“เหี้ยไรวะ” ด้วยความหงุดหงิดและโมโหที่จู่ๆ ก็วิ่งมาตัดหน้ารถเหมือนหมาวิ่งตัดหน้า ผมรีบลงจากรถกำลังจะหาเรื่องผู้หญิงคนนี้ที่สวมชุดนักศึกษา ผมเผ้ายุ่งเหยิง ก่อนที่เธอจะเงยใบหน้าขึ้นมาสบตากับผม แน่นอนว่าผมค่อนข้างแปลกใจที่เจอกับผู้หญิงคนนี้ ใช่ เธอคือคนที่เอากระเป๋าเงินมาคืนผม เธอคนนี้ ที่แก้มแดงเถือก ดวงตาผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ไหนจะหัวเข่าที่เวลานี้ถลอกเป็นแผล “เธอ?”
“คะ คุณ” น้ำเสียงของเธอสั่นเทาพลางค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นมายืนหลบหลังผม การกระทำของเธอทำให้ผมค่อนข้างมึนงง กระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นผู้ชายวัยห้าสิบปีกับผู้หญิงรุ่นป้ารุ่นเดียวกัน มีเด็กผู้ชายที่สวมชุดนักเรียนน่าจะเรียนม.ปลาย กำลังกวาดสายตามองหาอะไรสักอย่าง ผมเสมองชายเสื้อสูทที่มือเล็กดึงกระตุกไว้อย่างแน่น
“นังแพร แกอยู่ไหนห๊า!” ผู้หญิงรุ่นป้าเท้าเอวมองหาคนที่ชื่อแพรและผมรู้... เธอคงจะชื่อแพร “นั่นไง มานี่เลยนะนังตัวดี กล้าดียังไงมาอ่อยผัวฉัน!”
“อ่อย?” สามคนนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าผมและพยายามจะพาตัวเธอคนนี้ไป แต่เธอกลับยืนหลบหลังเธอที่บังเธอจนมิด “ถามจริง เธออ่อยไอ้แก่แบบนี้ได้ไง”
“ปะ เปล่า ฉันไม่ได้ทำ เขาต่างหาก...”
“ไอ้ห่านี่มึงเป็นใครวะ กล้าดียังไงมาด่ากูว่าแก่”
“ไม่ดูสภาพตัวเอง?” ผมเบ้ปากพลางไล่สายตามองผู้ชายคนนี้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าผัว แก่หัวหงอกแล้วเด็กรุ่นนี้จะไปอ่อยเนี่ยนะ “ก็ต้องตาบอดไม่ก็หูหนวก สภาพยังกับกระดูกเดินได้”
“ปากดีนะมึง ปล่อยนังแพรมา” ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ผมจะต้องยุ่งหรือเสือกหรอกนะ ผมไม่เคยยุ่งเรื่องชาวบ้าน ทว่าเธอคนนี้กลับกำชายเสื้อสูทผมแน่น “ฉันบอกให้แกมานี่ ถ้าแกไม่มา อย่างหวังว่าฉันจะส่งเสียแกเรียนนะ”
“แพรก็ส่งตัวเองเรียน ป้าไม่ได้เกี่ยวสักหน่อย”
“อีนี่!”
“ความจริงมันไม่ใช่เรื่องของฉันเลยนะเนี่ย” ผมบ่นพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นและทิ้งข้างตัว “ออกไปหาพวกเขา”
“ไม่” ใบหน้าสวยที่เจอเมื่อตอนสายของวันยังไม่มีรอยตบด้วยซ้ำไป ปากของเธอมีเลือดซึมแห้งกรัง “ได้โปรดค่ะ”
“อะไร?”
“แกจะไปกับเขาไม่ได้นะ ไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย” ผู้ชายแก่คนนี้รีบบอกเธอว่าอย่าไปกับผม
“แพรยอมไปกับเขาดีกว่าไปหาป้า” ตวาดเสียงดังจนสามคนนั้นนิ่งไป “ปล่อยแพรไปเถอะ แพรขอ”
“แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น จนกว่าแกจะเรียนจบหาเงินมาเลี้ยงดูฉัน ที่เลี้ยงแกมาตั้งแต่เด็กนะ!”
“เฮ้อ ให้ตายสิวะ!” แผดเสียงดังลั่นซอยที่เงียบสงัด จนสามคนตรงหน้าตกใจไม่ต่างจากเธอคนนี้ “ฉันอันตรายมากกว่าพวกเขา เธอแน่ใจ”
“คือ...”
“งั้นก็กลับไปกับพวกเขาซะ ฉันไม่ใช่ผู้ชายที่มานั่งเห็นอกเห็นใจคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยากหรอกนะ” พูดจบก็สะบัดตัวจนร่างเล็กเซเกือบล้ม และนั่นทำให้สามคนนั้นรีบเข้ามากระชากลากถูเธอ ผมจึงเดินกลับไปที่รถของตัวเองเปิดประตูค้างไว้พลางมองภาพนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ปล่อยแพรนะ แพรไม่ไป!”
