ช่วงเวลากลางคืนเป็นช่วงที่ลูปความคิดมากเริ่มทำงาน ทุกครั้งที่เจ้าของใบหน้าคมคายจะหลับตาลงพักผ่อนให้สบายกาย แต่กลับมีเรื่องราวในอดีตมากมายผุดแทรกขึ้นมา
ฉายทับสลับเป็นฉากเหมือนเรื่องราวเหล่านั้นเพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวานนี้เอง..
“ช่วงนี้อริณอาจไม่ค่อยว่างมาหาคุณนะคะ ติดงานอื่นหนักมากเลย” หญิงสาวที่เขานัดมาหาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“งานอะไร” อัคคีราห์มุ่นคิ้วเล็กน้อย
“ก็งานของริณนี่แหละค่ะ” เธอตอบสั้นๆ “ว่าแต่คุณยังมีอาการนอนไม่หลับอีกเหรอ ริณนึกว่าคุณนอนคนเดียวได้แล้วซะอีก เห็นไม่ติดต่อกันมาตั้งหลายวัน”
“เปลี่ยนคนเอา”
“ตอบตรงเกินไปอีกแล้วนะคะ บอกแล้วไงว่าอ้อมบ้างก็ดี บางทีผู้หญิงเขาก็อ่อนไหวกับคำพูดเหมือนกัน”
“เหอะ รวมเธอด้วยหรือไง”
“ไม่รวมสิคะ เพราะว่าริณเนี่ยเข้าใจคุณอัคทุกอย่างเลย” เธอพูดพลางระบายยิ้มกว้างอย่างพอใจ
อัคคีราห์นั่งเอนหลังทิ้งร่างบนโซฟาสีหน้าเจือรอยความคิดไม่ตกกับบางอย่างที่ทำให้เขาหยุดนึกถึงไม่ได้เลย กายหนาสวมเพียงแค่เสื้อคลุมอาบน้ำโดยมีหญิงสาวที่เขานัดให้มาหาถึงบ้าน กำลังปรนนิบัติด้วยการรินไวน์และลูบคลำตามร่างกายในจุดที่เขานั้นชอบ
แต่แทนที่อัคคีราห์จะผ่อนคลายเหมือนทุกครั้ง คราวนี้เขากลับนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ราวกับคนที่มีอะไรในหัวให้คิดมากมาย
“ทำไมคุณอัคดูเหนื่อยจังเลยคะ วันนี้งานหนักเหรอ หืม” หญิงสาวคู่นอนนามว่าอริณพูดขึ้น พลางใช้นิ้วเรียวยาวที่เคลือบเล็บเจลสีสวยลูบไปมาบนแผงอกแกร่ง
“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” เขาบอกเสียงเรียบเหมือนไม่ได้ใส่ใจมากนัก
“บอกริณได้นะ ถึงจะช่วยอะไรคุณไม่ได้.. แต่รับฟังเก่งนะคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน ไม่ต่างจากท่าทางที่บดยั่วเจ้าตัวอยู่เช่นกัน
“เหอะ” อัคคีราห์แสยะยิ้ม “ช่างเถอะ เรื่องไร้สาระ”
เจ้าของดวงตาคู่คมเปรยขึ้นมองหญิงสาวที่แต่งตัววาบหวิว เนื้อหน้าอกไหลทะลักออกจากเดรสสั้นที่ใส่อยู่ ซ้ำเธอยังนอนเกยเขาจนร่างกายเบียดเสียดกันแทบทุกส่วน
อริณสบตามองอัคคีราห์เพียงครู่หนึ่ง ก่อนเธอจะขยับตัวเข้าใกล้พร้อมโน้มใบหน้าเข้าหาชายหนุ่ม วินาทีที่ริมฝีปากของเธอจะแตะปากเขา อัคคีราห์ก็เป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีอย่างไร้อารมณ์ร่วม
มือหนายกเอวบางให้ขยับตัวหนี ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าตายด้าน ไม่มีเศษเสี้ยวของกามารมณ์ที่ครอบงำแม้แต่น้อย
“วันนี้ไม่มีอารมณ์” เขาพูดตัดบท ก่อนที่จะหยิบบุหรี่พร้อมไฟแช็กติดมือไปที่ระเบียงของห้องนอน ไม่สนใจร่างอรชรที่ทำหน้าไม่พอใจเพราะเธอมีอารมณ์กับร่างกายของอัคคีราห์เต็มที
“ถ้างั้นจะให้ริณกลับเหรอคะ”
“ฉันจะให้ชรินทร์ไปส่ง”
หญิงสาวทำหน้าติดเสียดาย เธอมองแผ่นหลังกว้างของอัคคีราห์แล้วลอบถอนหายใจ เพราะอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมามองเธอเลย
“เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ เอาไว้เจอกันใหม่นะคะ ริณพร้อมมาหาคุณเสมอ” อริณทิ้งท้ายไว้แค่นั้นด้วยความไม่อยากเซ้าซี้ต่อ ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าใบละหลายแสนที่อัคคีราห์เป็นคนซื้อให้ขึ้นมาสะพาย
ไม่มีหางตาจากผู้ชายอย่างอัคคีราห์ มีเพียงควันสีเทาที่ลอยขึ้นสู่อากาศ บ่งบอกว่าเขากำลังมีเรื่องให้คิดและต้องการผ่อนคลายเพียงลำพัง
นั่นเลยทำให้อริณที่ยืนมองครู่หนึ่ง เดินออกจากห้องของอัคคีราห์ไปโดยไม่พูดอะไรต่อสักคำเดียว
“ณิชา.. เธอมันกวนใจเป็นบ้าเลยว่ะ” อัคคีราห์สบถหยาบ พลางกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อมีความคิดร้ายกาจผุดแทรกเข้ามาในหัว หลังนึกถึงใบหน้าสวยหวานที่ต่อปากต่อคำเขาอย่างไม่เกรงกลัว
ถึงแม้จะขึ้นเป็นใหญ่จนใครก็นับหน้าถือตา แต่เบื้องหลังของผู้ชายอย่างอัคคีราห์คือความว่างเปล่าและไร้ซึ่งอารมณ์
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใช้ชีวิตเพื่อใครอยู่..
นัยน์ตารัตติกาลเปรยขึ้นมองดาวบนฟ้า ได้แต่นึกถึงอดีตที่ไม่มีทางหวนคืนกลับมาอย่างเจ็บปวด คนรักเก่าของเขาตายคาอ้อมแขนโดยที่เขาไม่คาดคิด ก่อนจะมารู้ทีหลังว่าเธอตั้งครรภ์อ่อนๆ นั่นยิ่งทำให้อัคคีราห์แทบคลั่ง
ชีวิตพังไม่มีชิ้นดี.. เพราะคำว่ารักเพียงคำเดียว
“ฉันคิดถึงเธอ.. เกตุศริน”
ร้าน SAD-TURN COFFEE
ทุกวันของณิชาเธอจะต้องมานั่งดื่มกาแฟที่ร้านของรุ่นพี่อย่างเทียนเป็นประจำ ถึงจะไม่ชอบกาแฟรสขม แต่เจ้าของร้านก็จัดการทำรสชาติของกาแฟให้ถูกปากเธอ จนกลายเป็นร้านโปรดไปเรียบร้อย
บางทีการชอบใครสักคนก็มักจะทำให้เราทำบางอย่างที่ไร้เหตุผล และเผลอๆ อาจทำให้ตัวเราเองลำบากด้วยซ้ำ
แต่ทว่าเมื่อมีปลายทางเป็นคนที่เราชอบ ไม่ว่าระหว่างทางจะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน เธอก็พร้อมจะฝ่าไปอย่างบ้าคลั่ง
ผู้หญิงอย่างณิชาที่รูปลักษณ์ภายนอกดูสวยหวาน แต่ภายในกลับซ่อนความเปรี้ยวซ่าเอาไว้ ชนิดที่ใครหลายคนอาจจะคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
“น้องชาช่วยอะไรพี่อย่างนึงได้มั้ยครับ” ใบหน้าของชายหนุ่มในวัยใกล้เลขสามยังคงอ่อนเยาว์และดูหล่อเหลาเอาการ ทั้งสายตาที่อ่อนโยนยังทำให้หญิงสาวคล้อยตามยามได้ฟังเสียงและสบตาขณะพูดคุย
“ให้ช่วยอะไรคะ” ณิชาเลิกคิ้วถาม แววตาเปลี่ยนไปทันทีที่คนตรงหน้าเป็นผู้ชายที่เธอชอบ ต่างจากตอนปะทะอารมณ์กับอัคคีราห์อย่างสิ้นเชิง
“วันนี้มีเมนูใหม่อยากให้ลองชิมน่ะครับ แต่ไม่รู้ว่ามันจะถูกปากเรามั้ย”
“เมนูใหม่เหรอคะ น่าสนใจจังเลยค่ะ”
“อืม แต่เราไม่ทานขมนี่ครับ” ชายหนุ่มทำหน้าคิดหนัก “ไม่รู้ว่ารสชาติใหม่จะขมไปสำหรับเราหรือเปล่า”
“ทานได้ค่ะ เดี๋ยวฉันช่วยพี่เอง” ณิชารีบตกปากรับคำทันที แม้จะรู้ตัวเองดีว่าไม่ชอบทานของหวานที่มีรสขม พวกกลิ่นกาแฟแบบจัดจ้านหรือช็อกโกแลตที่เข้มข้นเกินไป
ไม่ใช่ทางสายหวานเลยสักนิดเดียว
“โอเค รอสักครู่นะ เดี๋ยวพี่ไปเอาจัดมาให้เลย”
ณิชาค้อมศีรษะอย่างนอบน้อม พร้อมยิ้มตามแผ่นหลังกว้างที่เดินเข้าไปหยิบของหวานด้านหลังร้าน
ที่นี่เป็นร้านขายเค้กและเบเกอรี่ขนาดไม่ใหญ่มาก คล้ายร้านตามซอกตึกเล็กที่ตกแต่งให้หรูหราจนสะดุดตาเหล่านักศึกษาที่ผ่านไปผ่านมามากมาย ซึ่งเมนูทุกอย่างในร้านเทียนเป็นคนคิดสูตร รวมถึงลงมือทำเองทั้งหมดเพียงคนเดียว
เพราะเก่งรอบด้านไปซะหมดแบบนี้ เทียนถึงได้ดูเพอร์เฟคในสายตาของณิชา..
แซดเทิร์นเป็นร้านที่เทียนเปิดเพราะอยากทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งร้านนี้เป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นของการเจอกันระหว่างเขาและเธอ พอได้พูดคุยกันถูกคอมันก็กลับกลายเป็นว่าทั้งสองคนสนิทกันไปโดยปริยาย
เพราะความอ่อนโยนของเทียน.. มันทำให้ณิชาตกหลุมรัก โดยที่รู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายคิดกับเธอแค่พี่น้อง
“มาแล้วครับผม” ไม่นานเทียนก็นำเค้กรสชาติใหม่มาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะนั่งลงข้างเธอ มองใบหน้าสวยที่ใช้ส้อมตักชิมด้วยสีหน้าลุ้นตัวโก่ง
“อร่อยค่ะ” ณิชาพูดเพียงสั้นๆ ก่อนจะยิ้มตามเทียนจนตาหยี “ถ้าสำหรับคนทานหวานแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนชาทานได้ อันนี้ก็ไม่ขมไปหรอกค่ะ หวานปลายลิ้นกำลังดีเลย”
“น้องชายังเป็นคนโปรดของร้านเหมือนเดิมเลยนะครับ”
“นึกว่าเป็นคนโปรดเจ้าของร้านซะอีก”
สิ้นประโยคนั้นณิชาก็ชะงักค้างไปในจังหวะที่สายตาของทั้งคู่สบประสานกัน ทั้งใบหน้าของเทียนยังอยู่ใกล้เธอเพียงคืบเศษเท่านั้น
ใจสั่นไปหมดแล้ว..
“อเมริกาโน่แก้วนึง” เสียงเข้มดังขึ้นฉายชัดว่าอยากขัดจังหวะหวาน
ทว่าเมื่อณิชาปรายสายตาหันกลับไปมอง เธอก็พบเข้ากับร่างสูงในชุดสูทสีดำที่กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน ฉับพลันใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเมื่อครู่ก็เลือนหายไปในทันที
“พอดีที่เคาน์เตอร์ไม่มีพนักงาน เห็นว่าใส่ผ้ากันเปื้อนของร้านก็เลย.. นายไม่ใช่เจ้าของร้านหรอกเหรอ” เจ้าของนัยน์ตาสีรัตติกาลเลิกคิ้วถามเทียน
“ผมเป็นเจ้าของร้านเองครับ ถ้างั้นเดี๋ยวเชิญรอสักครู่ก่อนนะครับ” เจ้าของร้านผงกหัวเชิงขอโทษขอโพย ก่อนจะลุกขึ้นไปทำกาแฟให้ทันที
ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ข้างโต๊ะที่ณิชานั่งอยู่ ก่อนหญิงสาวจะขยับสายตาช้อนมองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“รสนิยม.. บางทีก็สอนกันไม่ได้จริงๆ” อัคคีราห์เหยียดยิ้มมุมปาก พลางกดสายตามองคนตัวเล็กกว่าตรงหน้าเขา
“อัคคีราห์” ณิชาเอ่ยชื่อเขากรอดไรฟัน พลางเหลือบสายตามองเทียนที่กำลังตั้งใจชงกาแฟอยู่เป็นระยะ
“ไม่กล้าทำตัวหยาบต่อหน้าฉัน ไม่สิ.. ต่อหน้าผู้ชายคนนั้นสินะ”
“ฉันไม่มีเวลาว่างมาเล่นกับนาย อย่ามาขวางทางฉัน ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่น”
“ใครขวางทางเธอ”
“คิดว่าฉันโง่นักเหรอไงหะ นายแอบตามฉันมาใช่มั้ย” ณิชาพูดเสียงค่อย เพราะเกรงว่าเทียนจะมาได้ยินเข้า
“หลงตัวเองไปหน่อยมั้ง” อัคคีราห์ส่ายหน้าแล้วยกยิ้มมุมปาก แววตานิ่งลึกมองเธอและเทียนสลับไปมาครู่หนึ่ง ก่อนไหวไหล่เล็กน้อยตอนที่เห็นณิชาเริ่มหัวเสียขึ้นมา
“งั้นนายมาที่นี่ได้ยังไงล่ะ ไหนตอบสิ”
“ฉันไม่ได้พิศวาสเธอขนาดนั้น ไม่มีอะไรให้น่ามองสักนิด”
ไม่พูดเปล่าเจ้าของดวงตาคู่คมยังไล่มองเธอด้วยสายตาเรียบเฉย เชิงตอกย้ำว่าเขาไม่ได้สนใจเธอสักนิดเดียว ทำเอาหญิงสาวคว้ากระเป๋าแล้วลุกพรวดขึ้นมาทันที
“พี่เทียนคะ ยังไงวันนี้ฉันกลับก่อนดีกว่า เอาไว้วันหลังจะมาใหม่นะคะ” ณิชาพูดพร้อมกับระบายยิ้มกว้าง มือก็ยกขึ้นทัดหูด้วยความเคอะเขิน เมื่อเทียนเงยหน้าขึ้นมอง
“อ่า โอเคครับ ขับรถดีๆ นะครับน้องชา” เจ้าของร้านระบายยิ้มหวาน ที่ไม่ว่าสาวคนไหนเห็นเป็นต้องใจเต้นแรงทุกที
ณิชาค้อมศีรษะลาอีกฝ่าย ก่อนจะเงยหน้ามองขวางใส่อัคคีราห์แล้วกำลังจะก้าวขาออกจากร้านไป
แต่ทว่า..
“เธอกำลังจะเป็นภรรยาฉัน..”
ดวงตากลมโตเบิกโพลงรีบหันขวับกลับไปมองที่เทียนทันควัน ไม่เพียงแต่เธอที่ตกใจ เจ้าของร้านที่ชงกาแฟอยู่ก็ชะงักค้างไปเช่นกัน
“อัคคี..” ไม่ทันที่ณิชาจะก้าวขาไปถึงตัวเพื่อไม่ให้เขาพูดอะไรไปมากกว่านี้ อัคคีราห์ก็โพล่งปากพูดไปเสียงดังฟังชัด เพราะในร้านมีแค่พวกเขาสามคนเท่านั้น
“ผู้หญิงคนที่มึงเอาหน้าเข้าใกล้เมื่อกี้.. เมียกู”