ณ ห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง
“ตกลงนี่คุณจะพาฉันมาทำอะไรที่นี่” ปานดาวเอ่ยถามชายหนุ่มหลังจากที่ยื้อแย่งโทรศัพท์กันอยู่นานกว่าที่ชายหนุ่มจะคืนโทรศัพท์แก่เธอ
“มาเถอะน่าเดี๋ยวคุณก็รู้เองแหละ” คิมหันต์ยังคงไม่ยอมบอกเหตุผลที่พาหญิงสาวมาที่นี่ ถ้าเขาบอกเหตุผลเธอไปแล้วมันจะสนุกเหรอ หึๆ
“ฉันไม่มีเวลาว่างเหมือนคุณนะ คุณคิมหันต์”
“ไม่มีเวลาอะไรของคุณนะ ปานดาว ผมลางานให้คุณแล้วไง ดังนั้นวันนี้ทั้งวันคุณต้องอยู่กับผม เข้าใจไหมจ๊ะที่รัก”
“จะบ้าเหรอ ใครเป็นที่รักของคุณ”
“ก็คุณไง” แล้วชายหนุ่มก็ชี้นิ้วไปยังหญิงสาวทันทีแล้วหัวเราะออกมาด้วยความขบขำในอาการของหญิงสาว
“คุณไม่ใช่แฟนฉันอย่ามาขี้ตู่แบบนี้นะฉันไม่ชอบ” ปานดาวโวยวายออกมาทันที โดยไม่ทันมองว่าอีกฝ่ายทำหน้าอย่างไร แล้วชายหนุ่มก็ก้มหน้าลงมาปิดปากบางเรียวช่างเจรจาทันที ร่างบางถึงกับช็อกนิ่งไปเลยเพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าเธอจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากได้รูปออกจากริมฝีปากบางของเธอ
“ไอ้บ้า คุณกล้าดียังไงมาจูบฉัน” ปานดาวโวยวายอีกครั้งที่ตั้งสติได้หรือจะให้เรียกว่าสติกลับมาโดยสมบูรณ์ต่างหาก แล้ว หญิงสาวยกมือเตรียมทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย
“หยุดนะ...ไม่งั้นจะโดนอีกรอบ อยากลองดูไหมล่ะ ” ชายหนุ่มขู่ออกไปส่งผลให้ปานดาวลดมือลงทันทีเหมือนกัน
“คุณ” ปานดาวถึงกับอึ้งพูดไม่ออก ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง พร้อมกับจ้องหน้าชายหนุ่มด้วยความโกรธแค้น
“คุณมองหน้าผมแบบนี้หมายความว่าไง”
“...” ปานดาวเงียบไป พยายามระงับความโกรธอย่างสุดกำลัง ดูเหมือนความซวยจะแวะเวียนมาหาเธอแล้ว การได้เจอกับผู้ชายคนนี้ คงเป็นคราวเคราะห์ของเธอแล้วจริงๆ
“จะเงียบทำไม แน่จริงก็พูดออกมาสิ” ชายหนุ่มยังคงหาเรื่องไม่ยอมเลิก
“ฉันขี้เกียจเถียงกับคุณแล้ว คุณมันเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ โรคจิต ไม่มีความคิด ไร้สาระ” ปานดาวเอ่ยไปโดยไม่ได้มองหน้าอีกฝ่ายว่าเป็นอย่างไร เธอออกเดินไปยังบันไดเลื่อนเพื่อที่จะขึ้นไปยังชั้นต่อไป โดยไม่รอชายหนุ่ม
‘ฉันมันน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ’
คิมหันต์ยังคงตกใจกับคำพูดที่ปานดาวต่อว่าเขา โดยไม่ได้มองว่าตอนนี้หญิงสาวเดินออกไปเกือบถึงบันไดเลื่อนแล้ว ช่างเถอะถึงอย่างไรเธอก็ต้องช่วยเขา อย่าไปสนใจคำพูดเธอ แต่ทำไมมันถึงได้รู้สึกเสียใจกับคำพูดเธอแบบนี้ “รอผมด้วยสิ ปานดาว” ชายหนุ่มตะโกนออกไปพร้อมกับรีบเดินไปให้ทันเธอ
“มันเรื่องของคุณไม่เกี่ยวกับฉัน” ปานดาวหันไปโวยวายชายหนุ่มทันที
“นี่คุณปานดาว คุณจะไม่รอแฟนคุณหน่อยเหรอ” คิมหันต์ตะโกนตอบออกไปเสียงดัง ทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองเขาทั้งสองด้วยความเอ็นดูแปลกใจ
“หยุดพูดแบบนี้เลยนะ ไม่งั้นมีเรื่องแน่”
“คุณจะทำอะไรผมได้” ชายหนุ่มยังคงยั่วหญิงสาวให้โกรธอีกแล้ว ก็เวลาเธอโกรธมันน่ารักดีนี่นา
“คุณมัน... ฉันไม่รู้จะด่าคุณยังไงแล้วนะ” ปานดาวเอ่ยออกมาอย่างระงับอารมณ์เต็มที่ และสงสัยว่าวันนี้เธอคงไม่ได้กลับไปทำงานอย่างแน่นอน
“ไปเถอะเดี๋ยวเราไปไม่ทันกันพอดี” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาพร้อมกับจับมือหญิงสาวไว้แน่นก่อนจะก้าวขึ้นบันได้เลื่อนพร้อมหญิงสาว
“ไม่ต้องจับมือก็ได้นะคุณคิมหันต์ ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้เลย”
“ทำไมจะจับไม่ได้ คุณเป็นแฟนผมนะ”
“ฉันไปเป็นแฟนคุณตั้งแต่เมื่อไหร่คุณคิมหันต์” ปานดาวยังคงโวยวายพร้อมกับแกะมือของชายหนุ่มที่จับมือเธออยู่ เริ่มอายกับสายตาสอดรู้สอดเห็นของลูกค้าที่เดินเข้ามาเที่ยวในห้างๆ
“แล้วต่อไปเรียกผมว่าคิม เฉยๆก็พอไม่ต้องเรียกชื่อเต็มแบบนี้อีก เข้าใจไหมปาน” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเหมือนกับการบังคับหญิงสาวกลายๆ แถมยังเรียกชื่อหญิงสาวอย่างสนิทสนมอีก
“มันเรื่องของฉันที่จะเรียกหรือไม่เรียก” ปานดาวถามออกไปอย่างฉุนๆ นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ถึงได้บังคับเธอแบบนี้ รู้จักกันถึงอาทิตย์ ชีวิตเธอก็มีแต่ความวุ่นวาย ‘พระเจ้าขาทำไมทำกับลูกได้ล่ะคะ ทำไมต้องให้ลูกมาเจอผู้ชายแบบนี้ด้วย ลูกไม่น่าช่วยเหลือเขาเลย เฮ้อ’
“ปาน” คิมหันต์มองหญิงสาวด้วยสายตาที่หญิงสาวอ่านไม่ออก
“อะไร?”
“ผมเรียกตั้งนานแล้วทำไมถึงไม่ตอบ”
“เปล่า ไม่มีอะไรนี่” ปานดาวตอบอย่างตัดความรำคาญ
“คิดอะไรอยู่เหรอ เรื่องผมหรือเปล่า”
คิมหันต์ยังคงจ้องหน้าหญิงสาวด้วยความรู้สึกผิด ‘นี่เขาสร้างความรำคาญให้เธอมากขนาดนี้เลยหรือ ผู้หญิงคนอื่นไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย แล้วทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงทำหน้าเหมือนกับเกลียดและรำคาญเขาขนาดนั้น’
“เปล่านิ ไปกันเถอะ”
ปานดาวเงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่มแล้วก็อึ้ง เมื่อเจออาการของอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ หรือเธอพูดแรงไปหรือเปล่า แล้วหญิงสาวก็ปรับสีหน้าทันทีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกแบบนั้น แล้วทั้งสองก็นิ่งเงียบไปตลอดทาง ต่างก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง โดยไม่ได้สังเกตสิ่งรอบข้างเลยว่า ภัยเริ่มเข้ามาเยือนทั้งคู่แล้ว แต่ก่อนที่ทั้งสองขึ้นถึงบันไดเลื่อนขั้นสุดท้ายของชั้นสี่
////////////
“คุณคิมขา” เสียงแหลมสูงเรียกชื่อชายหนุ่มมาแต่ไกล ทำให้ทั้งสองหันไปมองยังปลายเสียงนั้นทันที “วีวี่! คิดถึงคุณจังเลยค่ะ” หญิงสาวเดินมาหยุดที่ชายหนุ่มพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างโน้มคอชายหนุ่ม พร้อมกับก้มลงหอมแก้มชายหนุ่มทันที โดยไม่ได้สนใจหญิงสาวที่ชายหนุ่มจับมืออยู่เลย
“ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะวีวี่” คิมหันต์เอ่ยออกไปพร้อมกับหันไปมองหญิงสาวอีกคนอย่างเป็นห่วงและเขาก็อึ้งเมื่อเจอสายตาที่หญิงสาวจ้องมองเขาอยู่ “ผมบอกให้ปล่อยไงวีวี่” แล้วชายหนุ่มก็แกะมือที่โอบกอดเขาไว้ออกทันที เมื่อเจอสายตาแบบนั้นของหญิงสาว
“มาทำอะไรที่นี่ วีวี่โทรหาคุณเมื่อเช้า ทำไมไม่รับโทรศัพท์วีวี่” วีรดายังคงออดอ้อนชายหนุ่ม โดยเปลี่ยนมาจับแขนแทน
“มันน่าเกลียดนะวีวี่ คุณปล่อยผมก่อนดีกว่า”
“ทำไมค่ะ ทุกทีวีวี่ทำมากกว่านี้คุณยังไม่เห็นบ่นเลย” วีรดายังคงพูดออกมาโดยไม่ได้สังเกตสีหน้าของชายหนุ่มและหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่เลย
“นี่วีวี่เดี๋ยวผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก นี่ปานดาวภรรยาผม” คิมหันต์เอ่ยไปอย่างรำคาญหญิงสาว ‘เขาไม่เคยรู้สึกรำคาญเธอมากเท่าครั้งนี้เลย’
“ภรรยาหรือค่ะ? คุณล้อวีวี่หรือไง” วีรดาเอ่ยออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ที่คุณได้ยิน ถูกต้องแล้วล่ะ...นี่ปานดาว ภรรยาผม” คิมหันต์เอ่ยออกไปพร้อมกับดึงหญิงสาวเข้ามากอดแกมบังคับ
///////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...