ตอนที่ 4

1439 Words
ตอนที่ 4 ความร้อนในกายลดลงแล้วปรมัตถ์ก็รีบลุกขึ้น พอดีกับหูแว่วได้ยินเหมือนกับมีรถกำลังวิ่งผ่านมา ชายหนุ่มรีบก้าวไปยืนอยู่ตรงกลางทางเพราะจะขอติดรถไปด้วย ที่ทำให้ชายหนุ่มเสียววาบ เพราะแทนที่รถจะหยุดตามความต้องการ แต่กลับกลายเป็นว่ามันส่ายมะลอกมะแล่กพุ่งตรงลิ่วตามติดเขาที่แม้จะกระโดดหลบแล้วก็ยังไม่พ้น “เฮ้ย! คุณ...ดูทางหน่อย” ชายหนุ่มร้องตะโกนเสียงดังลั่นและรีบวิ่งหลบ แต่รถก็ยังวิ่งตามติดเขามาเสียอีก เสียงโหวกเหวกโวยวาย ทำให้ดาราเนตรที่หงุดหงิดเพราะอยากรู้ใครกันที่กระหน่ำโทรมาจนสายไม่ว่างอย่างนี้รีบเงยหน้าขึ้นมอง ดาราเนตรตกใจจนตัวเย็นเฉียบขึ้นมา ก่อนจะสั่นเทาจนบังคับรถที่มันกำลังไถลออกนอกทางให้กลับขึ้นมาบนถนนดังเดิมไม่ได้ “ว้าย! หลบไปคุณ หลบไป!” หญิงสาวตะโกนบอกให้ชายคนที่กำลังวิ่งไม่เหลียวหลังอยู่สุดเสียง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอขึ้นกระจกรถจนหมด คนที่วิ่งอยู่อาจจะไม่ได้ยิน ดาราเนตรยกมือไล่คนที่เหลียวหลังกลับมาเป็นครั้งคราว พลางบังคับรถให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เอี๊ยด! กว่าจะบังคับรถให้หยุดได้ ดาราเนตรถึงกับตัวสั่นงันงก เหงื่อ ผุดขึ้นเต็มขมับ ดวงตากลมโตยังเบิกกว้าง มือเย็นจัดยิ่งกว่าน้ำแข็งกำพวงมาลัยรถไว้แน่น เธอหมดแรงและกลัวจนไม่กล้าเปิดประตูรถออกไปดูชายหนุ่มที่ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ หรือว่าเธอจะชนจนผู้ชายคนนั้นบี้แบนติดไปกับต้นไม้แล้ว ปรมัตถ์ใจหายวาบ เหลือเพียงนิดเดียวเท่านั้น รถ Chevrolet Captiva ป้ายแดงจะอัดเขาติดไปกับต้นไม้ใหญ่ “ขับรถบ้าอะไรวะนี่” ชายหนุ่มสบถ พร้อมกับความโกรธก็พุ่งขึ้นมาราวกับปรอทถูกไฟ ใบหน้าคมสันกระด้างเข้ารูปแดงคล้ำ ดวงตาสีนิลวาวจ้า ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปยังฝั่งคนขับและเคาะกระจกแก้วแรง ๆ อย่างคนระงับโทสะเอาไว้ไม่ได้ “เปิดประตูออกมาคุยกันหน่อยสิคุณ!” ชายหนุ่มเรียกเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนขับจะอยู่ในอาการช็อก เลยไม่ได้สนใจกับสิ่งรอบข้าง ปรมัตถ์เคาะใหม่อีกครั้ง “นี่คุณ...เป็นอะไรหรือเปล่า” “หือ...” ดาราเนตรได้สติรีบหมุนกระจกรถลง “อะไร...อ๋อ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ฉันขอโทษนะที่ขับรถไม่ระวังจนเกือบจะชนคุณนะ” หญิงสาวถามเสียงเบา ขณะยิ้มแหย ๆ ดวงตากลมโตล้อมด้วยแพขนตายาวงอนมองอย่างสำนึกผิด แล้วยังจะกะพริบปริบ ๆ ให้เหมือนกับกำลังออดอ้อนให้เขา... อย่าเอาเรื่อง! แต่มีหรือที่ปรมัตถ์จะยินยอม เขาเกือบจะตายเพราะแม่ตัวดีหน้าใส แล้วจะให้ยกโทษกันง่าย ๆ ได้ยังไง ชายหนุ่มยกมือขึ้นเท้าสะเอว “ขับรถประสาอะไร มีตาหรือเปล่า เห็นไหมจะชนผมตายแล้ว” ชายหนุ่มถามเสียงแข็ง แต่เมื่อเห็นแม่ตัวดีหน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้ม ก็อดที่จะเวทนาไม่ได้ ดูอายุอานามแล้วไม่น่าจะเกินยี่สิบเลย นี่พ่อแม่เขาอยู่ยังไงถึงได้ให้ลูกเอารถคันหรูราคาเป็นล้านแบบนี้มาเที่ยวขับ...ชนคน! “อ้าว...คุณ!” คนเขาขอโทษแล้วยังจะมาชักสีหน้าและว่าใส่อีก จากตกใจกลัวเลยกลายเป็นโกรธ จนไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี ดาราเนตรรีบเปิดประตูรถลงไป สองมือเท้าสะเอว “พูดหมา ๆ แบบนี้ได้ยังไง” ตอนแรกเธอก็ตกใจอยู่นะ แต่มาตอนนี้...โมโหเว้ย! “คนขอโทษแล้ว จะเอายังไงอีก” เพราะเห็นแล้วว่าตัวเองเล็กกว่ามาก จึงต้องแผดเสียงใส่ “ผู้ชายอะไรกันนี่ ปากเสียชะมัดเลย” เอาสิขึ้นเสียงมา เธอก็ขึ้นได้ คนกำลังยิ่งอารมณ์เสีย ๆ อยู่ยังจะมาทำให้มันเสียหนักเข้าไปอีก “แล้วรู้ไว้เสียด้วยนะ เส้นทางสายนี้เป็นถนนส่วนบุคคล ไม่ใช่ที่ให้คุณเข้ามาเดินเล่น ความจริงคนที่ควรจะขอโทษ น่าจะเป็นคุณ ไม่ใช่ฉัน” ดาราเนตรจิ้มอกกว้างแรง ๆ อย่างไม่กลัวจะถูกเอาคืน ก็นี่มันบ้านเธอนี่นา ไม่ใช่ที่ให้คนปากเสียมาขึ้นเสียงด่าว่าโดยไม่ยอมโต้ตอบ จมูกโด่งยู่ย่น ไม่รู้จักฤทธิ์แม่...ดาราเนตรเสียแล้ว เดี๋ยวจะด่าสามวันไม่ซ้ำคำมันเสียเลย “อ้าว! ใครกันแน่ที่พูดไม่สวย ทำผิดแล้วก็หัดยอมรับความผิดบ้างสิคุณ ถ้าเมื่อกี้ผมกระโดดหลบไม่ทัน อาจโดนคุณชนจนแข้งขาหักก็ได้” ชายหนุ่มสะบัดศีรษะอย่างอิดหนาระอาใจ อากาศก็ร้อนอยู่แล้วดันมีคนทำให้อารมณ์ที่มันพอจะเย็นลงร้อนขึ้นอีก “ไม่ว่าไง ตายก็พาไปวัด เจ็บก็พาไปส่งโรงพยาบาล จ่ายค่ารักษาให้แล้วก็จบกัน” เปล่าเลยเธอไม่ใช่คนใจดำขนาดนั้น เจ็บป่วยก็ช่วยกันดูแลรักษาไป แต่กับคนตรงหน้าที่เห็นหน้าแล้วมันหงุดหงิด แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลก ๆ กับหัวใจ มันวูบวาบและเต้นแรงขึ้นมายามเมื่อสบกับสายตาคมดุ “ใจจืดใจดำจริง ๆ เลยคุณนี่” “แล้วไง” ดาราเนตรยกมือขึ้นสอดไขว้ระหว่างอก ใบหน้าสวยเชิดขึ้นสูงพร้อมกับคิ้วโก่งได้รูปราวกับวงพระจันทร์เลิกขึ้นและกระดิกปลายเท้าซ้ำอีกที “ก็นี่มันทางเดินบ้านฉันนี่ ฉันจะชนหมูหมากาไก่ให้มันไปลงเยี่ยมยมบาลสักตัวสองตัว แล้วคุณจะทำไม” “บ้านคุณ!” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูง ขณะทำเสียงขลุกขลักดังในลำคอ “ถ้าเดาไม่ผิด คุณก็คงจะเป็น...ผู้หญิงที่ประกาศรับสมัครหาสามีละสิ” ชายหนุ่มพยักหน้า นิ้วยาวยกขึ้นลูบปลาย ขณะกวาดสายตามองไปทั่วกายกลมกลึง ก่อนรอยยิ้มจะผุดขึ้นบนใบหน้าทำให้คนถูกมองรู้สึกร้อนรนอยู่ในหัวใจ “เป็นฉันแล้วทำไม” “ก็ไม่ทำไม เพราะมันพอจะทำให้ผมเข้าใจเหตุผลที่ทำให้คุณต้องประกาศหา...สามี!” ปรมัตถ์โน้มตัวลงไปพูดเน้นคำว่าสามีหนัก ๆ “หน้าตาก็สวยดีอยู่หรอก แต่พออ้าปากพูด ก็ทำให้รู้ว่ามีนิสัยเสีย เลยไม่มีผู้ชายแถวนี้กล้ามาขอแต่งงาน” “ไอ้!” หญิงสาวยกมือขึ้นชี้หน้าคนว่า ลูกไฟแห่งความโกรธาพุ่งลิ่วๆ ขึ้นมาจนใบหน้านวลแดงก่ำ ดวงตาใส่แจ๋ววาวจ้า ฟันขาวขบกัดจนแทบจะมีเสียงดังเล็ดลอดออกมา “ไอ้บ้า!” ดาราเนตรกระทืบพื้นดินอย่างไม่แรงนัก เพราะรองเท้าที่ใส่เป็นส้นแหลมและพื้นที่ยืนอยู่ก็เป็นหินกรวด หากไม่ระวัง อาจจะล้มให้อับอายอีตาคนปากปีจอที่ทำให้เธออยากตบปากสักทีสองที เพียงแค่คิด มือมันก็ยกขึ้นอัตโนมัติ แต่สายตาดุ ๆ ที่มองมาทำให้ต้องหยุดชะงักไป “ผมว่าน่ะ ใครทนคุณได้เกินสามวัน คนนั้นจะต้องเก่งมากเลยล่ะ” ดาราเนตรเหยียบยิ้ม ผู้ชายตรงหน้าคงจะเป็นเช่นเดียวกับรายก่อนหน้า มาให้เธอดูตัว...เงอะ มันก็ครือ ๆ กันนั่นแหละ มาสมัครงานเป็นสามีชั่วคราวของเธอ แต่...รูปร่างหน้าก็หล่อเตะตาอยู่หรอกนะ ถ้าจะไม่ติดคำพูดที่เหมือนกับเพาะเลี้ยงสุนัขไว้เป็นฟาร์มแบบนี้...เห็นทีจะรับไว้พิจารณาไม่ไหว “แล้วไง ยังไงฉันก็มีปัญญาจ้างคนมาทำสามีละกัน แล้วคุณ...” หญิงสาวมองไล่จากศีรษะจรดปลายเท้าอย่างไม่คิดที่จะรักษามารยาท ไหนจะรอยยิ้มหยามหยันที่แต้มบนมุมปากข้างหนึ่งอย่างรู้เท่าทัน “คุณก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง ที่ทนเดินตากแดดอย่างไม่กลัวร้อน ก็มาให้ฉันดูตัว เหมาะสมกับตำแหน่ง...สามีชั่วคราวหรือเปล่า ใช่ไหมล่ะ” ดาราเนตรเน้นคำว่าสามีชั่วคราวออกไปทั้งที่เธอนั้นก็อายแสนจะอายกับสิ่งที่พูดออกไป แต่ตอนนี้ความโกรธมีมากกว่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD