ตอนที่ 5 รอยจูบที่รังเกียจ

1666 Words
ดวงตากลมโตเบิกโพลง ริมฝีปากอ้าค้างกลางอากาศ มองใบหน้าคมคายที่ดูเหนือร้ายกำลังเหยียดยิ้มมุมปาก ราวกับมันเป็นเรื่องน่าขบขันสำหรับเขา แต่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับเธอ “นายเป็นบ้าหรือไงอัคคีราห์” ณิชาพูดกรอดไรฟัน “เธอนี่มันบ้าบิ่นกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เยอะเลยนะณิชา” อัคคีราห์กดสายตามองเธอคล้ายว่าไม่พอใจ ประโยคสุดช็อคที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ทำเอาณิชารีบคว้าแขนอัคคีราห์แล้วออกแรงดึงให้เขาเดินตาม ไม่วายก่อนเปิดประตูร้านออกไป เธอก็รีบหันไปแก้ต่างด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่กับเทียน “พี่เทียน.. เอาไว้ฉันจะกลับมาอธิบายทีหลังนะคะ” เธอยิ้มเจื่อนไม่ต่างอะไรจากเจ้าของร้านที่ทำได้เพียงพยักหน้ารับ พร้อมกับไล่สายตามองหญิงสาวเดินจากไปอย่างช้าๆ ทันทีที่ออกมานอกร้านห่างไกลสายตาที่เทียนจะมองเห็น ณิชาก็สะบัดมือออกจากแขนของอัคคีราห์อย่างไม่สบอารมณ์ “ที่จริงปู่ฉันสอนไว้ว่าอย่าดุด่าภรรยาต่อหน้าผู้อื่น แต่เหมือนว่าไอ้เวรนั่นจะไม่ใช่คนอื่น” ร่างสูงสง่าเพยิดสายตาไปทางร้านของเทียน แววตาสีเข้มนั่นคล้ายว่ากำลังกุมความลับบางอย่างเอาไว้ “หะ” “หูหนวกหรือไง” “ที่ฉันหะเพราะนายเรียกพี่เทียนว่าไอ้เวร แล้วฉันก็ไม่ใช่ภรรยานายด้วย” การวิวาทะขนาดย่อมเริ่มขึ้นอย่างไม่มีใครยอมใคร อัคคีราห์กดสายตามองใบหน้าสาวแล้วส่ายหน้าติดเอือมระอา “อย่ามาทำหน้าแบบนั้นใส่ฉันนะ” ณิชาเขย่งปลายเท้าไม่ต่างจากลูกแมวตัวน้อยที่พยายามจะสู้กับสัตว์ที่ตัวใหญ่กว่า “เธอก็เลิกทำหน้าเหมือนลิงถือลูกท้อสักที” “ลิง.. ลิงถือลูกท้อ” สิ้นประโยคนั้นอัคคีราห์ก็เม้มริมฝีปากกลั้นยิ้ม ผลมาจากใบหน้าของณิชาขาวจนแก้มแดงฉาน ยิ่งตอนเถียงเขากลับท่าทางก็ซุกซนไม่ต่างอะไรจากลิงอีกต่างหาก “นายมันบ้าของจริงอัคคีราห์ เข้ามาในชีวิตฉันไม่ทันไร นายก็ทำทุกอย่างพังย่อยยับหมด.. นายต่างหากที่เป็นตัวซวยของแท้” “ฉันเพิ่งช่วยชีวิตเธอต่างหาก” อัคคีราห์เอ่ยบอก พลันคิ้วเข้มก็มุ่นเข้าหากันทันควัน ณิชาส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่อธิบายอะไร นอกจากออกคำสั่งเชิงตักเตือนเธอเสียงเข้ม “ถ้าไม่จำเป็นก็อย่ามาที่นี่คนเดียวอีก” “ไม่ใช่เรื่องของนาย อย่าเข้ามายุ่งดีกว่า” “เดี๋ยว” คนมือไวคว้าแขนคนตัวเล็กเอาไว้เพราะเขายังพูดไม่จบ แล้วอีกฝ่ายก็ดูเหมือนว่าจะไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่างอีกต่างหาก ดื้อรั้นชะมัดยากเลย ณิชาปรายหางตามองข้อมือเธอที่ถูกเขาพันธนาการ ก่อนอัคคีราห์จะยอมปล่อยข้อมือเธอให้เธออิสระ พลางกระแอมไอเบาๆ ในลำคอ “เธอควรใช้ตรงนี้.. มันเรียกว่าสมองรู้จักมั้ย” อัคคีราห์ชี้ไปที่ศีรษะเป็นภาพประกอบ “พอรู้แล้วทีนี้ก็ใช้ให้มันเป็นประโยชน์ อย่าซื่อจนบื้อขนาดนี้” “นายหลอกด่าฉันเหรอ หาว่าฉันโง่หรือไงหะ” ณิชาย่ำเท้าเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเท้าเอวแล้วเชิดหน้าขึ้นใส่คนตัวสูงกว่า “แล้วฉันพูดผิดตรงไหน” “จ้ะพ่อคนฉลาด พ่ออัจฉริยะ นี่ฉันแยกไม่ออกเลยนะว่าระหว่างอีโก้กับอีคิวของนาย อะไรมันสูงกว่ากัน” ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก รู้สึกกระปี้กระเป่าทุกครั้งที่ได้ต่อปากต่อคำกับอีกฝ่าย กำลังวังชาในการอยากปราบพยศมันเพิ่มขึ้นทุกทีที่เห็นท่าทางห้าวหาญของเธอ “งั้นบอกสิว่าการที่นายพูดจาแบบนั้น.. คนฉลาดที่ไหนเขาทำกัน หรือคนมีมารยาทแบบไหนถึงทำแบบนั้นกับคนที่ไม่รู้จักได้” “หมอนั่นน่ะอันตรายกว่าที่เธอคิด ถ้าเลือกได้ก็อย่าเข้าใกล้ หนีให้ห่างเลยยิ่งดี” “ระหว่างพี่เทียนกับนาย ฉันว่านายอันตรายกว่าเขาเยอะ เหมือนเจองูกับนาย.. ฉันวิ่งหนีนายแบบไม่คิดเลย” “เวลาจะตัดสินใคร เธอควรรู้จักคนๆ นั้นให้ดี ไม่รู้เหรอ” “ทำไมฉันจะไม่รู้จักเขาดีล่ะ.. อย่ามาปั่นหัวกันให้ยากเลย” ณิชาลดมือที่เท้าเอวลง เมื่อเห็นว่าสายตาของอัคคีราห์ไม่มีแววล้อเล่น ซ้ำยังมีวูบหนึ่งที่นัยน์ตาคู่นั้นสะกิดให้เธอคิดตาม ทว่าสุดท้ายสิ่งที่อัคคีราห์พูดก็ถูกปัดตก ผลมันก็เป็นเพราะเขาต่างหากที่น่ากลัว ณิชารู้จักกับเทียนมานานหลายเดือนแล้ว แต่กับอัคคีราห์เพียงแค่สบตาก็รู้สึกปั่นป่วนมวลท้องไปหมด “เธอรู้จักมันดีแค่ไหน” อัคคีราห์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ดีกว่านายก็แล้วกัน” ณิชาตอบกลับทันควันแทบไม่ต้องคิดแม้แต่นิดเดียว “เหอะ” “หัวเราะอะไรไม่ทราบ” อีกฝ่ายไม่ตอบแต่เปลี่ยนจากหัวเราะเยาะเธอ เป็นตีหน้านิ่งเฉยจนคาดเดาไม่ออกว่าสายตาที่อัคคีราห์มองมา มันหมายความว่ายังไงกันแน่ “เธอนี่เหมือนคำที่เขาว่าเลยนะ” สุ้มเสียงของประโยคที่ฟังดูคล้ายไม่สบอารมณ์ ถูกส่งผ่านสีหน้าเฉื่อยชาของอัคคีราห์ ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้คู่สนทนาหัวเสียไม่น้อยกับท่าทางของเขา “คำอะไร” “กบในกะลา” “นี่นาย” ไม่ทันได้พูดจบประโยคอัคคีราห์ก็ยกมือขึ้นปรามให้เธอหยุดพูด แล้วณิชาเองก็ไม่รู้ตัวเองว่าทำไมต้องหยุด เหมือนว่าถูกเขาสั่งโดยฉับพลัน “ฉันรู้ว่าพูดอะไรไปคนอย่างเธอก็ไม่ฟัง ดื้อรั้นเหมือนเด็กน้อยที่วิ่งตามหาแต่ความรัก..” “อัคคีราห์” “แต่ฉันขอเตือน..” คนตรงหน้าใช้นิ้วชี้เธอเชิงคำสั่ง “อยู่ให้ห่างจากผู้ชายคนนั้นเอาไว้.. เพราะคนมองความรักสวยงามแบบเธอ จะทำให้ตัวเองเสี่ยงอันตรายโดยไม่รู้ตัว” คำเตือนของเขาไม่ได้ทำให้ณิชาหลงเชื่อแต่อย่างใด กลับกับใบหน้าสะสวยที่กำลังขลึงตามองอัคคีราห์ก็แปรเปลี่ยนไปทันที เมื่อสายตาณิชาเหลือบมองไปเห็นว่าเทียนกำลังวิ่งโร่มาทางนี้พอดี “เดี๋ยวครับน้องชา..” เสียงเทียนตะโกนเรียก ทำให้ณิชาสลับสีหน้าเป็นโหมดอ่อนหวานเพียงพริบตา