การะบุหนิงไม่เคยพูดจาฟ้องหรือใส่ร้ายคนอื่นเลย นั่งเจียมตัวอยู่บนตักของเขมินทร์อย่างว่านอนสอนง่าย เห็นแบบนี้คนที่เบาใจที่สุดคงไม่พ้นเกดแก้วและกรกฎที่ต่อไปบุตรสาวคนเดียวจะมีผู้ชายดีๆ และรักจริง เป็นผู้นำ แถมยังมีความคิดเกินวัยอย่างเขมินทร์คอยดูแล เพราะถ้ามีเขมินทร์อยู่ด้วย การะบุหนิงจะไม่มีวันโดนใครรังแกแน่นอน
“ดอกแก้วมาหาแม่สิลูก” เกดแก้วโบกมือเรียกบุตรสาวเข้าไปหา การะบุหนิงปีนลงจากตักพี่ชายข้างบ้าน ก่อนจะวิ่งไปหามารดา
“แม่ขอโทษนะจ๊ะลูกรัก ที่แม่ตำหนิหนูไปเมื่อตอนเย็น”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ ดอกแก้วไม่โกรธบุษแล้ว”
“โธ่... แม่คุณ เราน่ะใจดีเกินไป โตขึ้นจะโดนรังแกเอานะ” อินทิราดึงการะบุหนิงไปนั่งบนตักก่อนจะสั่งสอน
“หนูดอกแก้วเป็นคนจิตใจดี คนเราก็ย่อมต้องให้อภัยกันนะคุณ” เขมชาติบอกกับภรรยา แต่อินทิราไม่เห็นด้วย
“ฉันเห็นด้วยอย่างอินพูดนะ ดอกแก้วใจอ่อนเกินไป โดนรังแกยังยอม คนเราต้องสู้คนนะลูก อย่าปล่อยให้โดนรังแก”
“คุณพ่อคุณแม่ คุณลุงคุณป้านี่เป็นคู่แตกต่างที่เหมือนจริงๆ เลยนะครับ” เขมินทร์พูดแล้วยิ้มกว้าง
“คู่ต่างที่เหมือนคืออะไรตาเขม” เกดแก้วเอ่ยถาม
“คุณพ่อใจอ่อน คุณแม่ใจแข็ง แต่ตรงกันข้ามกับคุณลุงคุณป้า คุณป้าใจอ่อน คุณลุงใจแข็ง แบบนี้เรียกว่าแข็งอ่อนประสานเป็นหนึ่ง”
“ช่างสำบัดสำนวนนักว่าที่ลูกเขยของลุง มันต้องอย่างนี้สิ ต้องเข้มแข็ง อย่ายอมใคร ตาต่อตาฟันต่อฟัน”
“เข้ากันดีจริงพ่อตากับลูกเขย” อินทิราหัวเราะชอบใจ
“ลูกยังเล็กอยู่เลย พ่อตาลูกเขยอะไรกันคุณ” เขมชาติพูดยิ้มๆ
“แต่เดี๋ยวเราก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว เรือล่มในหนองทองจะไปไหนเสีย” กรกฎพูดแล้วหัวเราะชอบใจ เขากับเพื่อนอย่างเขมชาติทำธุรกิจร่วมกัน ในอนาคตถ้าลูกเต้าได้แต่งงานกัน เรียกว่าเรือล่มในหนองทองจะไปไหนเสีย อีกอย่างกรกฎก็ไว้ใจเขมินทร์มาก ทั้งอยากให้มาสืบทอดกิจการเพราะเขาไม่มีลูกชาย และอยากได้มาเป็นลูกเขยเพื่อที่จะได้ดูแลบุตรสาว เนื่องด้วยการะบุหนิงนั้นเหมือนภรรยาของเขา ใจอ่อนง่าย ใจดี ขี้สงสาร ต้องอยู่กับคนแข็งแกร่งอย่างเขมินทร์ เรียกว่าเป็นคู่ที่ลงตัว
เด็กหญิงการะบุหนิงเงยหน้ามองคนโน้นทีคนนี้ทีเมื่อเห็นผู้ใหญ่หัวเราะ ทุกคนเห็นแล้วก็หัวเราะประสานกันอีกรอบ เพราะเด็กหญิงตัวน้อยดูน่ารักไร้เดียงสายิ่งนัก
“ผมพาน้องขึ้นไปนอนนะครับ” เขมินทร์เอ่ยบอกผู้ใหญ่ เมื่อเห็นว่าพวกท่านกำลังคุยกันเรื่องงานและการลงทุนอื่นๆ
“ตามสบายเลยลูก ไปๆๆ” กรกฎนั้นไว้ใจเขมินทร์มาก เขาจึงเอ่ยอนุญาตทันที
“มาครับคนดีของพี่ หาวหวอดๆ แล้ว ไปนอนกัน”
“อุ้มๆๆ ค่ะ” เด็กหญิงการะบุหนิงยกมือขึ้น เขมินทร์จึงยกร่างเล็กมาอุ้มทันที คนถูกอุ้มซกหน้าที่อกกว้างของพี่ชายข้างบ้าน ภาพนั้นทำให้ทุกคนนึกเอ็นดูในใจ
“พี่เขมนอนกอดดอกแก้วด้วย เล่านิยายให้ฟังหน่อย” การะบุหนิงออดอ้อนตามประสาเด็ก เขมินทร์ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ก่อนจะโอบกอดร่างเล็กจ้อยเอาไว้แนบอก
“พี่จะเล่านิทานให้ฟังตามคำขอครับ ดอกแก้วอยากฟังเรื่องอะไรเอ่ย”
“ดอกแก้วอยากฟังเรื่องอะไรก็ได้ค่ะ ที่พี่เขมเป็นคนเล่า ดอกแก้วฟังได้หมด”
“ได้ครับ งั้นตั้งใจฟังนะ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...” เขมินทร์ค่อยๆ เล่านิทานให้น้องฟัง การะบุหนิงเงยหน้ามองพี่ชายข้างบ้านอย่างเป็นสุข ตาที่มองปริบๆ ในคราแรกเริ่มปรือปรอยอีกครั้ง ก่อนจะหลับลงในเวลาอันรวดเร็ว
เขมินทร์ก้มมองคู่หมั้นตัวน้อยในอ้อมแขนแล้วจุมพิตหน้าผากนูนเกลี้ยง ทำท่าจะผละออกห่าง แต่มือเล็กๆ กอดเอาไว้ก่อนจะซบหน้าที่แขนแข็งแรง เขาจึงหยุดชะงัก ค่อยๆ โอบกอดร่างเล็กเอาไว้ มือหนาตบก้นน้อยเบาๆ อย่างแสนรักและเอ็นดู
“พี่รักดอกแก้วนะครับ อีกไม่กี่ปีเราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว พี่จะรอวันนั้น วันที่ดอกแก้วพร้อมสำหรับพี่” เขมินทร์จำได้ว่าผู้ใหญ่ขอเอาไว้ พวกท่านคงเป็นกังวลเมื่อเห็นสายตาของเขาที่มองดอกแก้ว แต่เขาเป็นลูกผู้ชายพอ น้องยังเด็กเขาก็เข้าใจ เขาไม่มีวันทำอะไรเสื่อมเสียแน่นอน เพราะเขาจะรอ รอวันนั้น วันที่การะบุหนิงจะอยู่ในชุดเจ้าสาวแสนสวย ยืนเคียงคู่กับเขา
อุ้งมือใหญ่อุ่นร้อนแสนอบอุ่นค่อยๆ ลูบไล้ใบหน้าเล็กๆ เนียนละเอียดตามประสาผิวเด็ก ก่อนจะค่อยๆ โอบกอดเด็กหญิงตัวน้อยเอาไว้เต็มอ้อมแขน เขาปัดปอยผมที่ปรกหน้า ห่มผ้าให้เธออย่างเบามือแล้วเผลอหลับไป เพราะเผลอมองใบหน้าเล็กๆ ที่ซุกเข้าหาอก
“ตายแล้วคุณคะ” เกดแก้วยกมือขึ้นทาบอกเมื่อเห็นเขมินทร์นอนกอดอยู่กับการะบุหนิง แม้บุตรสาวยังเด็กนัก แต่เขมินทร์อยู่ในวัยหนุ่มมีเลือดมีเนื้อ เธอจึงเริ่มเป็นกังวล ด้วยวัยสิบเจ็ดย่างสิบแปดของเขมินทร์คือวัยอยากรู้อยากลอง เป็นวัยแห่งความต้องการทางเพศที่ดูจะรุนแรงนัก
“ตาเขมคงไม่ได้ตั้งใจ คงเผลอหลับไปทั้งคู่น่ะ” กรกฎเองแม้จะไว้ใจ เขมินทร์ แต่หวงลูกสาวพอสมควร เขาจึงค่อยๆ เดินไปข้างเตียงแล้วสะกิดร่างของเขมินทร์
“จุ๊ๆๆ” กรกฎจุ๊ปาก เขมินทร์จึงหันมองคนในอ้อมแขน เขาผละออกห่าง ห่มผ้าให้เธอ ก่อนจะเอาตุ๊กตาตัวน้อยให้เธอกอดแทนแขนของเขาและซบหน้ากับหมอนแทน
“ผมขอโทษครับ คือเผลอหลับไป”
“ลุงเข้าใจ แต่บางทีมันก็ดูไม่งามนัก” กรกฎไม่อยากให้ภรรยาไม่สบายใจและรู้ดีว่าเกดแก้วขี้เกรงใจ จึงออกหน้าพูดแทนภรรยาเสียอีก เกดแก้วนึกขอบคุณสามี เพราะเขาพูดได้ตรงใจ เหมือนมานั่งอยู่ในใจของเธอทีเดียวเชียว
“ครับคุณลุง แต่ผมบริสุทธิ์ใจกับน้อง และผมจำทุกคำที่รับปากเอาไว้ได้ ผมจะไม่ล่วงเกินน้องจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม” เขมินทร์ยืนยันหนักแน่น
“ลุงเชื่อใจเขมนะ แต่บางทีอารมณ์ชั่ววูบของคนหนุ่มก็ยากจะหักห้ามใจ เขมเข้าใจลุงนะ” กรกฎตบบ่าเขมินทร์ก่อนจะบีบเบาๆ
“ครับคุณลุงคุณป้า ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“พ่อกับแม่เรารออยู่ข้างล่างน่ะ ขอโทษนะที่คุยกันดึกไปหน่อย” เกดแก้วพูดแล้วยิ้มเอ็นดูส่งไปให้คู่หมั้นของบุตรสาว
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ” เขมินทร์เอ่ยขอตัวอีกครั้ง ก่อนจะลงไปหาบิดามารดาที่นั่งรออยู่ด้านล่างและเดินกลับบ้านพร้อมกัน เพราะบ้านก็อยู่รั้วเดียวกัน
“เราน่ะหายขึ้นไปบนห้องลูกสาวเค้านานขนาดนั้น พ่อกลัวเขาจะยิงกบาลเข้าให้สักวัน” เขมชาติเอ่ยแซวลูกชายระหว่างเดินเข้าบ้าน
“คุณก็พูดเกินไป ด้านได้อายอด ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก” อินทิราพูดขำๆ
“คุณนี่ขยันยุลูกจริงๆ”
“ก็จริงนี่คะ หนูดอกแก้วน่ะน่ารักนิสัยดี เรียบร้อยตั้งแต่เด็กแบบนี้ เหมาะกับลูกเราที่สุด ถ้าเป็นคนอื่นอินไม่ยอมนะคะ ลูกของเราต้องได้ผู้หญิงดีๆ คู่ควรกัน”
“แล้วแต่ลูกน่า ลูกจะรักใครชอบใครอย่าไปบังคับ”
“ผมรักการะบุหนิงด้วยใจจริงครับ ผมรู้ว่าทุกคนกังวลเรื่องผมกับการะบุหนิง แต่ผมยับยั้งชั่งใจได้ ผมรักน้องด้วยใจจริง ผมจะทำตามที่สัญญาเอาไว้”
“ดีแล้วลูก พ่อสอนเขมเสมอว่าให้เป็นสุภาพบุรุษ เป็นลูกผู้ชาย เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ทุกอย่างมันก็จะเป็นไปตามทางของมันเอง”
“ดีที่อินไปขอทาบทามหนูดอกแก้วเอาไว้ก่อนนะคะ ไม่งั้นเสร็จคนอื่นแน่ เห็นหนูดอกแก้วยังเด็กแบบนั้น ก็มีคนชอบตั้งหลายคน”
“มีคนชอบตั้งหลายคนคืออะไรคุณอิน”
“พวกผู้ใหญ่น่ะสิคะ เล็งหนูดอกแก้วให้ลูกชายกันทั้งนั้น อินเลยรุกฆาตก่อนไง”
“จริงเหรอนี่ ผมไม่ยักรู้”