“แกโดนดีแน่ กล้าดียังไงไปขอร้องผู้ชายที่ไม่รู้จักให้ช่วย” ผู้หญิงรุ่นป้าจิกนิ้วลงศีรษะของเธอและลากไปกับพื้นที่เต็มไปด้วยหินลูกรัง ผมหรี่สายตามองชายรุ่นลุงที่มองเธอด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “โดนฉันขังลืมแน่ อ่อยผัวฉันได้ไง เขาเป็นลุงแกนะ!”
“ฮึก”
ตุ้บ
แม่งเอ๋ย! ทำไมกูจะต้องมาเห็นเหี้ยอะไรแบบนี้ด้วยวะ ผมทุบมือบนหลังคารถและเดินสาวเท้าไปหาร่างเล็กปัดมือของผู้หญิงคนนั้นออกจากศีรษะ ที่ดึงผมเธอจนหนังหัวแทบถลก เธอคนนี้รีบลุกขึ้นวิ่งอ้อมมาหลบด้านหลังผม อีกครั้ง
“นังแพร แกนี่มันร่านผู้ชายจริงๆ นะ”
“มานี่นะแพรวา!” ชายรุ่นลุงเดินสาวเท้ามาหวังจะคว้าตัวเธอ แต่ผม ก็เอามือดันไหล่ของเขาที่เตี้ยกว่าผมเยอะให้เซถอยห่าง “มึงอย่าเสือกเรื่องชาวบ้านจะได้ไหมวะ ขับรถผ่านไปก็จบ”
“นั่นสินะ กูควรทำแบบนั้น” ผมกระตุกยิ้มมุมปาก “ปกติกูไม่ใช่คนที่ชอบเสือกเรื่องคนอื่นด้วยซ้ำ ต่อให้ใครจะตายต่อหน้าต่อตากูก็ไม่สน”
“แล้วมึงจะสนทำไม ปล่อยแพรมา ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
“อ๋อ มึงขู่กู?” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ชายรุ่นลุงกับรุ่นเด็กเดินเข้ามาพร้อมจะเอาเรื่องผม “ฮะ ฮ่าๆ”
“!”
“จะฆ่ากู... ทำได้เหรอ?” สามคนนี้ตกใจกับเสียงหัวเราะของผมที่ฟังแล้วดูน่าพิศวงยิ่งนัก “คนอย่างกู ถ้าจะตายคงตายไปนานแล้ว ไม่มารอให้พวกสวะอย่างมึงมาขู่หรอกว่ะ”
“มึงจะเอาแบบนี้ใช่ปะ” เด็กรุ่นน้องทำท่าจะต่อยผมพร้อมรุ่นลุงที่เดินไปหยิบไม้แถวๆ นั้นมาหวังจะทำร้าย
“อย่าทำอะไรเขานะ!” หากแต่ว่าเสียงเล็กแหบพร่าด้านหลังก็ดังขึ้นก่อนที่พวกมันจะทำอะไรผม แพรวาเดินออกจากด้านหลังและหันมามองผม ที่ขมวดคิ้วกับการกระทำของเธอ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นยังหัวชนฝาว่าจะไม่ยอมกลับไปกับคนพวกนี้ “แพรจะกลับก็ได้ แต่ห้ามทำร้ายเขานะคะ เขาก็แค่ผ่านทางมาเห็นเฉยๆ”
“...”
“ขอบคุณนะคะ ฉันไม่เป็นไร” ใบหน้าสวยที่โดนตบระบายยิ้มส่งมาให้ ผมมองสามคนนั้นที่รีบกระชากแขนเธอให้กลับไปด้วยกัน ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิด ดันทำให้ผมเอื้อมมือไปดึงข้อมือเธอไว้จนแพรวาหันมา “คะ คุณ”
“มึงไม่จบใช่ปะ” ชายรุ่นลุงปล่อยมือของแพรวาและนั่นทำให้ผมดึงเธอจนเซมาซบกับแผงอก มือซ้ายของผมเอื้อมไปด้านหลังและหยิบกระบอกปืนสีดำเงาจดจ่อไปยังหน้าผากของมันที่ตกใจกลัวจนทำไม้ในมือล่วงหล่น
“ดีเหมือนกัน ปืนกูไม่ได้ยิงใครมานานละ”
“ปืนปลอมสินะ คิดจะขู่กู...” ผมกระตุกยิ้มมุมปากพลางชูปืนขึ้นฟ้าจากนั้นก็ลั่นไก
ปัง
“!”
“ของปลอมสินะ งั้นอยากแดกสักลูกไหม? กูจะได้สนองให้” พวกมันสามคนรู้ว่าปืนในมือของผมเป็นของจริง ก็รีบวิ่งหนีหางจุกตูดจนลับตาไป ผมจึงมองคนที่อยู่ในอ้อมแขนเธอมองหน้าผมจากนั้นก็... “เฮ้ แพรวา”
“...”
“เหี้ยเอ๋ย! เป็นลมอีก”
เสือกเรื่องชาวบ้านไม่เข้าเรื่องเลยนะองศา แล้วทีนี้เอาไงต่อล่ะ? เธอหนีจากคนพวกนั้นมาเพื่อมาเจอคนอันตรายอย่างผม เธอคิดผิดมหันต์แล้วแบบนี้ ก็อย่างที่สุภาษิตว่า ‘หนีเสือปะจระเข้’ มันเป็นอย่างนี้เองสินะ