จนอัคคีราห์ที่ได้เห็นมารยาหญิงสาวก็ถึงกับชักสีหน้าไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว “พี่เทียน” ณิชาเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ่อนช้อย พลางยกมือขึ้นแตะแก้มเบาๆ “พี่ว่าจะฝากเค้กไปให้พ่อแม่เราด้วยน่ะครับ” “ขอบคุณค่ะ เอาไว้จะบอกพ่อกับแม่ให้นะคะ” “ทานให้อร่อยนะครับ เอาไว้วันหลังมาทานเค้กด้วยกันอีกนะ มีเมนูใหม่ที่พี่อยากให้คนโปรดประจำร้านชิมอีกเพียบเลย” ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนม ทิ้งให้อีกคนที่อยู่นอกวงสนทนากวาดสายตามองรถของลูกน้องที่จอดทิ้งระยะห่างเฝ้าระวังเอาไว้ ก่อนจะหันมาให้ความสนใจณิชาอีกครั้งเมื่อเทียนแยกตัวกลับไป “เงยหน้า” “หือ” “บอกให้เงยหน้า” “อะไรของนาย” “อย่าแหกปากโวยวายล่ะ แสบหู” “หมายความว่า.. อื้อ” บทสนทนาแสนสั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนมือหนาจะคว้าใบหน้าณิชาแล้วประกบริมฝีปากลงมาโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว คนที่ถูกจู่โจมตัวแข็งทื่อแอบเซถอยหลังเล็กน้อย พลันดวงตาก็เบิกโพลงกลอกไปมาอย่างหาจุดวางสายตาไม่เจอ มือไม้กางเหยียดตรงครบทั้งห้านิ้วก่อนจะหลับตาลงในวินาทีต่อมาเมื่อเริ่มผ่อนคลาย ไม่นานอัคคีราห์ก็เป็นฝ่ายผละริมฝีปากออก ก่อนจะเป็นณิชาที่ยังหลับตาลงแล้วยืนตัวแข็งทื่อ จนอีกคนป้องปากกลั้นยิ้มเอาไว้ “ติดใจเหรอ” “เอ่อ” “เหอะ” สิ้นเสียงนั้นณิชาก็ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะขบเม้มริมฝีปากแล้วยกปลายนิ้วขึ้นแตะเบาๆ กับสัมผัสอ่อนนุ่มเมื่อครู่ “นายมันโรคจิตอัคคีราห์” เมื่อสติกลับมาเธอก็ตอกกลับเขาทันที ใบหน้าเห่อร้อนจนแดงฉานไปหมด “ฉันทำเพราะต้องทำ ไม่ได้ทำเพราะพิศวาสสักนิด” อัคคีราห์ตอบกลับเสียงเรียบ สีหน้าตายด้านดูไร้ความรู้สึกร่วมขั้นสุด “ฉันไม่เข้าใจนายเลยจริงๆ ทำแบบนี้เพื่ออะไร คนโดนเขาไม่รู้สึกดีด้วยหรอกนะ” “สักวันเธอจะกลับมาขอบคุณฉัน” “ฉันเกลียดนาย..” ประโยคที่พูดว่าเกลียดและสีหน้าฉายชัดว่าไม่พอใจทำให้อัคคีราห์มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมา แต่ทว่าก็เป็นเพียงแค่รอยยิ้มเย็นเยือกบนมุมปากสวยเท่านั้น “รังเกียจจูบของนายด้วยไอ้คนนิสัยไม่ดี ฉันจะเอาปากไปถูเปลือกไม้ แล้วก็ทำสครับอีกร้อยรอบ เผลอๆ เอาปากไปจูบก้นโซบะยังรู้สึกดีกว่าอีก” ไม่พูดเปล่าเธอยังใช้หลังมือถูไปมาแรงๆ บนริมฝีปากจนมันแดงขึ้นมาอีกต่างหาก “ต่อให้เย็บปากเธอทิ้ง เธอก็ไม่มีวันลืมจูบเมื่อกี้หรอก” สุ้มเสียงเย็นราวกับหมอกทำให้ณิชาตัวค้างแข็งขึ้นมาฉับพลัน แววตาแข็งกร้าวนั่นทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นล่ำไม่เป็นส่ำจนควบคุมเอาไว้ไม่อยู่ “เพราะเธอ.. เคลิ้ม” “ไอ้.. ไอ้คนบ้า”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD