ตอนที่ 9 สมน้ำสมเนื้อ

1748 Words
WD-WEDDING ข้อดีของการที่ณิชาไม่ได้ชอบผู้ชายอย่างอัคคีราห์ คือเธอไม่ห่วงสวยเวลาอยู่ต่อหน้าเขา ผิดถนัดกับตอนอยู่ต่อหน้าเทียนที่เธอจะเคอะเขินจนตัวแทบบิดเป็นเลขแปดอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่แค่เธอที่เป็นแบบนั้น ..อัคคีราห์ก็เช่นกัน สีหน้าเขาดูไม่ค่อยรับแขกเหมือนถูกบังคับให้แต่งงาน ทว่าสายตากลับตั้งใจเลือกการ์ดเชิญอย่างมุ่งมั่นและใส่ใจในทุกรายละเอียด จนไม่รู้ตัวเองเลยว่ามีสายตาของใครบางคนลอบมองเขาอยู่เป็นระยะ ความรักของทั้งคู่คงเริ่มต้นด้วยเส้นขนาน.. ให้ตายก็ไม่มีวันมาบรรจบกันแน่นอน “ไม่ต้องตั้งใจขนาดนั้นก็ได้นะ เดี๋ยวเส้นเลือดในสมองก็แตกหรอก” ณิชาเปรยขึ้นหลังเห็นอัคคีราห์นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ขณะที่กำลังเลือกรูปแบบของการ์ดงานแต่งอย่างเคร่งเครียด อัคคีราห์แสร้งทำหูทวนลมใส่ ทั้งที่ได้ยินทุกคำเธอพูด “ตามใจ.. คนเขาหวังดีเหอะ” เธอว่าแล้วกอดอกใส่ “ต้องจริงจังมากขนาดนี้ใช่มั้ยเนี่ย..” “เธอคิดว่าในงานมีใครบ้างล่ะ” อัคคีราห์เอ่ยบอกเสียงเรียบ แต่น้ำเสียงคงไว้ซึ่งความจริงจัง “คนสำคัญจะมารวมตัวกัน ถ้าทำแบบลวกๆ ก็แปลว่าไม่ใส่ใจ ถือว่าไม่ให้เกียรติแขกเหมือนกัน” “จริงด้วย” ณิชาเผลอพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เธอมัวแต่จ้องจะจิกกัดเขาจนลืมไปเลยว่าวันนั้นในงานจะมีแขกเหรื่อที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองตระกูลมาเยอะแค่ไหน พอคิดแบบนั้นแล้วก็แอบตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ณิชาไม่เคยวาดฝันภาพตัวเองตอนใส่ชุดเจ้าสาวมาก่อน ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเจ้าบ่าวจะเป็นผู้ชายที่ชื่ออัคคีราห์ ไม่อยากคิดด้วยนั่นคือประเด็น “ถึงจะเป็นแค่งานแต่งที่เธอกับฉันไม่ได้เต็มใจ แต่จะทำแบบผักชีโรยหน้าไม่ได้ ต้องรักษาหน้าตาของตระกูลด้วย” “อ่า นายนี่ก็รอบคอบเหมือนกันนะเนี่ย” “เละเทะแบบเธออีกคนได้ที่ไหน” หญิงสาวเผยอปากเตรียมจะสวนกลับทันควัน แต่พอกวาดสายตามองไปรอบบริเวณร้านแล้วพบว่าไม่ได้อยู่กันแค่สองคน ณิชาก็ปิดริมฝีปากนั่งเงียบแต่ขู่อัคคีราห์ด้วยลมหายใจแทน “เหอะ” “อะไร” “เปล่า” ณิชาไหวไหล่แล้วยิ้มออกมาได้ เผลอด่าในใจจนโล่งแล้วถึงนั่งนิ่งได้ แต่สักพักณิชาก็เริ่มยุกยิกอีกครั้ง เธอหันมองซ้ายขวาที่ภายในร้านเต็มไปด้วยชุดสีขาวบริสุทธิ์ โทนสีและการจัดวางทำให้เธอรู้เลยว่าองค์ประกอบของชุดสวยงามแค่ไหน “หวานกันชะมัดเลย..” เธอพึมพำออกมาเบาๆ หลังสายตาเห็นคู่รักคู่หนึ่งกำลังกระหนุงกระหนิงกันยกใหญ่ “อะไรอีก” อัคคีราห์ตวัดสายตามองเจ้าตัวที่พูดไม่หยุด “เปล่า ไม่มีอะไร” ณิชาส่ายหน้าปฏิเสธให้กับอัคคีราห์ที่เหลือบหางตามอง เพราะเผลอคิดเสียงดังออกมาเป็นคำพูดกับภาพของคู่รักอีกฝั่งที่สวีทหวานจนน้ำตาลขม ความสุขของการแต่งงานเป็นแบบนั้นงั้นเหรอ.. ณิชาเบือนหน้าหนีไม่มองลูกค้าของอีกห้องที่มีกระจกใสกั้นเอาไว้ เธอขยับสายตามองเจ้าของสันกรามคมแล้วมุ่ยริมฝีปากเล็กน้อย เพราะอัคคีราห์ดูเย็นชาจนบรรยากาศเย็นยะเยือกราวกับหมอกอย่างบอกไม่ถูก “ดูการ์ดกับชุดเสร็จแล้ว ฉันกลับเลยได้ใช่มั้ย” ณิชาพูดเชิงเปรยๆ ให้อีกคนที่นั่งหน้านิ่งรับฟัง “จัดการงานตรงหน้าก่อน แล้วค่อยคิดเรื่องอื่นทีหลัง” เขาบอกปัดคล้ายว่ารำคาญเธอเต็มที “เรื่องปากท้องสำคัญสุดนะไม่รู้เหรอ.. หิวจะแย่อยู่แล้ว” “รอ” หญิงสาวทำหน้าเศร้าเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาฮึดสู้ไม่ให้ตัวเองวอกแวกไปทางอื่น แค่เคลียร์ตรงนี้ให้เสร็จก็ได้เวลาแยกย้ายกันสักที “อยากได้สีตีมงานแบบไหน” “แล้วนายคิดว่าแบบไหนล่ะ” “ฉันคิดว่าเราควรเน้นสีสัน แต่ก็ต้องไม่สดใสเกินไป ในงานแขกผู้ใหญ่น่าจะเยอะเอาแบบเรียบง่ายก็ดีเหมือนกัน” อัคคีราห์ออกความเห็นนั่นยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากขึ้น ก่อนจะส่งสายตารอฟังคำตอบจากเธอเช่นกัน “ฉันเห็นด้วยกับนาย” สิ้นประโยคนั้นณิชาก็ยู่ปลายจมูกแล้วนั่งเท้าคางเป็นผู้ฟังที่ดีแทน เธอเงยหน้ามองแอร์ของร้านที่เย็นฉ่ำจนต้องยกมือขึ้นลูบต้นแขนตัวเองไปพลาง เจ้าของนัยน์ตาคู่คมเหลือบมองหญิงสาวครู่หนึ่ง ก่อนจะแสร้งเมินอาการสั่นเทาของเธอมาจดจ่อกับงานตรงหน้าแทน เขาไม่อยากทำอะไรที่สื่อถึงรักหรือห่วงใย.. ไม่ว่ากับใครก็ตาม ใช้เวลาสักพักใหญ่อัคคีราห์ก็ให้ณิชาเข้าไปลองชุดที่สั่งตัดไว้พิเศษ มีหลายชุดสำหรับการใส่ผลัดเปลี่ยนในงาน เธอลองจนเริ่มหน้าเง้าหน้างอเพราะท้องไส้มันประท้วงตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อน “เหมือนชุดเจ้าหญิงที่เคยดูตอนเด็กๆ เลย” ร่างอรชรเอวบางร่างเล็กแต่มีเนื้อหน้าอกหน้าใจคับใหญ่จนช่วงอกเนินนูนออกมายิ่งทำให้ดูน่าดึงดูด สะโพกผายก้นกลมกลึงยามหมุนซ้ายหันขวาทำให้เรือนร่างเธอในชุดนี้ดูสง่างามราวกับเจ้าหญิงเลยทีเดียว แต่ชื่นชมเรือนร่างตัวเองในชุดสีขาวฟูฟ่องราวกับอยู่ในเทพนิยายได้ไม่เท่าไหร่ ใครบางคนก็ถือวิสาสะเปิดม่านเข้ามา เล่นเอาเธอสะดุ้งผวาไปตามกัน “เข้ามาทำไม” เธอถามออกไปเสียงแข็ง พร้อมกับยกมือขึ้นปิดหน้าอก ที่แม้จะไม่ได้โป๊แต่ก็ไม่ชินที่อีกฝ่ายพรวดพราดเข้ามาแบบนี้อยู่ดี “หมุนตัวสิ” อัคคีราห์กอดอกออกคำสั่ง ราวกับเธอเป็นลูกน้องในสังกัดเขาอีกคน “ฉันถามว่านายเข้ามาทำไม” “ฉันบอกให้หมุนตัว” นัยน์ตาคู่คมตวัดมองเชิงกดดันให้เธอทำตาม ไม่ได้ตอบคำถามแต่ย้ำคำสั่งของตัวเองแทน ณิชาถอนหายใจพรืดยาวแล้วกลอกตามองบนใส่เขา ก่อนจะหมุนตัวให้เขาดูอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ “ดี” เขาตอบสั้นๆ สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์จนอีกคนหมดความมั่นใจในตัวเอง “ดีนี่คือใช้ได้แล้วใช่มั้ย” ณิชาเลิกคิ้วถาม แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้เลือดลมร้อนผ่าวไปหมด “ก็ดีได้เท่านี้แหละ” “หมายความว่ายังไง” “สวยแบบของประดับ” “ปากร้ายชะมัด” สิ้นประโยคนั้นณิชาก็ยกยิ้มมุมปาก จ้องคนตัวสูงกว่าที่มองมาด้วยแววตามาดเข้ม แต่บนใบหน้าคาดเดาอารมณ์ได้ยากว่าคิดอะไรอยู่ เงียบใส่กันได้ไม่เท่าไหร่ก็เหมือนจะมีเรื่องให้ปะทะอารมณ์กันอีกแล้ว “ทำไมของที่จะได้ไปประดับตระกูลนายมันดูไร้ค่าขนาดนั้นเลยเหรอ” ณิชาเริ่มเปิดประเด็นก่อน เพราะไม่ชอบสายตาของเขาที่มองราวกับว่าเย้ยหยันกันตลอดเวลา ไม่ชอบเวลาสบตาแล้วพบว่ามีแต่ความว่างเปล่าให้เห็น หนำซ้ำยังทำให้บรรยากาศที่มีแดดจ้าทั้งวันแบบนี้ ให้มันอึมครึมเหมือนฝนห่าใหญ่จะถล่มพายุจะคลั่งยังไงยังงั้น “ก็ไม่เชิง” อัคคีราห์ตอบกลับหน้าตาย ซ้ำยังลอบถอนหายใจทิ้งเบาๆ ใส่อีกต่างหาก “ฉันไม่คิดจะเกี่ยวดองกับครอบครัวเธอ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าปู่เคยให้สัญญาปู่เธอเอาไว้” “บอกตามตรงนะว่านายเหมือนสารเคมีที่เร่งปฏิกิริยาฉันเลยอัคคีราห์” เธอว่าแล้วยิ้มร้ายบนมุมปากสวย ใบหน้าคมคายหักงอเรียวคิ้วเข้าหากัน มองอากัปกิริยาของเธอแล้วส่ายหน้าเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย “ตอนแรกฉันคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้จะมีแค่ฉันที่รู้สึกเหมือนตกนรก พอได้ยินคำตอบของนายแล้วฉันก็ดีใจ.. ที่เราจะได้ลงอเวจีไปด้วยกัน” ไม่พูดเปล่าณิชายังก้าวเท้าตรงไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เชิดดวงหน้าใส่อย่างท้าทาย เธอรวบรวมความใจกล้าใช้นิ้วเรียวเชยปลายคางคนตัวสูงกว่า ก่อนจะเอียงซ้ายขวาคล้ายว่าพิจารณา แล้วทำหน้าว่าอัคคีราห์เองก็ไม่ได้ดูเหมาะสมกับเธอเลยสักนิด “ฉันก็หวังว่านายจะมีค่าพอประดับตระกูลฉันเหมือนกัน” “หึ” “อ้ะ” อัคคีราห์ปัดมือของเธอออกอย่างไม่ใยดี ก่อนจะใช้มือบีบปลายคางณิชาพร้อมกับดันร่างเธอจนแผ่นหลังชิดกระจกบานใหญ่ “อัคคีราห์” ณิชาเอ่ยชื่อเขากรอดไรฟัน แววตาฉายชัดความไม่พอใจ “งั้นก็ดี..” อัคคีราห์แสยะยิ้มมุมปาก รู้อยู่เต็มอกว่าณิชาพยายามยั่วโมโหเขา และก็ผิดที่เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ดีพอ ใบหน้าสวยสดไร้ซึ่งความวิตกกังวลในแววตา เธอสบสายตาอัคคีราห์อย่างไม่ลดละ ก่อนจะยกมือขึ้นจับแขนอัคคีราห์เอาไว้ “จับมือกันลงอเวจีด้วยกันไปเลย ..ดีมั้ย” “ถ้างั้นก็อย่าปล่อยมือกันล่ะคุณอัคคีราห์” ทั้งคู่ฟาดฟันกันผ่านสายตาอย่างไม่มีใครยอมใคร เหมือนลิ้นกับฟันที่กระทบกระทั่งกันทุกครั้งที่จ้องตา วาจาเปรียบเสมือนน้ำมันที่ราดรดบนกองไฟให้ติดง่ายไปกับอารมณ์ “ชอบโดนแบบนี้รึไง ชอบแบบซาดิสม์สินะ” “ก็ตื่นเต้นดีเหมือนกัน” “ยัย..” นัยน์ตาสีรัตติกาลวูบไหวเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะกดสายตามองเธอแล้วถูกณิชาปัดมือตนออก หมดคำจะพูดกับเธอแล้วเหมือนกันเมื่อถูกสวนกลับมาแบบนี้ ทว่าแทนที่อัคคีราห์จะหัวเสีย เขากลับเหยียดยิ้มมุมปาก เพราะเหมือนกับว่าจะเจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกับตระกูลเซียหลงเข้าให้เสียแล้ว “ลองชุดเสร็จแล้ว แยกย้ายค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD