ต่อให้เวลานี้ไม่มีอัคคีราห์อยู่ร่วมวงสนทนา แต่อารมณ์เกรี้ยวกราดของณิชายังคงปะทุเพิ่มขึ้นไม่มีทีท่าจะแผ่วลง เพราะท่านสาธิตและคุณหญิงพลอยไพลินยืนกรานเสียงเข้มว่าเธอต้องแต่งงานเข้าตระกูลเซียหลง
ทั้งสองตระกูลสนิทกันมาเนิ่นนานมันก็จริง แต่มันไม่ได้หมายความว่าเธอกับเขาจะต้องเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียว
ขนาดพบหน้าเพียงประปรายณิชายังรู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้ชายคนนี้เลย ยิ่งได้พูดคุยก็ยิ่งมั่นใจว่าไม่มีทางที่เธอกับเขาจะร่วมหอลงโลกกันได้แน่นอน
เลือกคู่ครองผิดชีวิตเปลี่ยนได้เลย..
“คนไม่ได้รักกันจะแต่งงานกันได้ยังไงคะพ่อ”
ณิชาพ่นลมหายใจร้อนผ่าว พลางยกมือขึ้นกุมขมับหลังต่อรองกับพ่อแม่ตัวเองไม่เป็นผลสำเร็จ
“พ่อแค่อยากให้มีคนปกป้องเราได้ ส่วนเรื่องจะรักหรือไม่รัก.. มันเป็นเรื่องของอนาคต”
“ทำไมพ่อกับแม่ถึงทำอะไรไม่ปรึกษากันก่อน ทำแบบนี้มันไม่ล้ำเส้นหนูเกินไปหน่อยเหรอ”
ทันทีที่ชายคนทรามในสายตาณิชาอย่างอัคคีราห์กลับไป เธอก็โวยวายกับประมุขของบ้านทันควัน
“แม่ทำเพื่อเรานะณิชา ลูกต้องอยู่กับผู้ชายที่ปกป้องเราได้.. อีกอย่างอัคคีราห์เหมาะสมกับลูกทุกอย่างเลย” คุณหญิงพลอยไพลินเอ่ยบอกเสียงค่อย พยายามปรามให้เธอใจเย็น แม้จะรู้ดีว่าลูกสาวเป็นคนหัวเสียง่ายก็ตาม
“แต่กับผู้ชายคนนั้นเนี่ยนะ ไม่เห็นเหรอคะว่าเขาใช้สายตาแบบไหนมองหนู คำพูดคำจาของเขา.. ไม่มีอะไรให้น่าหลงใหล หน้ากับนิสัยไปกันไม่ได้เลยสักนิด”
“บนโลกนี้ไม่มีสีขาวหรอกนะณิชา ผู้คนล้วนเป็นสีเทา.. ไม่มีใครดีเต็มร้อยหรอกนะลูก”
“แต่ผู้ชายคนนี้ถึงขั้นเลวเลยนะคะพ่อ เขาไม่ให้เกียรติหนูด้วยซ้ำ” เธอตอบกลับผู้นำครอบครัวที่ช่วยกันเสริมทัพกับภรรยาตัวเอง ก่อนจะยกแขนขึ้นกอดอกทำหน้าแง่งอนใส่
“แล้วเรารู้จักอัคคีราห์ดีหรือยัง”
“ไม่อยากรู้จักไปมากกว่านี้ค่ะพ่อ แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว”
“เห้อ แต่อีกอย่างเราก็เรียนจบแล้วนะณิชา ไม่คิดจะหาแฟนหรือมีครอบครัวใช่มั้ย” ท่านสาธิตระบายลมหายใจเบาๆ
“ตอนเรียนพ่อก็บอกให้หนูโฟกัสเรื่องเรียนนี่คะ หนูคิดไว้ว่าอยากเรียนต่อให้จบปริญญาเอกเลยนะคะ จะได้ไม่ต้องแต่งงานกับใครเลย” เธอว่าด้วยน้ำเสียงเชิงประชดประชัน
ณิชาเจ้าของใบหน้าสวยสด ริมฝีปากเป็นกระจับเข้ารูปสีชมพูอ่อน จมูกโด่งพอเป็นสันทำให้โครงสร้างของใบหน้าสมส่วน อีกทั้งเรือนร่างยังขาวราวกับไข่มุก มีเนื้อหนังตามแบบฉบับผู้หญิงที่ใครหลายคนต่างก็อยากได้
เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลชีเฟิ่ง เพิ่งจะอายุครบยี่สิบสี่ปีบริบูรณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เคยมีแฟนหรือคบหาใครมาก่อน มีเพียงแค่รุ่นพี่คนสนิทที่เธอปันใจให้ แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะมองไม่ออกว่าเธอรู้สึกยังไงด้วย
ใช่ เธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว จะแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นได้ยังไงกัน
“ที่จริงหนูมีคนที่ชอบอยู่แล้วค่ะ” ณิชากล่าวแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เล่นเอาคนตรงหน้าถึงกับชักสีหน้าไปต่อไม่ถูก
“อะไรนะ”
“ว่าไงนะลูก”
ณิชาที่โพล่งออกไปแบบนั้นยิ้มเจื่อน พลางบีบมือเข้าหากันแน่น เมื่อคู่สนทนาทั้งสองคนมีปฏิกิริยาน่าเป็นห่วงกว่าที่เธอคิดเอาไว้เยอะเลย
“หนูอยากแต่งงานกับพี่เทียนค่ะ เขาคือคนที่หนูชอบ” ไม่พูดเปล่าณิชายังยืนกรานเสียงแข็งอย่างมั่นใจ ไม่รู้ว่าเทียนจะรับรักเธอหรือเปล่า แต่อย่างน้อยเธอก็ขอซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองก็แล้วกัน
“แล้วเขาได้ชอบเราหรือเปล่า” ท่านสาธิตเลิกคิ้วถาม พลางโบ้ยมือให้เธอเลิกพูดจาไร้สาระสักที
“แล้วอัคคีราห์ได้ชอบหนูหรือเปล่าล่ะคะ”
“ณิชา”
“เห็นมั้ยคะ ไม่ได้รักกันไม่พอ ตอนนี้หนูมั่นใจว่าเกลียดขี้หน้าเขาไปแล้วค่ะ”
สิ้นประโยคนั้นประมุขของบ้านก็ลอบถอนหายใจแบบปลงๆ แต่ถึงอย่างนั้นการแต่งงานจะยังคงดำเนินต่อไป เพราะทั้งสองคนอยากฝากผีฝากไข้ลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกเขาให้อยู่ในปกครองของอัคคีราห์
โดยเฉพาะท่านสาธิตที่มั่นใจเต็มเปี่ยมว่าอัคคีราห์จะดูแลลูกสาวเขาอย่างดีแน่นอน
“อัคคีราห์จะเป็นคนเดียวที่พ่ออยากได้เป็นลูกเขย เพราะงั้น.. เราไปเตรียมตัวไว้ก็พอ”
“พ่อคะ”
ไม่ทันได้อธิบายอะไรไปมากกว่านี้ ผู้เป็นพ่อก็ผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องรับแขกไปทันที
ณิชาหันกลับมามองผู้เป็นแม่ที่ทำหน้าเหนื่อยใจ ก่อนจะระบายยิ้มบางๆ ให้เธอแล้วลุกขึ้นเดินตามสามีออกไปเช่นกัน
“อัคคีราห์.. ไอ้คนนิสัยไม่ดี” เจ้าของใบหน้าสวยกัดฟันแน่น รู้ชะตากรรมชีวิตตัวเองหลังจากนี้ทันทีว่าไม่มีอำนาจมากพอจะต่อกรกับพ่อแม่ของตัวเอง
หนำซ้ำอัคคีราห์กลับเห็นดีเห็นงาม เพียงเพราะอยากกำราบพยศที่เธอแสดงกิริยาแบบนั้นใส่เขา
ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องปะทะ ไม่มีทางให้เลี้ยวหนีก็มีแค่ทางตรงที่ณิชาจะพุ่งเข้าใส่
“ได้.. อยากแต่งก็แต่ง แม่จะเอาให้หัวปวดกันไปข้างเลย คอยดู!”
คฤหาสน์ตระกูลเซียหลง
อัคคีราห์หน้าตาไม่รับแขกตั้งแต่เดินเข้าบ้าน ทำเอาลูกน้องรู้ใจสองคนอย่างชวินทร์และชินกรไม่กล้าขัดอารมณ์ กลัวเจ้านายจะระเบิดใส่พวกตนมากกว่า
เพราะตอนนี้เขากำลังก้าวเท้าปราดตรงไปยังห้องทำงานท่านสิงขร ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่เคาะและบอกกล่าวสักคำ ทำเอาชายวัยกลางคนที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ข้างในถึงกับสำลักทันที
“ไอ้ลูกชายคนนี้ จะเอาให้พ่อตัวเองหัวใจวายให้ได้ใช่มั้ย” อีกฝ่ายเอ่ยบอก พลางหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับริมฝีปาก
อัคคีราห์ทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานของพ่อตนเอง ก่อนจะเปรยเรื่องทั้งหมดอย่างไม่อ้อมค้อมออกไป
“ผมไม่แต่ง ยังไงก็ไม่แต่งครับพ่อ” เขาพูดประโยคคล้ายกับเธอไม่มีผิด เพียงแค่น้ำแสดงสีหน้าเรียบเฉยแต่น้ำเสียงหนักแน่น สายตาจริงจังไม่มีแววล้อเล่นสักนิดเดียว
“ไปบอกปู่แกเอา” คนตรงหน้าลอบถอนหายใจ พลางจิบกาแฟอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“พ่อจะไม่ช่วยผมเลยใช่มั้ย”
“ฉันไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นไอ้ลูกชาย”
“พ่อ” อัคคีราห์ส่งสายตาเอือมระอาให้คนตรงหน้า ไม่ใช่แค่ตัวเขาที่ไม่กล้าขัดคำสั่งปู่ แต่ผู้นำครอบครัวอย่างท่านสิงขรเองก็ไม่ต่างกัน
ท่านสิงขรเคยเป็นผู้นำตระกูลเซียหลงที่ตอนนี้ส่งต่อให้ลูกชายขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องหลังของบุคคลที่ใครก็มองว่าโหดเหี้ยมอย่างท่านสิงขร จะเป็นคนอารมณ์ดีแล้วก็เป็นกันเองขนาดนี้
“การมีเธอเป็นเหมือนจุดอ่อนพ่อก็รู้” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างอัคคีราห์หยิบยกเหตุผลขึ้นมาถกเถียง ซึ่งคู่สนทนาก็เห็นด้วยแต่ไม่ทั้งหมดเท่านั้นเอง
“เราต้องทำตามคำสัญญาที่ปู่ให้ไว้ ถ้าแกไม่อยากแต่งพรุ่งนี้ก็ลองเข้าไปหาปู่แกดู แต่ก็ระวังโดนลูกปืนไล่กลับมาละกัน”
“ขืนผมแบกหน้าไปพูดแบบนั้น ปู่คงได้ยิงไล่ผมออกจากบ้านมากกว่า”
“แกก็รู้นี่”
คนที่เข้ามาขอคำปรึกษาถึงกับกลอกตามองบน ทิ้งตัวอย่างหมดแรงเพราะไม่รู้จะสรรหาคำไหนไปแย้งเรื่องงานแต่งกับปู่ของตัวเอง
รายนั้นเป็นคนเดียวที่อัคคีราห์เกรงใจ..
“แต่ณิชาไม่เหมือนกับคนเก่าของแกนี่”
“ไม่เหมือนยังไงพ่อ”
“เพราะแกไม่ได้รักเธอ ต่อให้เธอโดนยิงกบาล แกก็ไม่เสียใจหรอก”
ประมุขของบ้านที่มีแววตาคมเฉี่ยวไม่ต่างอะไรจากลูกชายปรายตาขึ้นมอง พลางเลิกคิ้วใส่คนตรงหน้าที่เคยมีประสบการณ์เลวร้ายเกี่ยวกับความรักและความเชื่อใจอย่างแสนสาหัสมาก่อน
นั่นเลยทำให้คนที่เคยคิดเปิดใจกลับมากักเก็บความรู้สึกอ่อนไหวไว้เพียงลำพัง ไม่แสดงออกทางอารมณ์ เหมือนพวกตายซากที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องหลังที่อัคคีราห์พบเจอมามันเลวร้ายขนาดไหน
เจ็บเจียนตายเลยต่างหาก..
กลิ่นคาวเลือดยังกรุ่นกลิ่นไอในโพรงจมูกทุกครั้งที่นึกถึงภาพในวันวาน หญิงคนรักที่ล้มลงในอ้อมแขนแล้วแน่นิ่งไป ยังคงเป็นภาพจำที่อัคคีราห์ไม่มีวันลืม
“เพราะงั้น.. แค่แต่งให้มันจบ หลังจากนั้นแกจะใช้ชีวิตยังไงมันก็เรื่องของแก”