Ep.1 : บ้านหลังใหม่

2147 Words
หมินหมิ่น Say :: ข้าอยู่ที่ไหน แสงสว่างจ้านี่มันคือสิ่งใด เหตุใดข้าถึงไม่คุ้นเคย สิ่งใดนำข้ามาที่นี่ และตัวข้านั้นเป็นใคร ข้าลืมตาขึ้นมาที่มีแสงสว่างจ้า แต่หาใช่แสงสว่างจะพระอาทิตย์หรือเทียน หากแต่เป็นแท่งแสงยาว ๆ “อย่าเพิ่งลุกนะ ให้หมอตรวจก่อน คุณยังเจ็บตรงไหนไหม แล้วคุณชื่ออะไร” หมอ หมอที่แต่งตัวประหลาดในชุดสีขาว ถามข้าว่า ข้าชื่ออะไรงั้นเหรอ แล้วข้าน่ะชื่ออะไร เหตุใดถึงจำไม่ได้ ข้าได้แต่นั่งเงียบ พยายามนึกถึงสิ่งที่มันควรจะมี แต่ไม่มีเลยในความทรงจำ “จำชื่อตัวเองไม่ได้เหรอ แย่แล้วสิ สงสัยต้องทำ MRI” “ท่านหมอพูดสิ่งใด ตัวข้าไม่เข้าใจ ข้าเจ็บที่หัว และไม่ใส่เสื้อผ้า ข้าไปทำสิ่งใดมา ท่านบอกข้าได้หรือไม่” ข้าถามท่านหมอออกไปอย่างสุภาพ แต่ท่านหมอกลับอ้าปากค้างไม่พูดสิ่งใด “หลุดมาจากสมัยไหนวะเนี่ย น้องหนูแสนสวย นั่งอยู่ในห้องนี้นะคะ อย่าไปไหน เดี๋ยวหมอมา ถ้าไอ้อีผู้ชายคนไหนมันเข้าบอกหมอนะคะ หมอจะไปจัดการควักลูกตามัน นั่งตรงนี้นะ เอาผ้าคลุมตัวไว้ ตอนที่คุณมา มันก็ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นแล้ว หมอจะไปจัดการเรื่องนี้ให้ นอนให้สบายค่ะ” ท่านหมอห่มผ้าให้ข้า พร้อมบอกให้ข้านอนเฉย ๆ ซึ่งข้านั้นก็เป็นเด็กดี นอนเฉย ๆ ข้านั้นอยู่ที่ไหน ข้าวของเครื่องใช้ในที่แห่งนี้ ช่างไม่คุ้นตา ไม่คุ้นใจ ข้ามาที่แห่งใด เหตุใดไม่คุ้นกับสิ่งใดเลยสักอย่าง ท่านหมอหายไปนานมาก ก่อนจะเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มที่สูงโปร่ง หล่อเหลา แววตาของท่านผู้นี้ดุดัน เหมือนกับจะกดข้าเอาไว้ ข้าทำได้เพียงกระชับผ้าที่ปกปิดร่างกายไม่ให้ใครได้เห็น “เธอชื่ออะไร” ชายหนุ่มถามข้า ด้วยสีหน้านิ่งเรียบ มันทำให้ข้ารู้สึกกลัวน้อยๆ “ข้าไม่ทราบ ในหัวของข้างมีความทรงจำน้อยมาก นอกจากความไม่คุ้นแล้ว ก็ไม่มีสิ่งในหัวข้าอีกเลย” ข้าตอบออกไปตามความจริง แต่พี่ชายท่านนี้กลับแสยะยิ้มออกมา “ผิงผิง แบบนี้เฮียจะยัดอะไรเข้าไปในหัวยัยนี่ก็ได้ใช่ไหม ก็ยัยนี่หัวกลวงไปแล้ว” “น้อยๆหน่อยเฮีย มันก็ไม่แน่ อาจจะกลับมาได้ หากพบคนที่คุ้นเคย สถานที่ที่คุ้นเคย ก็อาจจะจำได้ แต่เฮียบอกว่าออกมาจากกระจก” “ก็ใช่ไง ทั้งชาติคงจะจำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ไม่มีอะไรแล้วนี่ เอากลับเลยได้ปะ เฮียมีงานต้องทำต่อขี้เกียจมารับบ่อย ๆ ถ้าทำได้ก็หาเสื้อที่ไม่ใส่แล้วให้ใส่ที ตอนนี้ห่อตัวเป็นมัมมี่เลย จัดการให้ที ตอนเย็นนี้เฮียมีคุยกับลูกค้า” “เอากลับไปได้เลย ฉันเกลียดความที่ผัวตัวเอง ทำตาวิบวับ เด็กนี่สวยเกินไป เอาไว้บ้านเดี๋ยวเสร็จเฮียฟ่ง เฮียก็เถอะทำงานให้มันน้อยๆหน่อย เจ็กริวพูดทุกวัน ว่าอยากอุ้มหลาน ตอนนี้ติดหนูยุยแจเลย น่าจะอยากได้หลานสาว” พวกเขาคุยสิ่งใดกัน จับใจความได้ว่าจะเอาข้าไปไหน แล้วก็หาเสื้อผ้าให้ข้าใส่ ข้าควรจะทำยังไงต่อไปไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักอย่าง ข้ามองที่พี่ชายท่านนี้คุยกับคุณหมอ จนเค้าทั้งคู่หันมามองข้า “เฮียจะทำยังไงต่อ” “เอาจับยัดเข้าไปในกระจกมั้ง ตอนนี้ส่งชุดและกระจกไปให้ซินซินตรวจดูแล้ว น่าจะได้เรื่องไม่นานนี้ จะเรียกยัยนี่ว่าอะไรดี” “เธอสวย อย่างกับหลุดออกมาจากภาพวาดเลย นมใหญ่ตู้ม แถมยังเอ๊าะ เฮียได้ของเล่นใหม่ต้องรู้จักเบามือบ้าง ฮ่าๆ ฉันไปหาเสื้อผ้าให้น้องหนูนี่ดีกว่า ท่าจะหนาว ห่อตัวขนาดนี้” ท่านหมอเดินจากไปทิ้งข้าไว้ กับพี่ชายท่านนี้สองต่อสอง “จะให้เรียกเธอว่าอะไร เธอมาจากไหนกันแน่ รู้ไหม?? ตัวเองน่ะเป็นภาระผิดบ้านแล้ว วันนี้ฉันมีนัดกับลูกค้า ที่พยายามงาบฉันทุกครั้งที่มีโอกาส เฮ้อ พูดไปก็คงจะไม่ตอบสิ ให้ไปอยู่กับเหม่ยก็แล้วกัน” หลังจากที่ข้าได้ใส่เสื้อผ้าโดยมีคุณหมอเป็นคนสอนข้าแต่งตัว ข้าถูกพามาในบ้านหลังใหญ่ ที่ในบ้านทุกที่ตกแต่งด้วยสีกรมท่า มีลายมังกรอยู่ในหลาย ๆ ที่ ที่นี่นับถือมังกรงั้นหรือ ข้าถูกพามาพบกับหญิงสาววัยกลางคน เพื่อฝากฝัง “ม้า ฉันฝากด้วย ให้เหม่ยรับผิดชอบ เพราะเมื่อวานเหม่ยเข้ามาวุ่นวาย ทำให้ยัยนี่หัวกระแทกกับขอบอ่างอาบน้ำ ตอนนี้จำไม่ได้แม้แต่ชื่อตัวเองด้วยซ้ำ” ข้าถูกพามาฝากกับคนที่ถูกเรียกว่าแม่ ข้าเลยก้มเคารพคนที่อาวุโสกว่าอย่างนอบน้อม “ท่าเดิน กิริยามารยาทดี แสดงว่าถูกฝึกมา ไม่มีชื่อแบบนี้คงจะลำบาก ไปนอนคิดชื่อที่อยากให้เรียกมา แล้วฉันจะเรียกตามที่เธอขอ ได้ยินเจ้าของบ้านสั่งแล้วนะ เธอก็ไปอยู่กับเหม่ย นอนห้องเดียวกับเหม่ยไปก่อน เหม่ยพาน้องเค้าไปหาที่นอน” “ค่ะ คุณนาย” แม่นางที่ยืนอยู่ด้านหลังคุณป้าคนนี้รับคำ แล้วเดินเข้ามาหาข้าด้วยรอยยิ้ม ดีใจจังเลย ที่นี่มีแต่คนเป็นมิตร ถ้าข้าจำความได้เมื่อไหร่ ข้าจะไม่ลืมบุญคุณนี้เลย ข้าถูกพามาที่ห้องพัก หญิงสาวที่ทำดีกับข้ายิ้มให้ข้ามาตลอด ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที รอยยิ้มหายไป กลายเป็นสายตาที่มองหน้าข้าอย่างหยามเหยียด อะไรกัน ?? ข้าไปทำอะไรให้นางงั้นหรือ “หล่อนจะเป็นใคร ฉันไม่สน แต่ฉันคือว่าที่คุณนายบ้านนี้ หล่อนก็นอนพื้นไป ฉันจะนอนบนเตียง เพราะยังไงที่นี่ก็ห้องฉัน ฉันจะให้หล่อนนอนที่ไหนก็ได้ แล้วอยู่บ้านนี้ทุกคนต้องทำงานบ้าน หล่อนเองก็ต้องทำ อย่ามาทำตัวกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา และที่สำคัญห้ามเข้าหาท่านริวเข้าใจไหม” “ท่านริวคือใครกัน” “คือผู้ชายหล่อ ๆ ที่ไปรับหล่อนมา คนนั้นว่าที่ผัวฉัน ถ้าไม่เข้าใจ หล่อนน่ะลำบากแน่ ๆ” เสียงที่แผดดังจนแสบแก้วหู เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ “อ๋อ คนที่เรียกข้าว่าภาระ” หมอนใบสีขาว ถูกโยนลงมาที่พื้น เพื่อบอกว่าข้างล่างเนี่ยแหละที่นอนของข้า แบบนี้เท่ากับผู้หญิงคนนี้เป็นว่าที่คุณนายเจ้าของบ้านนั้นหรือ ไม่ได้มีราศีเลย ทำไมเจ้าของบ้านตาต่ำเช่นนี้ เธอสวย แต่แววตาไร้ความโอบอ้อมอารี เอาเถอะ แม่นางท่านนี้อาจจะมีอะไรดี แต่การนอนพื้นมันไม่ใช่ที่สุดของเรื่องวันนี้ ข้าถูกใช้ให้แบกของ เก็บกวาด ลองทำงานบ้าน แม้ข้าจะทำได้ไม่ดีสักอย่าง แต่ข้ากลับทำอาหารได้ดี แสดงว่าก่อนหน้านี้ข้าทำอาหารได้ดี แต่ว่าทำไมคนที่ชื่อเหม่ยถึงไม่ทำงานล่ะ “ท่านป้า คนชื่อเหม่ย นั่นเป็นว่าที่คุณนายใช่หรือไม่ ข้านอนห้องเดียวกับนาง ข้าจะได้ทำตัวถูก” ข้าถามคุณป้า ที่กำลังทำอาหารอย่างรีบร้อน “ใช่ที่ไหน มันก็แค่เด็กที่ท่านหลินหลินท่านเก็บมาเลี้ยง แต่ก็นะ ท่านหลินหลินเขาอยากได้หลานชายมาก พยายามดันนังเหม่ยให้ท่านริว แต่จะดันยังไงงงง ท่านริวก็ไม่เคยชายตา ท่านริวปักใจรักคุณหนูเหมเหม่ ตั้งแต่อายุ 15 จนตอนนี้ ทำอาหารเก่งนี่เรา ชื่ออะไร ป้าจะได้เรียกถูก” “ข้าจำชื่อตัวเองไม่ได้ ถ้าข้าจำได้จะรีบมาบอกท่านป้าเป็นคนแรกเลย ท่านป้าลองชิม ข้าไม่มั่นใจว่าจะทำถูกปากคนที่นี่รึเปล่า” ข้าตักซุปใส่ถ้วยเล็ก ๆ ส่งให้ท่านป้าแม่ครัวชิม “อย่ามัวแต่อู้!!! นี่มันกี่โมงแล้ว ที่นี่อาหารต้องตั้งโต๊ะให้ทันเวลา” เสียงดังของผู้ชายวัยกลางคน ดังขึ้น ทำให้ท่านป้าหยุดที่คุยกับข้า แล้วก้มหน้าก้มตาทำงาน เหมือนกลัวอะไร “ทำงานนังหนู นั่นกรีนหัวหน้าพ่อบ้าน เฮี๊ยบมาก” ท่านป้ากระซิบบอกข้า ด้วยเสียงที่เบาเพียงที่ข้าจะได้ยิน คนทำครัว ที่ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น เพียงเพราะท่านผู้นี้เข้ามา แสดงว่าท่านผู้นี้ต้องเป็นที่ยำเกรงแน่ ๆ ข้าก้มหน้าก้มตาทำซุปของข้าต่อ แม้ท่านป้าจะช่วยข้าไม่ห่าง ก็ไม่วายโดยท่านผู้นั้นที่ชื่อกรีนเดินเข้ามาหา แล้วมองข้าอย่างพิจารณา “เธอทำอะไรได้บ้าง เห็นสาวใช้บอกทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ขนาดเหม่ยเองยังบอกเธอเป็นตัวถ่วง และในห้องครัวนี้ ทุกคนเป็นเชฟจากโรงแรม 5 ดาวกันทั้งนั้น เธอมีคุณสมบัติพอรึเปล่า” คำถามที่ทำให้ข้าต้องละจากหม้อซุป ข้าไม่มีอะไรจะแก้ตัว ข้าทำทุกอย่างออกมาไม่ดีจริง ๆ “เรียนท่านพ่อบ้าน ข้านั้นทำครัวได้ แม้จะทำสิ่งใดไม่ได้ ได้โปรดให้ข้าได้ทำครัว” “เข้าใจหน้าที่ของเชฟรึเปล่า เธอต้องจบโภชนา จัดการอาหารมื้อต่อมื้อ เตรียมอาหาร เชฟบางคนต้องทำอาหารทั้งคืน เพื่อให้หนึ่งมื้อของที่นี่ออกมาดี ตอนนี้เธอแค่คนซุปไม่ได้เรียกว่าทำครัวได้ จะเรียนมาเรียนได้ แต่งานอื่นก็ต้องทำ!!!” เสียงตะโกนใส่ข้าดัง ๆ ทำให้ทุกคนเงียบ ไม่มีใครกล้าจะออกตัวช่วยข้าเลย “ข้าไม่เข้าใจตั้งแต่คำว่าเชฟแล้ว มันคือสิ่งใด แต่ข้าไม่มั่นใจว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง ส่วนสิ่งนี้ตัวข้าทำได้ดี เพียงเท่านั้น” ข้าพยายามอธิบาย แต่กลับทำให้ท่านผู้นี้โกรธ “ทำไม่ดีสักอย่าง แต่ก็ไม่ใช่จะไปถ่วงคนอื่นได้ ถ้าเธออยากจะเห็นว่าวันนึงฉันต้องเจองานอะไรบ้าง เธอจะได้รู้ว่าถ้าเธอทำอะไรผิดพลาด มันจะเป็นฉันคนนี้ต้องเหนื่อยเพิ่ม กลับไปทำงานได้แล้ว!!!” เสียงที่กดต่ำมันบอกว่าข้ากำลังทำให้ท่านผู้นี้โกรธ “ข้าขอโทษ ข้าจะไปทำงานเดียวนี้” ทำไมเขาต้องโกรธข้า ว่าข้า ข้าไม่เข้าใจ นี่ข้ามาอยู่ที่แห่งใดกัน ทำไมมันถึงได้เลวร้ายเช่นนี้ ข้าพยายามปาดน้ำที่ไหลออกมาจากตา “น้ำตาไม่ได้ช่วยอะไร แล้วอย่าลืมล้างมือของเธอด้วย น้ำตาเองก็มีเชื้อโรค” อะไรคือเชื้อโรคแค่ข้าปาดน้ำตา ต้องล้างมือเลยเหรอ ไม่เป็นธรรมเลยสักนิด ข้าไม่ได้อยากจะถ่วงใคร ข้าเองก็อยากจะช่วย ทำไมกัน ทำไมพวกท่านตัดสินข้าไปแล้ว อีกด้าน “ขอบใจ อะนี่เงิน แล้วหุบปากของแกไปซะ” หญิงสาวส่งเงินให้คนที่นำของมาส่งให้เธอ ก่อนจะมองของในมือแล้วยิ้มออกมา “ตัดไฟต้องตัดตั้งแต่ต้นลม ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาเป็นคู่แข่งฉันหรอกนะ” หญิงสาวพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะทำลายหลักฐานเอากล่องบรรจุภัณฑ์ทิ้ง แล้วนำเข้าบ้านเพียงขวดสีชา พิกัดทางเดิน ที่เธอจะไป คือห้องครัว ที่ตอนนี้ทุกคนกำลังวุ่นกับการทำอาหาร หญิงสาวเดินเข้าไปถามถึงเด็กใหม่ ที่ถูกดันให้เป็นภาระเธอ “แม่หนูสวยๆนั่น ทำซุปอยู่นู่นแน่ะ เพิ่งจะโดนกรีนด่าไป น้ำตาตกเลย” “รายนั้นเขาเฮี้ยบ ใครก็รู้ ฉันไปดูหน่อยดีกว่า ยังไงก็ถูกท่านริวฝากให้ดูแลแล้ว ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้ท่านริวไว้ใจให้ทำอะไรแทนบ่อยๆ” แต่เพราะงานที่มากมายในครัว ทำให้ไม่มีใครที่จะสนใจฟังที่เธอพูดมากนัก มันทำให้เหม่ย เกิดอาการอารมณ์เสีย กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ แม้ปากจะยังยิ้มอยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD