะให้ท่านริวมีคุณหนูเหม่เหมในใจอยู่ตลอด” เหม่ยปาดน้ำตา แม้เธอพยายามแค่ไหน ริวก็ไม่เคยหันมาเหลียวแล
“โง่รึเปล่า เคยได้ยินมะ ถ้าคนมันจะรักยืนเฉยๆเขาก็รัก”
“ไปเลย!!!! ไอ้แอล ไม่เคยช่วยให้รู้สึกสึกดีเลย” เหม่ยปารองเท้าใส่คนที่พูดไม่เข้าหู ทำให้แอลต้องรีบวิ่งหนีรองเท้าของเธอ
“อะไรพูดแค่นี้รับความจริงไม่ได้!!! เขาไม่เอา จำไว้ เขาจะเอาเขาเอาไปนานแล้ว”
“ไอ้แอล อย่าหนีนะ ถ้าไม่ได้อัดแกสักตุบ วันนี้ฉันจะไม่ยอมนอน”
แอลแกล้งวิ่งช้าลง ให้หญิงสาวได้ระบายอารมณ์ออกมาบ้าง เผื่อเธอจะได้รู้สึกดีขึ้น