บทที่ 1 บทนำ
ไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของภวินท์ทายาทนักธุรกิจชื่อดังที่ประวัติส่วนตัวของเขาลึกลับเสียจนไม่มีใครกล้าขุดขุ้ยขึ้นมาเปิดเผย แต่สุดท้ายก็ไม่วายมีคนบอกเล่าต่อกันมาว่าเขานั้นทั้งโหดร้ายและน่าเกรงขาม การที่พัทธ์ธีราต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับภวินท์คือเรื่องที่น่าเศร้าใจที่สุดสำหรับหล่อน หญิงสาวยืนนิ่งอยู่หน้ารั้วคฤหาสน์หลังใหญ่ เพียงอึดใจประตูอัจโนมัติก้เปิดออกเผยให้เห็นความยิ่งใหญ่อลังการตรงหน้า เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่เรียกว่าบ้านสำหรับภวินท์เพราะมันใหญ่โตเกินว่าที่จะอยู่คนเดียวไร้ญาติมิตร
“สวัสดีค่ะลุงยาม หนูชื่อพัทธ์ธีรา มีชื่อเล่นว่าที่รักค่ะ” เธอยกมือไหว้คนที่อายุมากกว่าอย่างนอบน้อม
“เชิญหนูที่รักเข้าไปข้างในได้เลยครับคุณภวินท์รอคุณอยู่แล้ว”
“ค่ะ” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วก้าวเดินต่อไปข้างหน้า มือทั้งสองข้างของเธอจับกันเอาไว้ แน่นอนว่าเวลานี้เธอกำลังวิตกกังวลไม่น้อย
ข้างนอกคฤหาสน์ว่าอลังการแล้วพอเท้าน้อยๆของเธอก้าวเดินเข้ามาด้านในยิ่งตาลุกวาว มีแจกันขนาดใหญ่ประดับด้วยดอกไม้หลากสีตั้งเด่นตระหง่านอยู่กลางบ้าน หญิงสาวถอดรองเท้าเอาไว้ด้านนอก ทำให้เท้าของเธอสัมผัสกับความเย็นจากพื้นหินอ่อนชั้นดีโดยตรง สาวใช้รีบนำรองเท้าสำหรับใส่ในบ้านมาให้เธอสวมใส่ เธอกล่าวขอบคุณคนตรงหน้าอย่างเกรงอกเกรงใจ
“ป้าชื่ออบเชยนะจ๊ะ เอากระเป๋าของหนูมาให้ป้าแล้วรีบเข้าไปด้านในเถอะจ้ะ อย่าทำให้คุณหนึ่งเขาต้องรอเลย
“ขอบคุณค่ะ” อีกเพียงสองก้าวเท่านั้นเธอก็จะถึงห้องที่คุณป้าแม่บ้านบอกว่าเขาอยู่ในนั้น
“สวัสดีค่ะคุณภวินท์ หนูชื่อพัทธ์ธีรา ชื่อเล่นว่าที่รักค่ะ” เธอเอ่ยแนะนำตัวอย่างกล้าๆกลัวๆทั้งที่ยังไม่มองหน้าคนตัวโตด้วยซ้ำ
“เงยหน้าขึ้นสิ” เขาออกคำสั่งกับเธอเสียงเข้ม ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วก็ต้องแปลกใจว่าคนตรงหน้าใช่ภวินท์ทายาทนักธุรกิจชื่อดังจริงหรือไม่เพราะในความคิดของเธอเขาจะต้องหน้าตาโหดเหี้ยม คิ้วเข้ม ผิวดำคล้ำ แต่ที่เธอเห็นนี้เขาหล่อเหลา ดูสุภาพสะอาดเรียบร้อยผิดกับที่เธอจินตนาการมามาก
“เธอมาสายห้านาที” เธอไม่ได้ตั้งใจจะมาสายแต่ว่าการเดินเข้ามาหาเขาแต่ละก้าวมันยากเหลือเกิน
“หนูขอโทษค่ะคุณภวินท์” สิ่งที่ดีที่สุดคือเอ่ยขอโทษเขาจากใจ ชายหนุ่มพิจารณาคนตรงหน้าแล้วก็แอบอมยิ้ม เด็กหนอเด็กคงจะกลัวเขาจะแย่แล้ว
“รู้ใช่ไหมว่ามาที่นี่ต้องทำอะไรบ้าง”
“ทำทุกอย่างให้คุณหนึ่งพอใจค่ะ” หญิงสาวตอบกลับแทบจะทันทีแต่ก็ยังไม่ยอมมองหน้าคนตัวโต
“ดีมาก อย่างนี้ค่อยคุยกันได้หน่อย ไม่รู้หรือไงว่าเวลาคุยกับผู้ใหญ่ต้องสบสายตา” เธอต้องหนีเอาตัวรอดมาพึ่งคนตรงหน้าไม่อย่างนั้นก็คงจะถูกพ่อเลี้ยงเอาไปขายถามซ่อง คิดแล้วชีวิตเธอก็น่าอดสูเหลือเกิน
“ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ”
“หยุดขอโทษเสียทีฉันไม่ชอบ”
“ขอโทษค่ะ” เมื่อเธอยังพูดขอโทษชายหนุ่มจึงชักสีหน้าเล่นเอาหญิงสาวรู้สึกเสียวสันหลัง
“ทำอะไรเป็นบ้าง”
“ทำได้ทุกอย่างเลยค่ะ แล้วแต่คุณหนึ่งจะบัญชามา”
“เรื่องบนเตียงก็ทำได้ด้วยงั้นสิ” ชายหนุ่มถามออกไปตรงๆ หญิงสาวไปต่อไม่ถูกไม่คิดว่าเขาจะพูดตรงๆแบบนี้
“อะ เอ่อเรื่องนั้น...”
“เอาไว้ฉันจะสอนก็แล้วกัน ตอนนี้ไปเก็บข้าวของให้เรียบร้อยก่อนเถอะ”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำแล้วก็รีบผละห่าวทันที เธอได้พักที่ห้องนอนของแขกซึ่งห่างจากห้องของเขาเพียงแค่ห้าเมตรเท่านั้น นั่นก็เท่ากับว่าเขาสามารถเข้านอกออกในห้องเอได้ตลอดเวลา
“ห้องตรงข้ามนั่นคือห้องทำงานของคุณหนึ่งนะจ๊ะ ป้าขอว่าอย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่า”
“ค่ะๆ ที่รักไม่ไปยุ่งในนั้นแน่นอน” หญิงสาวรับปากทันที
“งั้นก็ตามสบายนะจ๊ะเดี๋ยวได้เวลามื้อเย็นป้าจะขึ้นมาตามลงไปทานอาหาร”
“ค่ะ” ประตูบานใหญ่ปิดลงพร้อมกับหญิงสาวผ่อนลมหายใจหนักๆออกมา แค่เริ่มต้นยังรู้สึกเกร็งขนาดนี้เธอไม่รู้เลยว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร
“ชุดสวยจังเลยนะคะคุณหนึ่ง ถ้าหนูที่รักสวมแล้วคงจะดูน่ารักมากๆ”
“ต้องขอบคุณรสน่ะครับที่จัดแจงมาให้” สวรสคือญาติผู้น้องคนหนึ่งของเขา หญิงสาวเปิดห้องเสื้อตามความต้องการของตนเองแม้จะขัดใจผู้เป็นพ่ออย่างเสถียรพงศ์ก็ตาม
“ค่ะๆ คุณรสเธอรสนิยมดีแค่ไหนป้าเองก็พอจะทราบมาบ้าง ไม่งั้นคงไม่มีดาราดังมาขอใช้บริการ เอ๊ะหรือความจริงแล้วมาสืบข่าวคุณหนึ่งจากคุณรสกันแน่คะ”
“ป้าอบเชย” ชายหนุ่มเรียกสาวใช้คนสนิทเสียงอ่อน เขานับถืออบเชยเสมือนเป็นญาติคนหนึ่ง หลังจากที่บิดาเสียเขาก็ต้องแบกรับทุกอย่างไว้เองเพื่อให้มารดาได้ใช้ชีวิตอย่างที่ใจต้องการบ้าง
“เอาล่ะค่ะ ป้าไม่แซวเล่นก็ได้ ป้าขอตัวไปจัดแจงเรื่องมื้อเย็นก่อนแล้วกันนะคะ คงต้องเรียนรู้กันอีกเยอะว่าหนูที่รักมีอะไรที่แพ้บ้างหรือเปล่า”
“ครับ ผมฝากป้าด้วย”
เสียงตะโกนโวยวายของภวินท์ทำให้หญิงสาวตื่นจากความฝัน ในฝันเธอกำลังฝันว่าเดินจับจูงมือกับผู้เป็นแม่ไปยังสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง แต่ยังไม่รู้ว่าที่ไหนก็ตื่นเสียก่อน ภวินท์โวยวายเมื่อรู้ว่าลูกน้องของตนทำงานพลาดและที่ต้องโวยวายนั่นก็เป็นเพราะว่าได้สร้างความเสียหายให้กับเขาแล้วไม่น้อย ยิ่งได้ยินเสียงของเขาก็ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกเชื่อในสิ่งที่เคยได้ยินมาอีกครั้ง
“หนูที่รัก”
“วะ ว้าย! คุณป้ามาตั้งแต่เมื่อไรคะเนี่ย” หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ป้าเพิ่งมาค่ะ ป้าเอาชุดมาให้หนูที่รักเปลี่ยน”
“ต้องเปลี่ยนชุดทำไมละคะ หรือว่าหนูต้องออกไปไหนกับคุณหนึ่ง”
“คุณหนึ่งอยากเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวของหนูที่รักน่ะจ้ะ”
“แม้แต่เสื้อผ้าหนูก็ยังไม่มีสิทธิ์เลือกเองเลยหรอคะ” หญิงสาวถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจะเผด็จการกับเธอมากเกินไปหรือเปล่านะ
“เชื่อเถอะค่ะว่าสิ่งที่คุณหนึ่งเลือกมาเป็นสิ่งที่ดีสำหรับหนูที่รักแล้ว” อบเชยตอบกลับยิ้มๆ เจ้านายของหล่อนเอาใจใส่หญิงสาวแบบนี้แสดงว่าในใจของเขาต้องมองว่าเธอพิเศษกว่าใคร
“ก็ได้ค่ะ เห็นแก่คุณป้าหรอกนะคะหนูถึงได้ยอม” พัทธ์ธีราสวมชุดเดรสมีระบายลูกไม้ที่ปลายกระโปรง ยามที่มันมาอยู่บนตัวหญิงสาวยิ่งขับให้ผิวของเธอขาวเนียนน่าสัมผัส ภวินท์จ้องมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาช้าๆอย่างไม่วางตา ก่อนหน้านี้หญิงสาวเป็นเพียงแค่เด็กกะโปโล แต่เวลานี้เธอคือคนที่จะมาทำหน้าที่ผู้ช่วยส่วนตัวให้กับเขาในทุกๆเรื่อง
“นั่งสิ”
“ขอบคุณค่ะ” พัทธ์ธีรารวบกระโปรงของตนเองก่อนที่จะนั่งลง แม้จะดูไม่คล่องตัวเท่ากับการสวมใส่กางเกงแต่ว่ามันก็ไม่ถึงขั้นลำบากกับการใช้ชีวิต ภวินท์ส่งสายตาให้สาวใช้ตักข้าวให้กับหญิงสาวและเขา พัทธ์ธีรานั่งทานอาหารเงียบๆไม่เอ่ยคำใดออกมาเพราะกลัวจะพูดอะไรไม่เข้าหูเขา
“นั่งเงียบแบบนี้ได้ยังไง ไม่รู้หรือไงว่าทำให้ฉันอึดอัด”
“อะ เอ่ออาหารอร่อยมากเลยค่ะ วันหลังถ้ามีโอกาสหนูจะทำให้คุณหนึ่งทานบ้างนะคะ”
“ได้สิ แค่ไม่วางยาพิษฉันก็พอเพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงติดคุกหัวโต”
“ที่รักไม่กล้าทำแบบนั้นหรอกค่ะ คุณคือผู้มีพระคุณของที่รัก” หญิงสาวตอบกลับแทบจะทันที ใครจะกล้าคิดอะไรพิเรนทร์ๆอย่างนั้นกันเล่า ฆ่าตัวเองตายชัดๆ
“ฉันก็แค่คนธรรมดา เลิกเอาเรื่องบุญคุณบ้าบออะไรนั่นมาพูดซะ”
“อะ เอ่อค่ะ”
“เดี๋ยวออกไปข้างนอกกับฉันหน่อยนะ”
“แค่หนูกับคุณหรอคะ” หญิงสาวถามออกไปน้ำเสียงตื่นๆ
“ใช่ ทำไมกลัวหรือไง”
“ปะ เปล่าค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธออกไปเสียงสั่น ตรงกันข้ามกับหัวใจโดยสิ้นเชิง เมื่อมื้ออาหารจบลงเธอก็เดินตามเขาไปที่รถสปอร์ตคันหรู เขาไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาอีก เธอได้แต่ภาวนาว่าเขาคงไม่ได้พาเธอไปทิ้งหรือไปฆ่าที่ไหนใช่ไหม
“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้มั้ง”
“ไม่ได้เกร็งเลยค่ะหนูนั่งแบบนี้อยู่แล้ว” เธอแสร้งมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อชมวิวยามค่ำคืนทันที เมื่อมาถึงงานเลี้ยงหญิงสาวก็เดินตามติดชายหนุ่มไม่ห่าง สาวๆในงานที่รู้จักชายหนุ่มมองพัทธ์ธีราตาขวาง หล่อนกล้าดีอย่างไงตามติดชายหนุ่มแบบนั้นได้โดยที่เขาไม่ตวาดไล่ให้ไปไกลๆ
“ไอ้หนึ่งทางนี้ๆ” เพื่อนของชายหนุ่มโบกมือทักทายให้ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้
“โทษทีที่มาช้า”
“อะ อุ๊ย!” พัทธ์ธีราชนเข้ากับแผ่นหลังกว้าง ชายหนุ่มไม่วายหันกับมาดุคนตัวเล็ก
“เดินมองทางด้วยสิจะกลัวอะไรหนักหนา”
“น้องคนนั้นใครน่ะ ฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน หน้าตาน่ารักจังเลยครับหลานหรอ”
“ไม่ใช่”
“สวัสดีค่ะคุณ...”
“ผมชื่ออัยวัฒน์ครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณอัยวัฒน์ หนูชื่อที่รักค่ะ” หญิงสาวแนะนำตนเองใบหน้ายิ้มแย้ม ชายหนุ่มนึกหมั่นไส้เพราะหญิงสาวยังไม่เคยยิ้มหวานให้เขาเลย
“หนูหรอ? ฮ่าๆ นี่แกเลี้ยงเด็กหรอว่ะไอ้หนึ่ง ข่าวใหญ่เลยนะเนี่ย” อัยวัฒน์หัวเราะชอบใจ ผู้หยิงตรงหน้าต้องมีความพิเศษอะไรบางอย่างกับเพื่อนของเขาแน่ๆ เพราะปกติแล้วเพื่อนของเขาคนนี้ไม่เคยควงสาวที่ไหนออกงานเลย
“เรื่องมันยาวแกอย่าเพิ่งพูดอะไรมากล่ะ”
“เอ่อๆก็ได้ น้องที่รักครับไปหาของอร่อยๆกับพี่ดีไหมครับ”
“ไม่ต้องเลือกยุ่งกับคนของฉันเลย”
“ออกตัวแรงเหลือเกิน หวงซะด้วย คนนี้แม่ของลูกหรอว่ะ”
“อย่าพูดอะไรเพ้อเจ้อได้ไหม”
“เออๆ ไม่ยุ่งก็ได้ พี่ขอตัวก่อนนะครับที่รัก”
“ค่ะ อะ เอ่อคุณหนึ่งคะ หนูขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหมคะ”
“ไปสิเดี๋ยวฉันพาไป”
“ที่รักไปเองได้ค่ะ เหมือนว่าคุณคนนั้นต้องการคุยกับคุณหนึ่ง” หญิงสาวพยักเพยิดให้ชายหนุ่มได้เห็นว่ามีคนรอต่อคิวจะคุยเรื่องธุรกิจกับเขาแน่ๆ
“งั้นก็ตามใจ รีบกลับมาล่ะ”
“ค่ะ”