คำพูดของอัคคีราห์ไม่ได้ฝังเข้ามาในโสตรประสาทของณิชาแต่อย่างใด เนื่องจากร้านของเทียนยังคงเป็นสถานที่พักใจ เวลาเธอต้องการเติมน้ำตาลเข้าร่างกายอยู่เสมอ
แต่การได้เจอเจ้าของร้านเป็นการเติมพลังใจมากกว่า..
ของหวานหลากหลายชนิดวางอยู่บนโต๊ะ เครื่องดื่มรสโปรดถูกปั่นกับน้ำแข็งจนเย็นชื่นใจ พลันใบหน้าของณิชาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาหลังทานอิ่ม ก่อนจะดูดน้ำจากหลอดพร้อมฉีกยิ้มกว้างจนดวงตาหยีลงให้เทียนที่มองเธออยู่
“วันนี้ประจำเดือนมาเหรอครับน้องชา” เทียนถามอย่างระมัดระวัง หลังช่วงค่ำของร้านที่คนไม่เข้าแวะเวียนเข้ามาแล้ว ตอนนี้ก็เลยมีแค่ทั้งคู่ที่ยังแลกเปลี่ยนบทสนทนากันเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“เปล่านะคะ” ณิชาส่ายหน้าปฏิเสธ
“คือพี่เห็นว่าเรากินเก่ง ก็นึกว่าวันนั้นของเดือนซะอีก”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ แค่มีเรื่องให้เครียดนิดหน่อย”
“อ่า มีอะไรให้เครียดเหรอครับ” ชายหนุ่มเสตาไปด้านข้างราวกับมีความคิดบางอย่างอยู่ในหัว ก่อนจะขยับจานเค้กช็อกโกแลตให้เธอ “ถ้างั้นก็ทานเยอะๆ นะครับ ของหวานจะช่วยให้น้องชาอารมณ์ดี”
ไม่มีคำถามจากเทียนว่าเธอไปเจออะไรมาถึงได้มีสีหน้าเคร่งเครียด เพราะเขาจะรอให้เธอเป็นฝ่ายเปรยขึ้นมาเสียมากกว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอระบายออกมา เขาก็จะเป็นคนแรกทุกครั้งที่รับฟังอยู่เสมอ
นั่นคงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ณิชาตกหลุมรักเทียน
“ที่จริงพี่มีเรื่องอยากจะถามน้องชาตั้งแต่หลายวันก่อน..” เขาทำหน้านึกย้อนไปเมื่อหลายวันก่อน
“เรื่องอะไรเหรอคะ” ณิชาเลิกคิ้วถาม พลางวางช้อนลงแล้วกระชับตัวนั่งหลังตรงฟังเขา
“คือมันเป็นเรื่อง..” เทียนทำหน้าอธิบายยาก คล้ายว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสิ่งที่จะพูดออกมา
“ถ้าเป็นเรื่องของผู้ชายคนนั้น ฉันจะอธิบายให้พี่ฟังค่ะ”
“แน่ใจเหรอครับว่าจะไม่กระทบกระทั่งกัน พี่ไม่อยากให้เรามีปัญหาทีหลังนะน้องชา”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ขอแค่พี่เทียนอย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิดก็พอ”
พอเห็นสีหน้าของเทียนมีปฏิกิริยาตอนที่พูดถึงบุคคลนอกอย่างอัคคีราห์ ณิชาก็รู้ทันทีว่าเป็นเขานั่นแหละที่ทำให้คนตรงหน้าเธอเป็นกังวล
“ฉันกับเขาเราจำเป็นต้องแต่งงานกันค่ะ มันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทางอำนาจธุรกิจพี่เทียนก็น่าจะรู้ใช่มั้ยล่ะคะ อีกอย่างฉันอยากทำให้คุณปู่สบายใจ อย่างน้อยๆ ก็แทนคำขอบคุณที่โอบอุ้มเราเหมือนกัน” ณิชาอธิบายอย่างไร้กังวล แม้ว่าอีกไม่นานจะถูกตีตราความเป็นเจ้าของตามกฎหมายก็ตาม
แต่อีกเรื่องที่เพิ่งจะตกลงพันธะระหว่างกัน นั่นก็คือเงินเดือนที่เธอจะได้จากเขา หากการแต่งงานครั้งนี้เรียบร้อยดีทุกอย่าง
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอัคคีราห์มีคนรักหรือเปล่า แต่เธอก็เผลอคว่ำริมฝีปากใส่ทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้ เพราะคนอย่างเขาน่าจะไม่มีใครให้รัก แล้วก็ไม่มีใครกล้ารักลงหรอก
ปากแซ่บกว่าส้มตำยี่สิบเม็ดซะขนาดนั้นน่ะ
“เรื่องผลประโยชน์สินะครับ” เทียพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ “พี่เข้าใจแล้ว”
“ประมาณนั้นค่ะ แต่พี่เทียนไม่ต้องห่วงหรอกนะ ยังไงฉันก็แวะมาหาที่นี่บ่อยๆ อยู่แล้ว ฉันก็ยังเป็นคนเดิมนั่นเเหละค่ะ” เธอว่าแล้วระบายยิ้มเศร้าๆ
“พี่ก็หวังว่าเราจะไม่ลืมที่นี่นะ ขาดน้องชาไปคนนึงพี่คงเหงาแย่เลยครับ” เทียนเอ่ยเสียงเศร้า "ห้ามลืมพี่นะครับ"
“ไม่ลืมหรอกค่ะ ไม่มีทางลืมแน่นอน” เธอให้คำมั่นเสียงหนักแน่น
พลันรอยยิ้มหวานเยิ้มของเทียนที่คลี่บางๆ ก็ทำเอาณิชาเคลิ้มมองแล้วระบายยิ้มตามเขา ก่อนจะมีเสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ ระหว่างบทสนทนา ทว่าพริบตาเดียวรอยยิ้มบนใบหน้าเทียนก็หายไป
“แล้วคนของเราจะไม่ว่าเอาเหรอ วันนั้นเขาดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นะครับ” ใบหน้าหล่อเหลาเคล้าปริศนาในแววตาเลิกคิ้วถาม
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาต้องการอะไรถึงทำแบบนั้น” ณิชามุ่นคิ้วคิดตาม แต่ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้อัคคีราห์ประกาศกร้าวราวกับเขาเป็นเจ้าของเธอไปแล้ว แถมยังแสดงออกเกินหน้าเกินตา ทั้งที่ความจริงอัคคีราห์ก็น่าจะรู้ถึงจุดประสงค์การแต่งงานดี
มีแต่เรื่องของผลประโยชน์ทั้งนั้นนั่นเเหละ
อีกอย่างณิชาอยากลบคำครหาของคนอื่นที่มองว่าลูกสาวบ้านนี้ขายไม่ออก แต่ความจริงคือมีคนรอต่อคิวจีบยาวเป็นห่างว่าวแค่เธอไม่เอาเท่านั้นเอง
“ยังไงพี่ก็อยากให้เราระวังตัวเองด้วยนะน้องชา”
“คะ”
“ระวังตัวเองด้วยนะครับ อย่าไว้ใจใครง่ายๆ เราไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่” เทียนพูดต่ออีกว่า "คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ จำไว้นะครับ"
สิ้นประโยคนั้นมือหนาก็ถือวิสาสะกุมมือของณิชาที่วางบนโต๊ะเอาไว้ ก่อนในวินาทีต่อมาบนใบหน้าของเทียนจะแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหวาน สายตาอ่อนโยนฉายแววความเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิด
ส่งผลให้หญิงสาวหน้าเห่อร้อนไม่หยุดจนหลุกหลิกตามองซ้ายขวา เพราะหาจุดวางสายตาไม่เจอ ก่อนจะยิ้มแก้เขินแล้วบิดตัวไปมาด้วยความที่ทำตัวไม่ถูก
“ฉันจะระวังตัวเองค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะพี่เทียน” ณิชายิ้มรับแล้วแสร้งมองไปทางอื่น โดยที่มือของเธอก็ยังถูกเทียนจับไว้อยู่อย่างนั้น
แน่นอนว่าเธอไม่ผละออกหรือปฏิเสธการกระทำ เพราะแค่สัมผัสเพียงแผ่วเบา ผีเสื้อนับล้านก็พร้อมใจกันขยับปีกกันจนมวลหน้าท้องไปหมด
“มีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะครับ”
“รับทราบค่ะ พี่เทียนวางใจเรื่องนี้ได้เลยนะคะ ฉันเป็นคนสู้คนอยู่แล้ว” โดยเฉพาะคนอย่างอัคคีราห์..
ทั้งคู่สบตากันนานหลายวินาที กระทั่งมีเสียงออเดอร์เด้งเข้าที่มือถือของเทียน เขาถึงได้ยอมปล่อยมือออกจากณิชา ด้วยใบหน้าที่ติดเสียดายแต่ก็ยังค้อมศีรษะให้เธอคล้ายว่าขอโทษที่มือไวไปหน่อย
“ถ้างั้นวันนี้ทานอาหารให้อร่อยนะครับ เดี๋ยวพี่ขอไปทำออเดอร์ให้ลูกค้าก่อน”
“ได้ค่ะ ขอบคุณสำหรับของอร่อยด้วยนะคะ วันนี้ฉันมีความสุขมากเลย”
“ด้วยความยินดีเสมอเลยครับคุณลูกค้าคนโปรด” เทียนโคลงศีรษะเล็กน้อยให้เธอที่ก้มหัวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มหวาน ก่อนณิชาจะหุบปากฉับทันทีที่เห็นร่างสูงปรากฏหน้าร้านของเทียน
“นั่นมัน..”
ทว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่อัคคีราห์แต่เป็นลูกน้องของเขาแทน แต่มันก็แปลว่าคนของอัคคีราห์อยู่รอบตัวเธอไม่ใช่เหรอ
ถ้าเธอจำไม่ผิดนั่นคือบอดี้การ์ดฝาแฝดที่มองไกลๆ แทบแยกไม่ออก แต่ในเวลานี้เขาไม่ได้อยู่ในชุดสูทสีดำ แต่เป็นเสื้อผ้าธรรมดาเหมือนแค่ผ่านมาซื้อเค้กเท่านั้น
หรือเธออาจจะแค่คิดไปเอง..
“สวัสดีครับคุณณิชา” อีกฝ่ายเอ่ยทักอย่างเป็นกันเอง ขณะที่กำลังยืนเลือกเค้กอยู่หน้าร้าน
“สวัสดีค่ะ” ณิชาทักทายตามมารยาท แต่ยังงุนงงกับสถานการณ์ตรงหน้าว่าทำไมเธอถึงเจอลูกน้องของอัคคีราห์ที่นี่
“มาทานเค้กเหรอครับ” เขาว่าแล้วยิ้มเจื่อน มือก็ยกขึ้นเกาศีรษะไปพลาง
“ใช่ค่ะ แล้วคุณมาทำอะไรเหรอคะ ปกติไม่เคยเห็นผ่านมาแถวนี้เลย” เธอโยนคำถามอย่างไม่อ้อมค้อม เพราะกลัวว่าจะถูกคนของอัคคีราห์สะกดรอยตาม
“อ๋อ ผมน่ะเหรอครับ” เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธยกใหญ่
ณิชาพยักหน้ารับ พลางหรี่ตาลงมองอีกคนที่สดใสจนท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงสว่างขึ้นมาทันที
“ผมชื่อชินกรนะครับ เรียกว่ากรก็ได้ เป็นฝาแฝดของพี่ชรินทร์ครับ” เขาแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงสดใส สีหน้าร่าเริงไร้ความกังวลขณะพูดคุยกับเธออยู่
“แล้ว..”
“ขอตอบคำถามก่อนหน้านี้ก่อนนะครับ คือวันนั้นที่ผมมากับคุณอัคคีราห์ ผมก็ได้ลิ้มลองเค้กร้านนี้ รสชาติดีอย่าบอกใครเลยครับ พอดีติดใจก็เลยกลับมาซ้ำอีกรอบ วันนี้หยุดน่ะครับ”
“เอ่อ อ่าค่ะ”
หญิงสาวหน้าเหวอหลังจากมองเขาอธิบายยาวเหยียด ราวกับกำลังทำการนำเสนองานในที่ประชุม จนเทียนที่ได้ยินก็ถึงกับหันมายิ้มให้เพราะรู้ว่าเธอก็คงเหวอไม่ต่างจากเขา
“ถ้างั้นผมขอชิ้นนี้กับชิ้นนี้.. แล้วก็ขอชาเขียวหวานร้อยเปอร์แก้วนึงครับ” ชินกรเงยหน้าสั่งเจ้าของร้าน ก่อนจะระบายยิ้มอย่างเป็นมิตร แล้วผ่อนคลายร่างกายหันซ้ายหันขวาไปมา ท่ามกลางสายตาจับผิดของณิชา
แต่สุดท้ายเธอก็เลิกจับผิดเขา เพราะเหมือนวันนี้ชินกรจะมาพักผ่อนจริงๆ พอได้รับของที่สั่งแล้วเรียบร้อย เขาก็หันมาโคลงตัวลาเธอ แล้วเดินออกจากร้านไปทันที
“อะไรของเขากัน.. แปลกคนเหมือนเจ้านายชะมัดเลย"