“ซื่อบื้อฉิบ”
ทันทีที่อัคคีราห์ทิ้งตัวลงบนเบาะรถหรูคันสีดำ เขาก็สบถออกมาอย่างหัวเสีย เพราะหญิงสาวที่ไม่ยอมอยู่ในโอวาทโดยง่ายอย่างณิชา
สายตาและท่าทางของเธอที่มองเขามันน่าหงุดหงิดไปหมด แต่กลับผู้ชายอีกคนดันมองด้วยแววตาหวานลิ้มปานน้ำผึ้งเดือนห้า คำพูดคำจาคะขาทุกคำจนน่ารำคาญเต็มที
ผู้หญิงอะไรสะดิ้งกับชายที่ไม่ใช่คู่หมายของตัวเอง..
“เหอะ” เจ้าของใบหน้าคมคายขบกรามกรอด นึกถึงท่าทางสะดีดสะดิ้งของณิชาตอนเจอเทียนทีไร มันก็พาลให้อารมณ์ขึ้นทุกที
“เธอดูอ่อนต่อโลกนะคะนาย ไว้ใจคนง่ายจังเลย” เสียงหญิงสาวที่นั่งเบาะหลังข้างกายอัคคีราห์เอ่ยบอก
เธอคือเรนหรือ คานะ เรน เป็นเลขาเคียงกายที่มากความสามารถ ฉายาสวยพิฆาตไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะความเก่งกาจในด้านการต่อสู้ของเธอเอง แถมเธอยังเป็นนักดีลงานมือหนึ่งของอัคคีราห์อีกต่างหาก
ทว่ากลับมีเรื่องน่าขบขันเกี่ยวกับข่าวลือมากมายว่าทั้งสองคนคบหากัน ทั้งที่ความจริงอัคคีราห์ขีดเส้นตายภายใต้คำว่าเจ้านายลูกน้องไว้ชัดเจน
ไม่มีวันเปลี่ยนผันเป็นคนรักได้อย่างแน่นอน..
“แล้วก็หัวรั้นมาก” อัคคีราห์ยกยิ้มมุมปาก
“เอายังไงดีคะ เธอไปไหนคนเดียวคงไม่ปลอดภัยแน่” เรนก้มศีรษะแล้วยิ้มบางๆ อย่างเห็นด้วย แต่ณิชากลับเป็นหญิงสาวที่เธอแอบสนับสนุนให้เคียงข้างเจ้านายตน
ขอให้ใครสักคนเป็นเหมือนน้ำเซาะหินที่ก้อนนี้ให้กลับมาเป็นคนอ่อนโยนสักที..
“ให้คนของเราตามไปมั้ยครับนาย” ชรินทร์ที่นั่งตำแหน่งคนขับเสนอความคิดเห็น พลางเหลือบสายตามองสีหน้าของอัคคีราห์ผ่านกระจกมองหลัง
แน่นอนว่าอัคคีราห์ดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ยังคงเก็บสีหน้าได้เป็นอย่างดี เนื่องมาจากหนักกว่านี้เขาก็เคยเจอมาแล้ว เพียงแค่เจ้าตัวไม่ชอบเรื่องจุกจิกอย่างเช่นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เท่านั้นเอง
ความรักมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเขาเกลียดความซับซ้อนของคำว่ารัก..
“ตามไป มีอะไรก็รีบรายงานฉันด่วน แล้วก็อย่าให้เธอรู้ตัว เดี๋ยวจะตื่นตระหนกเอา” อัคคีราห์ตอบกลับเสียงเรียบ สายตาเหม่อมองไปยังหญิงสาวที่เพิ่งจะโบกแท็กซี่โดยสารไปลำพัง หลังปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือจากอัคคีราห์
อวดดีซะไม่มี..
“ได้ครับนาย” แฝดพี่อย่างชรินทร์พยักหน้ารับ ก่อนจะให้ชินกรเป็นคนจัดการสั่งลูกน้องคันหลังให้ขับตามเธอไปแทน
“ถนอมเธอหน่อยสิคะนาย เดี๋ยวเธอก็กลัวจนเตลิดไม่กล้าแต่งงานด้วยหรอกค่ะ” สิ้นเสียงเชิงแซวเจ้านาย ทั้งสองหนุ่มแฝดก็ป้องปากหัวเราะตาม
“ก็ดีสิ ถ้าเธอทำให้งานแต่งล่มได้ ฉันอาจจะตบรางวัลให้อย่างดีเลย”
“สวยขนาดนั้นจะเมินกันได้ลงเหรอ”
“สวยกว่านี้ก็เมินมาแล้ว”
“แต่นี่โคตรจะสวยเลยนะนาย แถมยังเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านสาธิตอีก” เรนว่าอย่างออกรสชาติ ในสายตาของหญิงสาวด้วยกัน ณิชางดงามดั่งรูปปั้นโบราณที่นิยามความสวยแบบจับต้องไม่ได้เอาไว้
แต่ไม่รู้ทำไมเจ้านายตัวเองถึงมีสีหน้าตายซากไม่รับแขกเวลาอยู่ต่อหน้าเธอก็ไม่รู้ หนำซ้ำยังทำตัวไม่น่าประทับใจอีกต่างหาก ถ้าเกิดว่าที่เจ้าสาวหนีทิ้งให้เป็นหม้ายขันหมากขึ้นมา คงจะหัวร้อนจนต้องหาถังดับเพลิงมาดับแน่นอน
ปากแข็งไม่มีใครสู้ได้เลยจริงๆ
“เลิกชมยัยนั่นสักที ไม่อยากฟัง” อัคคีราห์ผ่อนปรนลมหายใจอุ่นร้อน พลางยกมือปรามให้เรนเลิกแนะนำเกี่ยวกับตัวของณิชา เพราะเขาเอือมระอาที่จะต้องฟังเรื่องของเธอให้หูผ่าวเต็มที
เรนส่งเสียงติดรำคาญในลำคอ แต่ก็ไม่ขัดใจผู้เป็นนาย แค่หันไปหาพรรคพวกมาร่วมด้วยช่วยกันแซวเพิ่มเท่านั้นเอง
“อิจฉาเจ้านายจังเลยนะครับ ไอ้กรคนนี้ก็อยากมีเมียบ้างเหมือนกัน” ชินกรแฝดน้องใช้ศอกกระทุ้งคนด้านข้างอย่างชรินทร์
“อย่าไปแซวนายไอ้กร หาเผื่อไอ้รินทร์ด้วยนะครับคุณอัคคีราห์” ชรินทร์ยักคิ้วอย่างรู้กัน ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองเรน แล้วทั้งสามคนก็หลุดหัวเราะร่วนออกมา
“ไอ้พวกนี้..” อัคคีราห์แยกเขี้ยวพร้อมง้างหมัด ก่อนจะสะบัดหน้าหันหน้าหนีเพราะไม่อยากต่อปากต่อกรกับเจ้าพวกนี้ให้มากความ
อันที่จริงแล้วทั้งสี่คนสนิทกันมาก อายุไล่เลี่ยกันไม่กี่เดือน ทำงานร่วมกันมานานหลายปี จนกลายเป็นเพื่อนรู้ใจที่ต่อหน้าบุคคลภายนอกจะต้องปั้นหน้าขรึมคงไว้ซึ่งความน่าเกรงขาม
แน่นอนว่าเบื้องหลังหลุดรั่วจนหลายคนคงคาดไม่ถึงแน่นอน..
หากตัดหน้าที่ในการทำงานพวกเขาก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ทั้งชรินทร์และชินกรรวมถึงเลขาอย่างเรน ทุกคนเป็นคนสำคัญในชีวิตของอัคคีราห์ทั้งสิ้น
รวมถึงเป็นคนกลุ่มน้อยที่รับรู้ว่าเบื้องหลังมาดมาเฟียของเขา จะกลายเป็นคนหลุดโลกไม่เหมือนคาแรคเตอร์ภายนอกที่เห็นเลยสักนิดเดียว
“จะมาเป็นเมียฉันก็ต้องฝึกให้เชื่อง ไม่ใช่หรือไง” อัคคีราห์วางมาด แต่กลับถูกหญิงสาวหนึ่งเดียวของแก๊งพูดตัดบท
“เมียนะคะไม่ใช่น้องแมว แล้วดูจากทรงเนี่ย.. เหมือนฉันจะเห็นกลายๆ เลยว่าใครกันแน่ที่จะถูกฝึก” เรนพูดขึ้นแล้วหันไปหัวเราะคิกคักกับคู่แฝดของชอยกใหญ่
“คานะ เรน” คนโดนโจมตีกลอกตามองบนใส่
“ว่ายังไงคะเจ้านาย เขินเหรอคะอาการแบบนี้” เรนยิ้มหวานแล้วหันไปสบตากับชินกร ก่อนจะหลบตาเพราะเขายิ้มให้ซะยังงั้น
“ถ้าไม่อยากโดนตัดเงินเดือนหรือพักงาน ฉันแนะนำให้ทำหน้าที่ของตัวเองดีกว่ามายุ่งเรื่องของฉัน”
สิ้นประโยคเชิงกดดัน ทั้งสามคนต่างก็พากันหันหน้าหนีไปคนละทิศละทางทันที
“ไอ้รินทร์พร้อมทำงานแล้วครับนาย”
“ไอ้กรด้วยครับ”
“ดิชั้นคานะ เรนก็พร้อมสู้งานแล้วค่ะ”
ทั้งสามคนพร้อมใจพูดประโยคต่อกัน ทำเอาอัคคีราห์ถึงกับส่ายหน้าไปมา ก่อนจะออกคำสั่งแล้วเบือนหน้ามองลอดออกไปนอกหน้าต่างแทน
“ออกรถได้แล้ว ปู่น่าจะรอฉันอยู่”
“รับทราบครับนาย”
ใช้เวลาสักพักรถของอัคคีราห์ก็ขับเข้ามาจอดในรั้วคฤหาสน์บ้านปู่ของเขาอย่างท่านศิลา รอบด้านมีคนคอยคุ้มกันอย่างแน่นหนา ข้าวของมีค่าที่ตกแต่งบ้านหากรวมราคากันแล้ว คงเห็นเลขศูนย์จนตาลายเลยทีเดียว
แม้ตัวของท่านศิลาเองจะอำลาตำแหน่งมานานแล้ว แต่ศักดาและความยิ่งใหญ่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
ดวงตาคู่คมตวัดมองทางเข้า ก่อนสองขายาวจะก้าวลงจากรถพร้อมบอดี้การ์ดสองคนเดินประกบด้านหลัง หญิงสาวที่เดินบนส้นเข้มอย่างเรนเดินขนาบข้างเขา ท่ามกลางบอดี้การ์ดชุดดำท่านอื่นที่โค้งคำนับอัคคีราห์ถ้วนหน้า
เมื่อมาหยุดอยู่หน้าห้องของท่านศิลา อัคคีราห์ก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไปเพียงคนเดียว ทิ้งลูกน้องสามคนให้ยืนรออยู่ด้านนอก
“สวัสดีครับปู่” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ ค้อมศีรษะด้วยความนอบน้อมเพื่อแสดงความนับถือปู่ของตนเอง
“เป็นยังไงบ้าง ได้ไปเจอหนูณิชาแล้วหรือยัง” ชายผมขาวทั่วหัวเงยหน้ามองหลานชายคนโปรดแล้วยิ้มให้
ท่านศิลาแม้จะอยู่ในวัยชรามากแล้ว แต่ก็ยังมีเค้าโคลงของความหล่อเหลาตั้งแต่ต้นตระกูล ราวกับว่าอัคคีราห์เองก็ถอดความหล่อจากปู่ของเขามาด้วยอีกคน
“ไปเจอมาแล้วครับ ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี” เขาตอบกลับแล้วคลี่รอยยิ้มบางๆ
“นี่แกรู้มั้ยว่าอะไรใช้เงินมากมายแค่ไหนก็ซื้อไม่ได้”
“อะไรเหรอครับ”
“มิตรภาพ”
พูดจบท่านศิลาก็เหม่อมองไปที่ตู้ปลาขนาดใหญ่ตรงหน้าตน ใบหน้าอิ่มเอมใจทุกครั้งที่ได้เล่าเรื่องนี้ให้หลานชายของตัวเองฟัง
“สักครั้งในชีวิตของคนอย่างฉัน แค่มีเพื่อนแท้สักคน.. ฉันก็ไม่เสียดายชีวิตนี้แล้ว” น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความมีอายุเอ่ยขึ้น
“ผมไม่เข้าใจ..”
“แกคิดว่าวงการนี้มันมีคนจริงใจกับเราสักกี่คน ถ้าไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ เราก็คงโดนมองเหมือนหมาข้างถนน”
อัคคีราห์มุ่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวงการนี้มันมีอันตรายเสี่ยงอยู่รอบตัว การไม่ขัดขาใครคงเป็นเรื่องที่ประนีประนอมขั้นสุด
แต่ก็ไม่ใช่กับทุกคนที่จะชอบอยู่แบบสงบ แน่นอนว่าการที่อัคคีราห์ค่อนข้างมีหน้าตาทางสังคม คงจะทำให้หลายคนจ้องเล่นงานเขาอยู่
ไม่ว่าจะด้วยวิธีขาวสะอาดหรือวิธีสกปรกก็ตามที..
“ปริญเป็นคนเดียวที่ไม่มองว่าฉันเป็นหมาข้างถนน เขาไม่วัดเพื่อนที่เงินทองหรือของนอกกาย ช่วยฉันจากคมกระสุนนับครั้งไม่ถ้วน” ท่านศิลาเปรยขึ้นราวกับรู้ว่าอัคคีราห์จะมาหาตนด้วยเรื่องอะไร
“แต่ปู่ครับ.. ยังไงผมก็คิดว่าการแต่งงานไม่ใช่ทางออกสำหรับเรื่องนี้อยู่ดี เราประคองมิตรภาพกับพวกเขาไปก็ได้ไม่ใช่เหรอครับ”
“แกคิดว่าผู้ชายอย่างเราสร้างมาให้แข็งแกร่งเพื่ออะไร หืม”
ชายหนุ่มส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะได้รับรอยยิ้มพริมใจที่บ่งบอกว่าผู้เล่ามีความสุขทุกครั้งที่นึกถึง
“เพื่อปกป้องหญิงผู้เป็นที่รักของเรา ไม่ทำร้ายเขา.. ไม่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ ดูแลรักษากันและกัน.. ไปจนแก่เฒ่า”
ไม่พูดเปล่าสายตาของท่านศิลายังมองรูปแขวนผนัง ที่เป็นภาพวาดของเขากับหญิงคนรัก แม้ว่าเธอจะจากไปแต่ความรักที่ปู่ของอัคคีราห์มอบให้ ไม่มีวันเลือนหายไปไหนแน่นอน
“แต่ผมไม่เหมือนปู่กับย่าสักหน่อย” อัคคีราห์บอก “ผมไม่คิดว่าผมจะรักใครได้อีก..”
“หนูณิชาเป็นเด็กน่ารัก น่าเอ็นดู ปู่เคยเห็นตัวจริงมาแล้ว.. เหมาะสมกับแกกว่านี้ไม่มีอีกแล้วอัคคีราห์”
“ยัยนั่น คือ.. ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ชอบผม”
“แล้วยังไง”
“ปู่คิดว่างานที่ผมทำมันไม่เสี่ยงอันตรายเหรอครับ เธอเป็นพวกรักตัวกลัวตาย..” ไม่ทันได้พูดจบเสียงของท่านศิลาก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
“เธอเป็นพวกกลัวตายหรือแกกลัวว่าเธอจะตาย โดยที่แกปกป้องเธอไม่ได้เหมือนเกตุศริน..”
“ปู่”
ท่านศิลาส่ายหน้าคล้ายว่าไม่รับฟัง จนทำให้อัคคีราห์ละเหี่ยใจอย่างบอกไม่ถูก ว่าสุดท้ายแล้วยังไงเขาก็ต้องร่วมหอลงโลงกับหญิงสาวฝีปากกล้าคนนั้นอยู่ดี
“ถ้าแกจะมาคุยเรื่องยกเลิกงานแต่งก็ออกไปเลย ฉันเสียเวลาเปล่า”
“แต่ปู่ครับ.. คือว่าผมเนี่ย..”
“ออกไปได้แล้ว ได้เวลาน้ำชา ฉันอยากจิบชาเงียบๆ คนเดียว”
“จะงอนกันเพราะเรื่องนี้ใช่มั้ยครับปู่” อัคคีราห์ที่เถียงไม่เคยทันคนตรงหน้า ลุกพรวดขึ้นยืนแล้วถอนหายใจเบาๆ ด้วยความปลง
“อีกไม่กี่ปีฉันก็ตายแล้วอัคคี แกคิดว่าปู่ของแกอายุยืนแค่ไหน.. ฉันแค่ขอให้แกช่วยส่งวิญญาณฉันให้สงบด้วยการทำตามสัญญาของเพื่อนรักฉันไม่ได้หรือไง” น้ำเสียงติดน้อยใจส่งผ่านใบหน้าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่น ดวงตาเริ่มฝ้าฟางเพราะสังขารไม่เที่ยงแท้
อัคคีราห์ถึงกับยกมือกุมขมับเมื่อปู่ใช้มุกนี้กับเขา แล้วมันก็มักจะได้ผลอยู่ทุกครั้งด้วย
“ถ้างั้นวิญญาณฉันมันคงตายไม่สงบ.. จะเร่ร่อนแบบมีห่วงไม่มีที่สิงสถิต”
“ปู่ครับ”
“เห้อ”
“โอเคครับปู่ เอาแบบนั้นก็ได้ครับ”
ชายรุ่นหลานยกมือขึ้นยอมแพ้ในความขี้น้อยใจของคนตรงหน้า พลันรอยยิ้มร้ายของท่านศิลาก็ปรากฏขึ้นบนมุมปาก รีบเงยหน้ามองว่าอัคคีราห์จะพูดอะไรต่อ
“ถ้าอยากให้แต่งงานผมจะทำให้.. ฟิตร่างกายให้พร้อมจนถึงวันงานล่ะครับ ผมยังอยากให้ปู่เห็นผมแต่งงานเหมือนเดิม” ทันทีที่พูดจบท่านศิลาก็เพยิดหน้าเชิงให้อัคคีราห์อยู่ต่ออีกสักหน่อย
“แกอยากจะอยู่จิบชาด้วยกันมั้ยล่ะ”
“เมื่อกี้ยังไล่หลานตัวเองอยู่เลยนะครับปู่”
“หน่า นั่งลงดื่มชาด้วยกันก่อน”
“อ่า เอาเขาไม่ลงจริงๆ คนนี้”