ตอนที่ 6 คำขอสุดท้าย

2240 Words
“ซื่อบื้อฉิบ” ทันทีที่อัคคีราห์ทิ้งตัวลงบนเบาะรถหรูคันสีดำ เขาก็สบถออกมาอย่างหัวเสีย เพราะหญิงสาวที่ไม่ยอมอยู่ในโอวาทโดยง่ายอย่างณิชา สายตาและท่าทางของเธอที่มองเขามันน่าหงุดหงิดไปหมด แต่กลับผู้ชายอีกคนดันมองด้วยแววตาหวานลิ้มปานน้ำผึ้งเดือนห้า คำพูดคำจาคะขาทุกคำจนน่ารำคาญเต็มที ผู้หญิงอะไรสะดิ้งกับชายที่ไม่ใช่คู่หมายของตัวเอง.. “เหอะ” เจ้าของใบหน้าคมคายขบกรามกรอด นึกถึงท่าทางสะดีดสะดิ้งของณิชาตอนเจอเทียนทีไร มันก็พาลให้อารมณ์ขึ้นทุกที “เธอดูอ่อนต่อโลกนะคะนาย ไว้ใจคนง่ายจังเลย” เสียงหญิงสาวที่นั่งเบาะหลังข้างกายอัคคีราห์เอ่ยบอก เธอคือเรนหรือ คานะ เรน เป็นเลขาเคียงกายที่มากความสามารถ ฉายาสวยพิฆาตไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะความเก่งกาจในด้านการต่อสู้ของเธอเอง แถมเธอยังเป็นนักดีลงานมือหนึ่งของอัคคีราห์อีกต่างหาก ทว่ากลับมีเรื่องน่าขบขันเกี่ยวกับข่าวลือมากมายว่าทั้งสองคนคบหากัน ทั้งที่ความจริงอัคคีราห์ขีดเส้นตายภายใต้คำว่าเจ้านายลูกน้องไว้ชัดเจน ไม่มีวันเปลี่ยนผันเป็นคนรักได้อย่างแน่นอน.. “แล้วก็หัวรั้นมาก” อัคคีราห์ยกยิ้มมุมปาก “เอายังไงดีคะ เธอไปไหนคนเดียวคงไม่ปลอดภัยแน่” เรนก้มศีรษะแล้วยิ้มบางๆ อย่างเห็นด้วย แต่ณิชากลับเป็นหญิงสาวที่เธอแอบสนับสนุนให้เคียงข้างเจ้านายตน ขอให้ใครสักคนเป็นเหมือนน้ำเซาะหินที่ก้อนนี้ให้กลับมาเป็นคนอ่อนโยนสักที.. “ให้คนของเราตามไปมั้ยครับนาย” ชรินทร์ที่นั่งตำแหน่งคนขับเสนอความคิดเห็น พลางเหลือบสายตามองสีหน้าของอัคคีราห์ผ่านกระจกมองหลัง แน่นอนว่าอัคคีราห์ดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ยังคงเก็บสีหน้าได้เป็นอย่างดี เนื่องมาจากหนักกว่านี้เขาก็เคยเจอมาแล้ว เพียงแค่เจ้าตัวไม่ชอบเรื่องจุกจิกอย่างเช่นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เท่านั้นเอง ความรักมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเขาเกลียดความซับซ้อนของคำว่ารัก.. “ตามไป มีอะไรก็รีบรายงานฉันด่วน แล้วก็อย่าให้เธอรู้ตัว เดี๋ยวจะตื่นตระหนกเอา” อัคคีราห์ตอบกลับเสียงเรียบ สายตาเหม่อมองไปยังหญิงสาวที่เพิ่งจะโบกแท็กซี่โดยสารไปลำพัง หลังปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือจากอัคคีราห์ อวดดีซะไม่มี.. “ได้ครับนาย” แฝดพี่อย่างชรินทร์พยักหน้ารับ ก่อนจะให้ชินกรเป็นคนจัดการสั่งลูกน้องคันหลังให้ขับตามเธอไปแทน “ถนอมเธอหน่อยสิคะนาย เดี๋ยวเธอก็กลัวจนเตลิดไม่กล้าแต่งงานด้วยหรอกค่ะ” สิ้นเสียงเชิงแซวเจ้านาย ทั้งสองหนุ่มแฝดก็ป้องปากหัวเราะตาม “ก็ดีสิ ถ้าเธอทำให้งานแต่งล่มได้ ฉันอาจจะตบรางวัลให้อย่างดีเลย” “สวยขนาดนั้นจะเมินกันได้ลงเหรอ” “สวยกว่านี้ก็เมินมาแล้ว” “แต่นี่โคตรจะสวยเลยนะนาย แถมยังเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านสาธิตอีก” เรนว่าอย่างออกรสชาติ ในสายตาของหญิงสาวด้วยกัน ณิชางดงามดั่งรูปปั้นโบราณที่นิยามความสวยแบบจับต้องไม่ได้เอาไว้ แต่ไม่รู้ทำไมเจ้านายตัวเองถึงมีสีหน้าตายซากไม่รับแขกเวลาอยู่ต่อหน้าเธอก็ไม่รู้ หนำซ้ำยังทำตัวไม่น่าประทับใจอีกต่างหาก ถ้าเกิดว่าที่เจ้าสาวหนีทิ้งให้เป็นหม้ายขันหมากขึ้นมา คงจะหัวร้อนจนต้องหาถังดับเพลิงมาดับแน่นอน ปากแข็งไม่มีใครสู้ได้เลยจริงๆ “เลิกชมยัยนั่นสักที ไม่อยากฟัง” อัคคีราห์ผ่อนปรนลมหายใจอุ่นร้อน พลางยกมือปรามให้เรนเลิกแนะนำเกี่ยวกับตัวของณิชา เพราะเขาเอือมระอาที่จะต้องฟังเรื่องของเธอให้หูผ่าวเต็มที เรนส่งเสียงติดรำคาญในลำคอ แต่ก็ไม่ขัดใจผู้เป็นนาย แค่หันไปหาพรรคพวกมาร่วมด้วยช่วยกันแซวเพิ่มเท่านั้นเอง “อิจฉาเจ้านายจังเลยนะครับ ไอ้กรคนนี้ก็อยากมีเมียบ้างเหมือนกัน” ชินกรแฝดน้องใช้ศอกกระทุ้งคนด้านข้างอย่างชรินทร์ “อย่าไปแซวนายไอ้กร หาเผื่อไอ้รินทร์ด้วยนะครับคุณอัคคีราห์” ชรินทร์ยักคิ้วอย่างรู้กัน ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองเรน แล้วทั้งสามคนก็หลุดหัวเราะร่วนออกมา “ไอ้พวกนี้..” อัคคีราห์แยกเขี้ยวพร้อมง้างหมัด ก่อนจะสะบัดหน้าหันหน้าหนีเพราะไม่อยากต่อปากต่อกรกับเจ้าพวกนี้ให้มากความ อันที่จริงแล้วทั้งสี่คนสนิทกันมาก อายุไล่เลี่ยกันไม่กี่เดือน ทำงานร่วมกันมานานหลายปี จนกลายเป็นเพื่อนรู้ใจที่ต่อหน้าบุคคลภายนอกจะต้องปั้นหน้าขรึมคงไว้ซึ่งความน่าเกรงขาม แน่นอนว่าเบื้องหลังหลุดรั่วจนหลายคนคงคาดไม่ถึงแน่นอน.. หากตัดหน้าที่ในการทำงานพวกเขาก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ทั้งชรินทร์และชินกรรวมถึงเลขาอย่างเรน ทุกคนเป็นคนสำคัญในชีวิตของอัคคีราห์ทั้งสิ้น รวมถึงเป็นคนกลุ่มน้อยที่รับรู้ว่าเบื้องหลังมาดมาเฟียของเขา จะกลายเป็นคนหลุดโลกไม่เหมือนคาแรคเตอร์ภายนอกที่เห็นเลยสักนิดเดียว “จะมาเป็นเมียฉันก็ต้องฝึกให้เชื่อง ไม่ใช่หรือไง” อัคคีราห์วางมาด แต่กลับถูกหญิงสาวหนึ่งเดียวของแก๊งพูดตัดบท “เมียนะคะไม่ใช่น้องแมว แล้วดูจากทรงเนี่ย.. เหมือนฉันจะเห็นกลายๆ เลยว่าใครกันแน่ที่จะถูกฝึก” เรนพูดขึ้นแล้วหันไปหัวเราะคิกคักกับคู่แฝดของชอยกใหญ่ “คานะ เรน” คนโดนโจมตีกลอกตามองบนใส่ “ว่ายังไงคะเจ้านาย เขินเหรอคะอาการแบบนี้” เรนยิ้มหวานแล้วหันไปสบตากับชินกร ก่อนจะหลบตาเพราะเขายิ้มให้ซะยังงั้น “ถ้าไม่อยากโดนตัดเงินเดือนหรือพักงาน ฉันแนะนำให้ทำหน้าที่ของตัวเองดีกว่ามายุ่งเรื่องของฉัน” สิ้นประโยคเชิงกดดัน ทั้งสามคนต่างก็พากันหันหน้าหนีไปคนละทิศละทางทันที “ไอ้รินทร์พร้อมทำงานแล้วครับนาย” “ไอ้กรด้วยครับ” “ดิชั้นคานะ เรนก็พร้อมสู้งานแล้วค่ะ” ทั้งสามคนพร้อมใจพูดประโยคต่อกัน ทำเอาอัคคีราห์ถึงกับส่ายหน้าไปมา ก่อนจะออกคำสั่งแล้วเบือนหน้ามองลอดออกไปนอกหน้าต่างแทน “ออกรถได้แล้ว ปู่น่าจะรอฉันอยู่” “รับทราบครับนาย” ใช้เวลาสักพักรถของอัคคีราห์ก็ขับเข้ามาจอดในรั้วคฤหาสน์บ้านปู่ของเขาอย่างท่านศิลา รอบด้านมีคนคอยคุ้มกันอย่างแน่นหนา ข้าวของมีค่าที่ตกแต่งบ้านหากรวมราคากันแล้ว คงเห็นเลขศูนย์จนตาลายเลยทีเดียว แม้ตัวของท่านศิลาเองจะอำลาตำแหน่งมานานแล้ว แต่ศักดาและความยิ่งใหญ่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ดวงตาคู่คมตวัดมองทางเข้า ก่อนสองขายาวจะก้าวลงจากรถพร้อมบอดี้การ์ดสองคนเดินประกบด้านหลัง หญิงสาวที่เดินบนส้นเข้มอย่างเรนเดินขนาบข้างเขา ท่ามกลางบอดี้การ์ดชุดดำท่านอื่นที่โค้งคำนับอัคคีราห์ถ้วนหน้า เมื่อมาหยุดอยู่หน้าห้องของท่านศิลา อัคคีราห์ก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไปเพียงคนเดียว ทิ้งลูกน้องสามคนให้ยืนรออยู่ด้านนอก “สวัสดีครับปู่” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ ค้อมศีรษะด้วยความนอบน้อมเพื่อแสดงความนับถือปู่ของตนเอง “เป็นยังไงบ้าง ได้ไปเจอหนูณิชาแล้วหรือยัง” ชายผมขาวทั่วหัวเงยหน้ามองหลานชายคนโปรดแล้วยิ้มให้ ท่านศิลาแม้จะอยู่ในวัยชรามากแล้ว แต่ก็ยังมีเค้าโคลงของความหล่อเหลาตั้งแต่ต้นตระกูล ราวกับว่าอัคคีราห์เองก็ถอดความหล่อจากปู่ของเขามาด้วยอีกคน “ไปเจอมาแล้วครับ ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี” เขาตอบกลับแล้วคลี่รอยยิ้มบางๆ “นี่แกรู้มั้ยว่าอะไรใช้เงินมากมายแค่ไหนก็ซื้อไม่ได้” “อะไรเหรอครับ” “มิตรภาพ” พูดจบท่านศิลาก็เหม่อมองไปที่ตู้ปลาขนาดใหญ่ตรงหน้าตน ใบหน้าอิ่มเอมใจทุกครั้งที่ได้เล่าเรื่องนี้ให้หลานชายของตัวเองฟัง “สักครั้งในชีวิตของคนอย่างฉัน แค่มีเพื่อนแท้สักคน.. ฉันก็ไม่เสียดายชีวิตนี้แล้ว” น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความมีอายุเอ่ยขึ้น “ผมไม่เข้าใจ..” “แกคิดว่าวงการนี้มันมีคนจริงใจกับเราสักกี่คน ถ้าไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ เราก็คงโดนมองเหมือนหมาข้างถนน” อัคคีราห์มุ่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวงการนี้มันมีอันตรายเสี่ยงอยู่รอบตัว การไม่ขัดขาใครคงเป็นเรื่องที่ประนีประนอมขั้นสุด แต่ก็ไม่ใช่กับทุกคนที่จะชอบอยู่แบบสงบ แน่นอนว่าการที่อัคคีราห์ค่อนข้างมีหน้าตาทางสังคม คงจะทำให้หลายคนจ้องเล่นงานเขาอยู่ ไม่ว่าจะด้วยวิธีขาวสะอาดหรือวิธีสกปรกก็ตามที.. “ปริญเป็นคนเดียวที่ไม่มองว่าฉันเป็นหมาข้างถนน เขาไม่วัดเพื่อนที่เงินทองหรือของนอกกาย ช่วยฉันจากคมกระสุนนับครั้งไม่ถ้วน” ท่านศิลาเปรยขึ้นราวกับรู้ว่าอัคคีราห์จะมาหาตนด้วยเรื่องอะไร “แต่ปู่ครับ.. ยังไงผมก็คิดว่าการแต่งงานไม่ใช่ทางออกสำหรับเรื่องนี้อยู่ดี เราประคองมิตรภาพกับพวกเขาไปก็ได้ไม่ใช่เหรอครับ” “แกคิดว่าผู้ชายอย่างเราสร้างมาให้แข็งแกร่งเพื่ออะไร หืม” ชายหนุ่มส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะได้รับรอยยิ้มพริมใจที่บ่งบอกว่าผู้เล่ามีความสุขทุกครั้งที่นึกถึง “เพื่อปกป้องหญิงผู้เป็นที่รักของเรา ไม่ทำร้ายเขา.. ไม่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ ดูแลรักษากันและกัน.. ไปจนแก่เฒ่า” ไม่พูดเปล่าสายตาของท่านศิลายังมองรูปแขวนผนัง ที่เป็นภาพวาดของเขากับหญิงคนรัก แม้ว่าเธอจะจากไปแต่ความรักที่ปู่ของอัคคีราห์มอบให้ ไม่มีวันเลือนหายไปไหนแน่นอน “แต่ผมไม่เหมือนปู่กับย่าสักหน่อย” อัคคีราห์บอก “ผมไม่คิดว่าผมจะรักใครได้อีก..” “หนูณิชาเป็นเด็กน่ารัก น่าเอ็นดู ปู่เคยเห็นตัวจริงมาแล้ว.. เหมาะสมกับแกกว่านี้ไม่มีอีกแล้วอัคคีราห์” “ยัยนั่น คือ.. ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ชอบผม” “แล้วยังไง” “ปู่คิดว่างานที่ผมทำมันไม่เสี่ยงอันตรายเหรอครับ เธอเป็นพวกรักตัวกลัวตาย..” ไม่ทันได้พูดจบเสียงของท่านศิลาก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน “เธอเป็นพวกกลัวตายหรือแกกลัวว่าเธอจะตาย โดยที่แกปกป้องเธอไม่ได้เหมือนเกตุศริน..” “ปู่” ท่านศิลาส่ายหน้าคล้ายว่าไม่รับฟัง จนทำให้อัคคีราห์ละเหี่ยใจอย่างบอกไม่ถูก ว่าสุดท้ายแล้วยังไงเขาก็ต้องร่วมหอลงโลงกับหญิงสาวฝีปากกล้าคนนั้นอยู่ดี “ถ้าแกจะมาคุยเรื่องยกเลิกงานแต่งก็ออกไปเลย ฉันเสียเวลาเปล่า” “แต่ปู่ครับ.. คือว่าผมเนี่ย..” “ออกไปได้แล้ว ได้เวลาน้ำชา ฉันอยากจิบชาเงียบๆ คนเดียว” “จะงอนกันเพราะเรื่องนี้ใช่มั้ยครับปู่” อัคคีราห์ที่เถียงไม่เคยทันคนตรงหน้า ลุกพรวดขึ้นยืนแล้วถอนหายใจเบาๆ ด้วยความปลง “อีกไม่กี่ปีฉันก็ตายแล้วอัคคี แกคิดว่าปู่ของแกอายุยืนแค่ไหน.. ฉันแค่ขอให้แกช่วยส่งวิญญาณฉันให้สงบด้วยการทำตามสัญญาของเพื่อนรักฉันไม่ได้หรือไง” น้ำเสียงติดน้อยใจส่งผ่านใบหน้าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่น ดวงตาเริ่มฝ้าฟางเพราะสังขารไม่เที่ยงแท้ อัคคีราห์ถึงกับยกมือกุมขมับเมื่อปู่ใช้มุกนี้กับเขา แล้วมันก็มักจะได้ผลอยู่ทุกครั้งด้วย “ถ้างั้นวิญญาณฉันมันคงตายไม่สงบ.. จะเร่ร่อนแบบมีห่วงไม่มีที่สิงสถิต” “ปู่ครับ” “เห้อ” “โอเคครับปู่ เอาแบบนั้นก็ได้ครับ” ชายรุ่นหลานยกมือขึ้นยอมแพ้ในความขี้น้อยใจของคนตรงหน้า พลันรอยยิ้มร้ายของท่านศิลาก็ปรากฏขึ้นบนมุมปาก รีบเงยหน้ามองว่าอัคคีราห์จะพูดอะไรต่อ “ถ้าอยากให้แต่งงานผมจะทำให้.. ฟิตร่างกายให้พร้อมจนถึงวันงานล่ะครับ ผมยังอยากให้ปู่เห็นผมแต่งงานเหมือนเดิม” ทันทีที่พูดจบท่านศิลาก็เพยิดหน้าเชิงให้อัคคีราห์อยู่ต่ออีกสักหน่อย “แกอยากจะอยู่จิบชาด้วยกันมั้ยล่ะ” “เมื่อกี้ยังไล่หลานตัวเองอยู่เลยนะครับปู่” “หน่า นั่งลงดื่มชาด้วยกันก่อน” “อ่า เอาเขาไม่ลงจริงๆ คนนี้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD