ตอนที่ 3
“ฉันว่าแกล้มเลิกความคิดนี้ดีกว่าไหมเนตร มันเสี่ยงนะ” จารุชาเอ่ยห้ามด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ถ้าหากคนที่เลือกเป็นคนดีไว้ใจได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากว่าคนที่ดาราเนตรเลือกได้เป็นคนไม่ดีเล่า...ไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เธออาจจะรับรู้เหตุร้ายก็เมื่อมันสายเกินไปแล้ว
“ไม่! ฉันไม่ยอมแพ้หรอก วันนี้ไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้จะไม่ได้นี่น่า” แม้จะรู้ว่าเพื่อนเป็นห่วง แต่คนอย่างเธอเมื่อตัดสินใจแล้ว...จะต้องทำให้ได้! ไม่ได้ถือว่าตัวเองเก่ง แต่พอจะมีวิชาป้องกันตัวเองอยู่บ้าง ไหนจะฝีมือยิงปืนที่ไม่ด้อยกว่าใคร ใครคิดจะทำอะไรเธอก็ต้องคิดหนักเหมือนกัน
“ฉันรู้ว่าแกเป็นห่วง ขอบใจนะจา แต่แกก็ต้องเชื่อว่าฉันดูแลตัวเองได้ แกไม่ต้องมาเครียดมากลัวแทนเลย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราไปห้ามมันไม่ได้อยู่แล้ว”
“เฮ้อ...ก็ตามใจ ชีวิตแกนี่น่า แกจะลิขิตให้มันเป็นไปยังไงก็ได้ แต่ฉันขออย่างหนึ่งนะเพื่อน”
จารุชาถอนหายใจเฮือกใหญ่ หญิงสาวยกมือขึ้นตบมือเล็กของเพื่อน แม้ความกังวลจะมีอยู่เต็มหัวใจ แต่เธอจะไปทำอะไรได้เล่า ในเมื่อคนที่เป็นเจ้าของชีวิตตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้ว คงได้แต่พูดจาตักเตือนให้คอยดูแลตัวเองดี ๆ หน่อยเท่านั้นเอง
“จะเลือกใครดูให้ดี ๆ หน่อยละกัน อย่าตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่น หรือเพียงแค่ประชดประชันใคร ฉันกลัวแกจะพลาดพลั้งได้คนที่ไม่ดี แล้วเรื่องที่มันยุ่งอยู่แล้วมันยิ่งยุ่งยากกว่าที่เป็นอยู่นะ”
“อือ...รู้แล้ว” ดาราเนตรพยักหน้ารับ แต่เปล่าเลย คำพูดของจารุชาไม่ได้ซึมซับฝังในสมองเลยสักนิด เป็นเพียงแค่สายลมที่พัดผ่านเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเสียมากกว่า ด้วยในสมองกำลังคิดถึงคนที่คุณตาวางตัวไว้ให้เป็นคู่ครอง อยากรู้นักว่าผู้ชายคนนั้นจะมีหน้าตาเป็นยังไงแล้วอุปนิสัยส่วนตัว จะเข้ากับเธอได้หรือเปล่า คิดแล้วก็อยากจะไปดูหน้าเสียหน่อย
‘เฮ้ย! ฉันคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย’
ดาราเนตรรีบสลัดสะบัดไล่ความคิดบ้า ๆ ออกไปจากสมอง เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ชายหนุ่มอายุสามสิบกว่าจะยังไม่เคยมีแฟน คิดได้อย่างเดียว ไม่ใช้ชายแท้แต่เป็น...
น่าเสียดายจริง ๆ
“เนตร...ยายเนตร แกคิดอะไรอยู่นะฉันเรียกตั้งนานแล้วนะไม่เห็นตอบเลย” จารุชาเปลี่ยนจากร้องเรียกเสียงดังและเขย่าร่างเพื่อนซึ่งยืนเหม่อลอยจนไม่ได้ยินคำถามของเธอ
‘ถามจริง ๆ นะยายเนตร ไม่อยากจะเห็นหน้าฝาละมีในอนาคตบ้างหรือไงแก’
“หือ...เปล่า ๆ ไม่ได้คิดอะไร ว่าแต่แกเถอะ เสร็จจากบ้านฉันแล้วจะไปไหนต่อหรือเปล่า” ดาราเนตรโยนเรื่องที่กำลังหนักสมองทิ้งไปหาเรื่องคลายเครียดนอกบ้านดีกว่า ดูหนังฟังเพลงสักหน่อยพอให้สมองได้ผ่อนคลาย เผื่อจะมีความคิดดี ๆ กลับมาบ้าง
“เปล่า แกมีอะไรให้ฉันช่วยหรือไง” ถามอย่างนี้เชื่อได้เลยมีเรื่องไหว้วานอีกแน่นอน
“เปล่า อยู่บ้านคนเดียวมันน่าเบื่อ...มากเลย” บ้านหลังใหญ่ ที่มีเพียงแค่เธอกับคนทำงานบ้านอีกสองสามคน ขนาดกลางวันก็เงียบจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจ บรรยากาศยามเย็นจึงวังเวงจนคนที่กลัวผีอาจจะกลัวจนขี้ขึ้นสมองก็เป็นไปได้
“ไปหาอะไรทำกันดีกว่าไหม” ไม่ได้กลัวการอยู่คนเดียว แต่ตอนนี้มันเครียดจริง ๆ อยากหาอะไรทำ เพื่อจะได้ไม่อยากให้คิดมากจนกลายเป็นประสาทไปเสียก่อน
“อืม...ก็ดีเหมือนกัน จำได้ว่าวันนี้มีหนังเข้าใหม่ น่าดูเชียว”
ว่าแล้วจารุชาก็สอดมือคล้องแขนดาราเนตรเดินออกจากบ้านอย่างคนที่ไม่คิดอะไรมาก ต่อให้หนีสุดชีวิต แต่ถ้าเพื่อนเธอกับผู้ชายคนนั้นดวงสมพงศ์และเป็นเนื้อคู่กัน ยังไงก็หนีกันไม่พ้นอยู่ดีนั่นแหละ บางที...มันอาจจะเป็นชะตาลิขิต สร้างเรื่องให้คู่แท้ต้องพบเจอกับเรื่องไม่ดีเสียก่อน ทั้งคู่จะต้องจะต้องฝ่าฟัน เพื่อพิสูจน์ตัวเองพร้อมถักเกลียวเชือกความรักให้มั่นคงแข็งแกร่งก็เป็นได้ ในโลกนี้อะไร ๆ ก็ล้วนแล้วแต่ไม่แน่นอน อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
ชายหนุ่มยกกระเป๋าพายใบใหญ่ขึ้นหลัง ก่อนพาร่างสูงเพรียวก้าวลงจากรถสองแถวหน้าป้ายบอกชื่อบ้านเทเวศร์ ดวงตาคมกริบสีนิลล้อมกรอบด้วยขนตายาวและงอนอย่างที่สาว ๆ หลายคนเห็นแล้วต้องอิจฉาทอดมองเส้นทางเดินที่ทอดยาวไปจนสุดสายตาก็ยังมองไม่เห็นปลายทางที่เขาจะต้องเดินทางไป
“ท่าทางจะไกลไม่เบา”
ชายหนุ่มเหลียวมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นว่าจะมีรถผ่านไปมาให้ติดไปด้วยเลยสักคัน เขาคงจะต้องเดินฝ่าแสงแดดยามบ่ายที่ร้อนระอุจนตับแทบแตกนี้เข้าไปเสียแล้ว เขาแทบอยากจะหันหลัง กวักเรียกรถที่เพิ่งจะผ่านไปให้กลับมารับอีกรอบ แต่เมื่อนึกสิ่งที่จะต้องทำก็ต้องทำใจ
ชายหนุ่มออกเดินทางอย่างไม่รีบร้อน เส้นทางเดินที่ทอดยาวไม่ได้ทำให้เหนื่อยกายเลย แต่เหนื่อยใจกับการที่จะต้องตากหน้ามาสมัครงานในตำแหน่งสามีชั่วคราวของผู้หญิงสิ้นคิดบางคน
คิดแล้วมันก็น่าอายเหมือนกัน เป็นผู้ชายอกสามศอก ร่างกายก็ไม่ได้พิกลพิการเสียหน่อย แต่กลับจะต้องตากหน้ามาให้ผู้หญิงคนหนึ่งดูตัว เธอสนใจรับเขาทำงานในตำแหน่งสามีชั่วคราวหรือเปล่า
“ผู้หญิงบ้าอะไรก็ไม่รู้ เป็นน้องเป็นนุ่ง จะตีให้นั่งไม่ได้เลย”
แต่ก็นั่นแหละ...สุดท้ายเขาก็ต้องมาเพื่อให้เธอเลือกอยู่ดี
ชายหนุ่มขบกัดฟันจนแก้มนูน ดวงตาวาวจ้าและขึ้งเครียด เขาผ่อนลมหายใจเป็นเสมือนก้อนหินที่อัดแน่นอยู่ในปอดออกแรง ๆ ถ้าทุกอย่างผ่านไปได้อย่างราบรื่นก็ไม่เป็นไร เขาก็จะได้เงินก้อนใหญ่ แต่ถ้าไม่ผ่าน...คงต้องคิดหนัก ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดีกับอนาคตที่ค่อนข้างจะมืดมนหาทางออกไม่เจอดี
ชายหนุ่มเดินไปเรื่อย ๆ อากาศร้อนทำให้เริ่มรู้สึกกระหายน้ำขึ้นมา คิดว่าน่าจะหาที่เหมาะ ๆ เพื่อพักก่อน จนได้พบกับต้นไม้ใหญ่พอมีร่มเงาให้พักเหนื่อย
เพียงแค่เดินไปถึงเขาก็ทรุดตัวลงนั่ง พร้อมกับควานหาขวดน้ำพลาสติกที่จำได้ว่านำติดมาด้วยตอนจ่ายเงินออกจากร้านอาหาร ก่อนจะนึกออกว่าน้ำติดก้นขวดเขาดื่มหมดตั้งแต่อยู่บนรถโดยสาร ถ้าเป็นอย่างนี้ก็คงจะต้องเดินต่อไปจนกว่าจะเจอบ้านคนแล้วละ
ชายหนุ่มแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า หวังว่าจะมีเมฆมาบดบังแสงที่แผดจ้า เพื่อเขาจะได้รีบเดินไปให้พบบ้านคนให้เร็วที่สุด
สายลมพัดแผ่วพลิ้วพัดไล่ความร้อนทางกายไป เหลือเพียงความร้อนจากใจ ที่ไม่ว่าจะทำยังไงมันก็ไม่เย็นลงเลย มีแต่จะยิ่งร้อนแข่งกับแสงของพระอาทิตย์ที่แผดแสงออกมา
ชายหนุ่มนามปรมัตถ์เอนตัวอิงกับต้นไม้ คิดถึงผู้หญิงที่กล้าหาญลงประกาศหาสามีชั่วคราวลงในหน้าหนังสือพิมพ์แล้วชักอยากจะเห็นว่าหน้าตาเป็นอย่างไร จะไร้เสน่ห์จนไม่มีใครกล้ามาสู่ขอไปเป็นภรรยา แต่...ไม่น่าจะเป็นไปได้ อาจจะพวกรูปโฉมสะคราญ เป็นคนมีหน้ามีตาที่เผอิญเกิดพลาดพลั้งมีเหตุไม่คาดคิด
ท้อง! แล้วหาพ่อของเด็กในท้องไม่เจอ เพราะมั่วเปรอะไปหมด ครอบครัวยอมรับไม่ได้ เลยต้องหาทางแก้ไข หาใครสักคนมาเพื่อกู้หน้า ก่อนที่จะต้องแยกย้ายกันไป ทำนองว่าเข้ากันไม่ได้หรือความรักที่เคยมีมันหมดไปแล้ว
เพียงคิดว่าเป็นเช่นนั้น เขาก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อย