ตอนที่ 5
“หน้าตาก็ดีอยู่หรอกนะ ร่างกายก็ดูแข็งแรงไม่ได้พิกลพิการอะไรเลย ไม่น่าที่จะต้องมาสมัครงานกับฉัน เอ๊ะ หรือเป็นผู้ชายประเภทหิวเงิน หรือไม่ก็กำลังเดือดร้อนประเภทที่ว่าพ่อแม่ป่วย ต้องการเงินไปรักษา ไม่ก็ใช้หนี้การพนัน หรืออีกร้อยแปดพันเก้าเหตุผลที่ล้วนแล้วแต่เรียกความสงสารและเห็นใจจากฉัน”
หญิงสาวก้าวไปด้านหลังเล็กน้อย “บอกตรง ๆ นะ คุณดูดีมากจนฉันชักจะสงสัย ทำไม้ทำไมคุณถึงได้เลือกทำอย่างนี้ ถามจริงเถอะ ไม่อายบ้างหรือไงที่ต้องมา…ขายตัว!”
ชา!
แวบแรกที่คำนั้นหลุดจากปากสาวน้อยตรงหน้า ปรมัตถ์บอกเลยว่าหน้าเขาชา! เหมือนกับถูกฝ่ามือหนัก ๆ ฝาดลงมา ก่อนโทสะจะพุ่งขึ้นศีรษะ กรามหนาขบกัดจนแก้มสากนูนเด่น ดวงตาแวววาวดุกร้าวแข็ง แต่ถึงจะโกรธจนอยากจะบีบคอคนตรงหน้าให้หักเป็นสองท่อน แต่ปรมัตถ์ก็ต้องข่มกลั้นเอาไว้ภายใน ใบหน้ายังมีรอยยิ้ม
“ผมหรือครับ” ปรมัตถ์แกล้งถามออกไปทั้งที่คำพูดอีกฝ่ายว่าอยู่ตรง ๆ โต้ง ๆ
“อายเหมือนกันนะครับ แต่...” เขาโน้มใบหน้าลงไปจนเกือบจะแนบแก้มนวลที่ผงะไปด้านหลัง ชายหนุ่มตวัดสายตามองกายเล็กกลมกลึง “คงไม่เท่าคุณนะ”
“ฉันทำไมยะ” ดาราเนตรยกมือขึ้นเท้าสะเอว ใบหน้าหงิกงอ
“ใจกล้ามาก...ถึงขนาดประกาศหาสามีทางหนังสือพิมพ์ไง แต่ก็ดีเหมือนกัน ไม่ทราบว่าคุณมีคนที่ถูกใจหรือยัง ถ้ายังจะรับผมไปพิจารณาสักคนไหมล่ะ” ปรมัตถ์ถามน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แปลกแงะ...ประกาศหาสามี แต่หน้าตายังใส ๆ พวงแก้มนวลเนียนดูท่าจะเนียนนุ่มเป็นสีชมพูระเรื่อลามไปถึงลำคอ ดูท่าทางยังไร้เดียงสาอยู่เลย
ชายหนุ่มมองกายกลมกลึง ก่อนจะวกกลับขึ้นมามองสบตากับสาวน้อยตรงหน้า รอยยิ้มแต้มมุมปากหนา
เห็นแค่ตายังตัดสินอะไรไม่ได้ มีมากมายที่ใช้หน้าตาใสซื่อหลอกให้คนอื่นตายใจแล้วก็ค่อยแทงข้างหลัง ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า มองสาวตรงหน้าราวกับเสือจ้องตะครุบเหยื่ออันโอชะ
สายตาที่มองมาทำให้ดาราเนตรถึงกับตัวสั่น หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกจากอก ในลำคอแห้งผากจนกลืนน้ำลายไม่ลง ขาแข็งเหมือนกับถูกตรึงเอาไว้
แวบหนึ่งที่ความคิดของดาราเนตรย้อนกลับไปอดีตที่เธอเกือบจะพลาดพลั้งเสียทีคนใจบาป โชคดีว่าเพื่อนรักได้เข้ามาช่วยเหลือไว้ได้ทัน แต่มันก็ทำให้เธอนอนฝันร้ายหลายต่อหลายครั้ง
หญิงสาวมองซ้ายขวาหาทางหนีทีไล่และคิดว่าพอจะมีอุปกรณ์อะไรที่จะช่วยกำจัดขับไล่ผู้ชายตรงหน้าออกไปไกล ๆ
“ยะ...หยุดนะคุณ ยะ...อย่าเข้ามานะ” แม้กระทั่งเสียงที่พูดออกไปก็ยังสั่นและเบาหวิวจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินด้วยซ้ำ ดาราเนตรสาวเท้าถอยไปด้านหลังช้า ๆ
“หยุดนะไอ้คนบ้า อย่าเข้ามานะ!” เธอไล่เสียงดัง พร้อมยกมือขึ้นชี้ห้าม แม้ที่นี่จะเป็นบ้านของเธอ แต่ระยะทางจากประตูรั้วไปถึงตัวบ้านยังอยู่อีกไกล ตรงที่ยืนอยู่ตอนนี้ก็ค่อนข้างเปลี่ยว ไม่ค่อยมีใครผ่านไปมา เพราะไม่ใช่เส้นทางหลักที่ใช้ประจำ ที่เธอชอบใช้เส้นทางนี้เพราะมันใกล้กับบ้านจารุชามากกว่าออกไปทางถนนใหญ่
“ถะ...ถอยไปเลยนะไอ้คนบ้า ยะ...อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้น...”
พลังและอำนาจของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้ดาราเนตรคิดไม่ออกว่าจะขู่ให้อีกฝ่ายกลัวได้ยังไง แต่จะให้ยอมแพ้อย่างง่ายดายก็ไม่ใช่เธอเช่นกัน
ฟันขาวขบกัดลงไปบนกลีบปาก ขณะเท้าก็ถอยไปด้านหลัง พร้อมกับสาดส่ายสายตามองหาทางหนีทีไล่ จนหมดที่จะหนีเมื่อแผ่นหลังแนบชิดติดกับด้านขอบด้านข้างของตัวรถ
ปรมัตถ์ยังคงเดินเข้าไปหาสาวน้อยใจกล้าอย่างนึกสนุก ดวงตาคมพราวระยับ “ทำไมต้องถอยด้วย ในเมื่อคุณกล้าที่จะประกาศหาสามี คุณก็จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับการถูกผู้ชายที่คุณเลือกเข้าใกล้และ...”
เขาเท้าคร่อมระหว่างลำตัวกลมกลึง ดูท่าแม่สาวตรงหน้าจะไม่ประสาเรื่องผู้ชายเอามาก ๆ จนเขาชักจะสงสัยครามครัน ทำไมถึงได้อุตริประกาศหาสามีทางหน้าหนังสือพิมพ์ นี่ถ้าได้คนไม่ดีมาละไม่แย่เอาหรือไง หน้าตาก็สวยชวนให้คนคิดทำมิดีมิร้ายอยู่ ส่วนเขาก็ไม่ใช่คนดีมากมาย แต่อย่างน้อยก็ไม่คิดที่จะข่มเหงน้ำใจใคร
“ถูกผู้ชายหอมแก้ม จูบปาก แล้วก็...” ปรมัตถ์พูดไม่ทันจะจบก็มีอย่างอื่นสอดแทรกขึ้นมาเสียก่อน เสียงแหลมเล็กที่ทำให้เขาถึงกับหน้าเหยเก
“กรี๊ด! ไอ้บ้า ไอ้ผู้ชายหน้าไม่อาย” เมื่อเห็นว่าทำอะไรไม่ได้ ดาราเนตรก็เริ่มใช้เสียงเข้าข่ม เธอดันร่างหนาให้ถอยห่าง และยังใช้ปลายนิ้วแหลมจิกลากไปทั่วกายแกร่งอย่างไม่สนใจว่าจะถูกตรงไหน ขอเพียงสิ่งที่ทำจะช่วยกันไม่ให้ชายหนุ่มเข้าใกล้เธอเท่านั้น แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะมือเธอถูกจับตรึงไว้และกายกำยำก็แนบชิด
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า...ปล่อย! ปล่อยสิโว้ย!”
“จะร้องอะไรหนักหนา ผมยังไม่ได้ทันจะได้ทำอะไรคุณเลยนะ” ชายหนุ่มถามอย่างอิดหนาระอาใจ
“คุณก็ปล่อยฉันก่อนสิ มาจับเอาไว้ทำไม” ดาราเนตรไม่ยอมฟังและไม่คิดยอมแพ้ด้วย เมื่อมือถูกจับและมัดไว้ แต่ร่างกายส่วนอื่นยังว่างอยู่ ขาที่ไม่ได้ถูกจับตรึงไว้ก็เหวี่ยงไปมาอย่างไม่สนใจว่าจะถูกตรงไหนของไอ้บ้าห้าร้อยบ้าง
ในใจก็คอยแต่จะฝากคำอาฆาตเอาไว้ คอยดูนะ เธอหลุดไปได้เมื่อไหร่จะเรียกคนงานในสวนมากระทืบให้จมดินเลย หญิงสาวกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน ดวงตากลมใสสาดแสงร้อนแรงอย่างคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แม้ใบหน้าจะแดงก่ำอันเนื่องมาจากโกรธและอาย
“ไม่ถอย มีอะไรไหมครับหนูน้อย” ปรมัตถ์มองเข้าไปในดวงตาของคนที่ขลาดกลัว ก่อนจะสอดแขนข้างหนึ่งดึงกายกลมกลึงให้มาแนบชิด โดยไม่สนใจว่าหญิงสาวจะขัดขืน ปลายนิ้วที่แนบอยู่บนสะเอวไล้คลึงวนเวียนไปมาสลับลูบไล้แผ่นหลังบอบบาง พลางเลื่อนลงไปขยำนวดบั้นท้ายกลมกลึง
“คุณอยากได้สามีไม่ใช่หรือไง ผมก็คนหนึ่งละที่มาสมัคร ให้ทดสอบสินค้าก่อนตัดสินใจด้วย ไม่ดีหรือไงครับ...หนูน้อย”
“ฉันไม่ชอบถูกใครเอาเปรียบ แล้วแบบที่คุณทำอยู่ตอนนี้มันก็เข้าขั้นลวนลามด้วย” ดาราเนตรพยายามพูดไม่ให้เสียงสั่นไหว ยิ่งได้เห็นรอยยิ้ม...ดวงคมกริบที่มันแพรวพราวระยับอย่างกับเจอของที่ถูกใจ มันก็ทำให้เธอประหม่า เขินอายจนแก้มร้อนผ่าว
ไม่! บ้าไปแล้วใช่ไหมดาราเนตร จะให้คนอื่นเป็นคนคุมเกมได้ยังไงกัน ต้องเป็นเธอสิ!
ใบหน้านวลแดงระเรื่อแต้มด้วยรอยยิ้ม ขณะยกแขนขึ้นไปโอบรอบลำคอแกร่ง ลากไล้ปลายนิ้วไปสัมผัสกับเส้นผมนุ่ม
“คิดไปคิดมา ก็ดีเหมือนกัน จะได้ทดสอบคุณภาพของก่อนจะเลือกใช้งาน ถ้าไม่ผ่านจะได้ไม่ต้องเสียเวลาสัมภาษณ์”
หากเผยความกลัวออกไป อีกฝ่ายจะยิ่งดูสนุกสนานและหาเรื่องกลั่นแกล้งเธอมากขึ้น ดังนั้น...จะต้องข่มมันเอาไว้แล้วงัดเอาความใจกล้าหน้าด้านมาใช้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นในใจดาราเนตรก็เต็มไปด้วยหวาดหวั่น เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ดีแค่ไหน ก็ความหวาดกลัวเกาะกุมจนหัวใจมันเต้นแรงและเร็วจนแทบจะทะลุออกมาจากอกขนาดนี้
ดาราเนตรค่อย ๆ ช้อนใบหน้าขึ้น ในดวงตากลมโตแพรวพราวระยับ แพขนตายาวงอนกระพือเหมือนกับผีเสื้อโบยบินจากดอกไม้ดอกหนึ่งไปสู่อีกดอกหนึ่ง
ด้วยความสูงที่ไม่ไม่มากนัก แม้เขย่งเท้าแล้วก็ได้เพียงไหล่กว้างเท่านั้น เธอจึงขึ้นไปกดรั้งศีรษะทุยให้โน้มลงมาหาแทน
“ไหน...คุณมีอะไรจะนำเสนอละ”