หญิงสาวข่มความเขินอายเดินไปหยิบยานวดที่เธอมักจะทาบริเวณที่เธอปวดเมื่อย ชายหนุ่มจ้องมองทุกการกระทำของหญิงสาวไม่วางตาภาพกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนภาพเขาและเธอ จังหวะการบีบนวดทำให้ร่างกายของเธอแนบชิดกับชายหนุ่มโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เพียงเท่านั้นเขาก็รับรู้แล้วว่าหญิงสาวโนบรา ในใจของชายหนุ่มได้แต่ร้องว่าพัทธ์ธีราเธอคือผู้หญิงที่ซ่อนรูปคนหนึ่งเลยนะ
“ดีขึ้นไหมคะ” หลังจากที่นวดมาสักพักเธอก้เอ่ยถามเขาน้ำเสียงแผ่วเบา
“อืม ขอตรงนี้อีกหน่อย” ชายหนุ่มให้หญิงสาวเอี้ยวตัวเข้ามาหาอีกครั้ง นั่นทำให้เขาได้ยินจังหวะหัวใจของเธอชัดเจน
“ใจเต้นแรงจัง ตื่นเต้นหรอ” ชายหนุ่มถามออกไปแววตาเป็นประกาย เขาชอบกลิ่นกายของหญิงสาวที่มันเฉพาะตัว ใครได้สบสายตาเขาก็ต้องรีบหลบสายตากันทั้งนั้น
“ปะ เปล่านะคะ” หญิงสาวปฏิเสธออกไปน้ำเสียงแผ่วเบาแต่คงไม่มีใครเชื่อเธอหรอกเพราะสายตามันฟ้อง
“เด็กปากแข็ง”
“ที่รักไม่เด็กแล้วนะคะ ที่รักเป็นเมียพี่หนึ่งได้แล้ว อะ อุ๊บ!” หญิงสาวปิดปากตัวเองเอาไว้ไม่ทัน เอ่ยเถียงเขาทั้งที่งานจะเข้าตัวเองเสียมากกว่า สุดท้ายเป็นเขาเองที่สะกดกลั้นอารมณ์ส่วนลึกของตนเองไม่ได้ยามที่ได้ใกล้ชิดหญิงสาว
“เอาล่ะพอแล้ว ดีขึ้นมากแล้ว วันนี้พี่ไม่รบกวนแล้วดีกว่า” จบประโยคของชายหนุ่ม เขาก็รีบผละห่างออกไปทันที เวลานี้ร่างกายของเขาทรมานเหลือเกิน มันต้องการปลดปล่อยแต่หญิงสาวยังไม่พร้อมเขารู้ดีกว่าใครแม้กระทั่งตัวเธอเอง หญิงสาวยกมือขึ้นมากุมตำแหน่งของหัวใจอัตโนมัติ ใจของเธอเต้นระรัวจนเหมือนว่ามันกำลังจะระเบิดออกมาในไม่ช้า เขาทำให้เธอหวั่นไหวไปกับเขาอีกแล้ว กว่าที่คนทั้งคู่จะข่มตานอนหลับเข็มนาฬิกาก็ชื่อไปที่เลขหนึ่งเสียแล้ว เอไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอหลับไปตอนไหนรู้ตัวอีกทีก็เช้าพอดี หญิงสาวตื่นนอนแล้วก็รีบอาบน้ำเพื่อที่จะลงไปทำอาหารให้คนตัวโตได้ชิม เพื่อว่าเขานั้นจะติดใจเสน่ห์ปลายจวักที่เธอมีอยู่น้อยนิดบ้าง เมนูที่เธอเลือกทำวันนี้คือต้มจืดหมูสับใส่กุ้งแห้ง กลิ่นหอมของอาหารลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ
“คุณหนึ่งเชิญทางนี้ก่อนค่ะ”
“ผมขอกาแฟดำแก้วเดียวก็พอนะครับ”
“วันนี้คงดื่มแค่กาแฟดำไม่ได้หรอกนะคะเพราะเดี๋ยวคนที่ตั้งใจทำอาหารเช้าให้จะน้อยใจ หนูที่รักทำต้มจืดให้คุณหนึ่งค่ะ” ประโยคอบเชยแอบกระซิบกระซาบให้ชายหนุ่มได้ยิน
“พี่หนึ่งมาพอดีเลย มาทานข้าวด้วยกันนะคะ” หญิงสาวเรียกคนตัวโตให้มาทานข้าวด้วยกันเสียงใส เวลานี้เธอเริ่มที่จะกล้าพูดคุยกับเขามากขึ้นแล้ว
“เอาสิ” คนไม่ชอบทานข้าวเช้าจู่ๆก็ไม่อาจปฏิเสธมื้อเช้าอย่างเช่นทุกวันได้ ต้มจืดร้อนๆวางลงตรงหน้าคนตัวโต เขาแอบพิจารณา หน้าตาของอาหารผ่านแล้วเหลือแค่รสชาติที่ต้องพิสูจน์ หญิงสาวรอคอยคำตอบจากชายหนุ่มว่าอาหารที่เธอตั้งใจทำนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
“ก็ต้มจืด”
“โธ่ ต้มจืดมันทำไมละคะคุณหนึ่ง” อบเชยรีบขยับเข้ามาถามย้ำเมื่อเห็นว่าคนที่ตั้งใจทำน้ำตาคลอหน่วยแล้ว ขืนไม่เอ่ยชมคงร้องไห้ออกมาแน่ๆ
“ต้มจืดมันอร่อยดี”
“จริงๆหรอคะ” หญิงสาวถามกลับสายตาเป็นประกาย
“แล้วทำไมต้องโกหกด้วยล่ะ โกหกแล้วพี่จะได้อะไร” ชายหนุ่มถามกลับน้ำเสียงจริงจัง เขาไม่จำเป็นต้องโกหกเพื่อเอาใจใครอยู่แล้ว
“ไม่ได้อะไรค่ะ แต่ว่าถ้าพี่ชมพี่จะได้ทานของอร่อยทุกวันเลย” หญิงสาวตอบกลับน้ำเสียงร่าเริงจนคนมองต้องยิ้มตามความน่ารักสดใสที่ไม่ได้มีการปรุงแต่งนั้น
“เหนื่อยเปล่าๆนะ”
“อาหารเช้าคือมื้อที่สำคัญนะคะ ที่รักไปอ่านเจอมาว่ามันมีประโยชน์มาก ช่วยให้ร่างกายตื่นตัวมีสมาธิ ที่สำคัญช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่างๆด้วยค่ะ ถ้าพี่หนึ่งเป็นอะไรไปใครจะดูแลกิจการของพี่หนึ่งต่อละคะ”
“นี่ไม่ได้แช่งพี่ใช่ไหม”
“ใครจะกล้าละคะ ที่รักหวังดีต่างหาก” ขาดเขาไปสักคนทุกคนคงจะเดือดร้อนกันหมด เธอเองใจหนึ่งก็นึกสงสารเขาเหมือนกันที่แบกภาระต่างๆเอาไว้ด้วยตนเอง
“โอเคๆ พี่เข้าใจแล้ว พี่ไปทำงานได้หรือยังล่ะ”
“ไปได้แล้วค่ะ เจอกันตอนเย็นนะคะ”
“อืม”
“ไปส่งคุณหนึ่งเขาสิคะ” อบเชยกระตุ้นให้หญิงสาวทำหน้าที่ของตน
“ค่ะ” หญิงสาวช่วยเขาถือกระเป๋าเอกสาร พอไปถึงตัวรถก็ยื่นกระเป๋าไปให้คนตัวโต การกระทำของเธอไม่ต่างจากคนที่เป็นภรรยาเลยสักนิด เขาคิดว่าถ้ามีเธออยู่ข้างกายแบบนี้ทุกวันก็คงจะดีไม่น้อย
“ขับรถดีๆนะคะคุณลุง” หญิงสาวเอ่ยกำชับกับคนขับรถเสียงใส ความปลอดภัยของชายหนุ่มต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง
“บ๊ายบายค่ะ”
“อยู่บ้านก็อย่าซนล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยกำชับเสียงเข้ม
“เอาอีกแล้วนะคะ ที่รักไม่ใช่เด็กสักหน่อย” หญิงสาวหน้างออัตโนมัติ ไม่ชอบใจที่เขามองว่าเธอเป็นเด็กอยู่เรื่อย
“โอเคๆ พี่เข้าใจแล้วว่าเราไม่เด็ก เดี๋ยวคืนนี้พี่จะมาพิสูจน์ด้วยตัวเอง” พิสูจน์ด้วยตัวเองคืออะไรนะ ทำไมเขาจะต้องทำให้เธอสงสัยด้วยล่ะอยากรู้จริงๆ
ภวินท์มีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อได้รับรายงานจากลูกน้องว่าพ่อเลี้ยงของหญิงสาวถูกปล่อยตัวออกมาจากคุกแล้ว คนที่อยู่เบื้องหลังของอรรถกรต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ เขาจะไม่มีวันยอมให้อรรถกรมาเข้าใกล้พัทธ์ธีราอีกเป็นแน่
“จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยด้วยนะ”
“ครับ” ชายหนุ่มสั่งให้ลูกน้องคอยติดตามดูอรรถกรเพื่อที่จะได้รู้ว่าฝ่ายนั้นกำลังไปที่ไหนและทำอะไรบ้าง
หลังจากออกมาจากคุกอรรถกรรู้สึกอยากแก้แค้นภวินท์ที่ทำให้เขากลายเป็นไอ้คนขี้คุกด้วยการร่วมมือกับเมธาสิทธิ์ซึ่งเป็นคู่อริกับภวินท์ เหตุที่ไม่ลงรอยกันนั้นก็เป็นเพราะว่าเมธาสิทธิ์คิดรวยทางลัดซุกซ่อนยาเสพติดมาบนเรือส่งสินค้าไปต่างประเทศของภวินท์จนถูกตำรวจเรียกค้นเป็นคดีความมายืดยาวหลายปี
“ขอบคุณครับนาย ผมอึดอัดจะแย่ที่ต้องอยู่ในคุก”
“เรื่องนี้เรื่องเล็ก มึงแน่ใจนะว่าจะทำตามที่ตกลงกันไว้ได้”
“ทำได้สิครับ ผมจะไม่พลาดเป็นครั้งที่สองแน่” เขาเจ็บใจนักที่มารดาของพัทธ์ธีราส่งหญิงสาวเข้าไปอยู่ใต้ปลีกอันแข็งแกร่งของภวินท์ นั่นทำให้เขาไม่อาจทำอะไรไปได้มากกว่าการแอบมองอยู่ห่างๆ
“นายครับผมขอต่อเงินอีกได้ไหม”
“หนี้เก่ามึงยังไม่มีปัญญาใช้คืนเลย”
“ผมมีข้อเสนอมาให้ครับ นายสนใจนังลูกสาวคนสวยของเมียผมไหม เมียผมมันยกนังที่รักให้เป็นเมียไอ้ภวินท์ แล้วดูท่าเหมือนว่าไอ้ภวินท์ก็ห่วงนังลูกเลี้ยงของผมอย่างกับไข่ในหิน”
“น่าสนใจเหมือนกัน จะเอาเท่าไร”
“สักแสนนึงก็พอแล้วครับ ผมว่าคืนนี้มือผมต้องขึ้นแน่ๆ”
“ได้ แต่มึงต้องไปพาตัวเมียไอ้ภวินท์มาให้กูภายในอาทิตย์นี้” เมธาสิทธิ์สั่งออกไปเสียงเข้ม ถ้าเกิดว่าคนตรงหน้าทำอย่างที่พูดไม่ได้ล่ะก็จะได้รู้ว่านรกมีจริง
“ครับนาย” อรรถกรยิ้มอย่างมีเลศนัย เขาจะพังทั้งธุรกิจและหัวใจของไอ้ภวินท์ให้ได้ด้วยมือเขาเอง
รถยนต์คันหรูมาจอดที่หน้าคฤหาสน์แต่ที่ต่างออกไปจากทุกวันเพราะวันนี้มีคนตัวน้อยมายืนยิ้มแฉ่งรอการกลับมาของเขาอยู่ หญิงสาวรีบปรี่เข้าไปช่วยเขาถือกระเป๋าเอกสาร
“พี่หนึ่งมาแล้วค่ะคุณป้า”
“ค่ะๆ ป้าทราบแล้ว”
“ทำไมวันนี้กลับช้าละคะ”
“มีอะไรหรือเปล่า”
“กะ ก็ที่รักทำอาหารให้พี่หนึ่งทาน รอนานอาหารก็เย็นหมดแล้ว” พยายามเข้าใจเขาแต่ว่าความน้อยอกน้อยใจก็ปิดเอาไว้ไม่มิด
“เย็นพี่ก็กินได้” ชายหนุ่มตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบ
“มันก็ไม่อร่อยเท่าเดิมนี่คะ” หญิงสาวแย้งกลับน้ำเสียงแผ่วเบา คนตัวโตส่ายศีรษะไปมาเบาๆด้วยความเอ็นดูคนตรงหน้า
เขารับรู้แล้วล่ะว่าเธอตั้งใจทำมากแค่ไหน
“เอาอย่างนี้ดีกว่านะคะเดี๋ยวป้าไปอุ่นให้เองรับรองว่าอร่อยเหมือนเดิมจ้ะหนูที่รัก” อบเชยเอ่ยบอกหญิงสาวยิ้มๆเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้
“ขอบคุณนะคะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกจ้ะมันเป็นหน้าที่ของป้าอยู่แล้ว”
“เข้าไปข้างในกันเถอะ” คนตัวโตดันหลังให้หญิงสาวเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์ด้วยกัน ชายหนุ่มวางเรื่องหนักใจต่างๆไว้ก่อนแล้วตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารตรงหน้า คนทำพอเห็นว่าคนตัวโตทานจนหมดเกลี้ยงก็รู้สึกดีใจ
“อยู่บ้านเหงาไหม”
“ไม่ถึงกับเหงาแค่รู้สึกเบื่อๆอยากทำอะไรสักอย่างค่ะแต่ป้าอบเชยก็ไม่ยอมให้ช่วยเลย” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะฟ้องคนตัวโตว่าอบเชยทำให้เธอสบายเกินไป
“ฮ่าๆ คนอื่นเขาคงอยากจะนั่งๆนอนๆแบบนี้จะตาย มันออกจะสบายไม่ใช่หรอก”
“ใช่เลยค่ะคุณหนึ่ง ป้าหวังดีนะคะเนี่ย”
“นั่นสำหรับคนอื่นค่ะแต่ว่ากับที่รักไม่ใช่ ที่รักไม่ชอบอยู่เฉยๆนี่คะ” เธอตอบกลับเขาตามตรง ถ้าให้เธออยู่เฉยๆเธอจะรู้สึกว่าสูญเสียเวลาที่มีค่าไปโดยเปล่าประโยชน์
“ชอบเล่นดนตรีไหม”
“ไม่ชอบค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธออกไปแทบจะทันที ตอนที่ยังเป็นเด็กเธอเคยเรียนวิชาดนตรีแล้วต้องมีการสอบ เธอจำได้ดีเลยว่าเกือบจะสอบไม่ผ่านดีที่คุณครูคอยช่วยอยู่ห่างๆ
“แล้ววาดรูปล่ะชอบไหม” ชายหนุ่มคิดว่ามันต้องมีสักกิจกรรมแหละที่หญิงสาวชอบ
“ชอบค่ะ” เธอชอบวาดภาพวิวมากแต่ถ้ามีคุณครูมาสอนเธอก็อยากจะลองวาดคนบ้าง และแบบแรกที่อยากจะวาดให้ได้ก็คือคนตรงหน้านี่แหละเพราะว่าตอนนี้เธอมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น ถ้าวันใดเขาไม่ต้องการเธอแล้วเธอก็คงจะเหมือนตัวคนเดียวบนโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้
“โอเคงั้นเดี๋ยวพี่จะหาครูมาสอนวาดรูปให้ดีไหม”
“จริงหรอคะ”
“จริงสิ พี่กลัวคนแถวนี้จะเหี่ยวเฉาไปก่อน” ชายหนุ่มตอบกลับแววตาเป็นประกาย
“พี่หนึ่งน่ารักที่สุดในโลกเลยค่ะ” ชายหนุ่มรู้สึกอึ้งๆไม่เคยมีใครชมเขาว่าน่ารักมาก่อนเลย การมีหญิงสาวเข้ามาในชีวิตทำให้ชีวิตสีเทาๆของเขามีสีสันขึ้นมาทันตา เขาจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับมารดาของหญิงสาวให้ได้