ตอนที่ 2

1454 Words
ตอนที่ 2 ดาราเนตรขึ้นมือขึ้นเกาศีรษะเบา ๆ ริมฝีปากอวบอิ่มโย้ไปเย้มา ดวงตาหลุบมองพื้นด้านล่างแล้วมองขึ้นไปบนเพดานห้องสลับผ่อนลมหายใจออกปากแรง ๆ อยู่หลายรอบ คิดจนสมองแทบจะแตกแล้วแต่ทำยังไงมันก็หาทางออกกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี่ไม่ได้เสียที “ฉันว่าแกตีตนไปก่อนไข้หรือเปล่ายายเนตร บางทีนายคนที่คุณตาเลือกมาเป็นเจ้าบ่าวให้แก อาจจะหนุ่มนิสัยดี หน้าตาหล่อเหลาเหมือนกับพระเอกละครไทย หุ่นมาดแมนแอ่นแฮนด์ซั่ม ละลายหัวใจสาวอย่างที่แกอยากได้ ก็ได้นะโว้ย” จารุชาลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่ง เดินมาหาเพื่อน ด้วยใบหน้าทะลึ่งตึงตัง นัยน์ตาพราวระยับอย่างคนที่ไม่ค่อยจะเคร่งเครียดกับเรื่องอะไร ‘ก็ไม่รู้ว่ามันจะเครียดไปทำไมนี่น่า ปัญหาทุก ๆ ปัญหาย่อมที่จะมีทางออกเสมอ ถ้าเราเร่งรีบที่จะหาทางแก้ไข หนทางมันก็ยิ่งตีบตันหาทางออกไม่เจอ ดังนั้นเราควรที่จะปล่อยวาง ทำใจให้สบายๆ ปล่อยให้สมองได้มีเวลาคิด เผลอ ๆ ไม่ต้องทำอะไรทางออกก็มีมาให้เห็นเองแหละ’ เพราะคิดอย่างนี้ เพื่อน ๆ จึงมักมีปัญหามาปรึกษาตลอด เพราะเธอมักจะมีมุมมองแบบแปลก ๆ ที่เรียกเสียงหัวเราะได้บ่อยครั้ง “บางทีนะเนตร ตอนที่แกผู้ชายคนนั้นครั้งแรก แกก็อาจจะตกตะลึง หัวใจสะดุดก่อนจะหลอมละลายกลายเป็นน้ำ เผลอเอนตัวไปแอบอิงซบกับแผ่นอกกว้างล่ำสันก็เป็นไปได้” จารุชากระเซ้าเพื่อนรัก พลางกลั้วหัวเราะคอเมื่อได้เห็นแก้มนุ่มมีสีแดงแต้ม “รูปร่างหน้าตาเขาอาจจะถูกใจ จนแกอยากเร่งวันแต่งงานและชวนเขาขึ้นเตียงก็ได้นะเพื่อน” จารุชายังคงหัวเราะคิก นิ้วเรียวลากไล้บนลำตัวกลมกลึงอวบอัดด้วยวัยสาวสะพรั่งอย่างหยอกล้อ “แกอยากให้เขาจูบหวาน ๆ แล้วก็ค่อย ๆ เร่าร้อนขึ้น อยากให้เขาจับตรงนี้...” พูดเสียงหวานเซ็กซี่ระคนแหบพร่า นัยน์ตากลมโตพราวระยับหยอก มือเล็กวางบนทรวงอกอวบ “ให้เขาจับ เขาจูบ แล้วก็...” “หยุดเลยนะยายจา...หยุดพูดไปเลย แกนี่ชักจะเพี้ยนใหญ่แล้ว ไม่มีใครคิดไม่เข้าท่าเหมือนแกหรอกยะ เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้ เก็บเอามาฝันเป็นตุเป็นตะ” ดาราเนตรตีมือเพื่อนเบา ๆ แม้จะเครียดสักเพียงไหน แต่ก็อดที่จะหัวเราะและส่ายศีรษะกับความคิดบ้อง ๆ ของคนเป็นเพื่อนไม่ได้ “แกหยุดพูดเล่นสักทีเถอะจา มาช่วยฉันคิดดีกว่า จะทำยังไงดี ฉันถึงจะมีลูกโดยที่จะไม่ต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น” ตามพินัยกรรมคุณปู่ระบุไว้ เธอจะไม่แต่งงานกับคนที่ท่านเลือกให้ก็ได้ แต่จะต้องมีลูกภายในหนึ่งปี ไม่ถึงกับจะต้องคลอดออกมาในเวลาที่กำหนดแต่จะต้อง... ท้อง!!! แค่คิดว่าจะต้องพุ่งยื่นออกมาและมีเด็กอยู่ในท้อง เธอก็ปวดศีรษะไปหลายตลบแล้ว แต่ก็ยังดีกว่าที่จะต้องมีสามีมาคอยบงการให้ทำโน่นนี่นั่น ถูกจำกัดลิดรอนสิทธิ์ จะไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวกสบายเหมือนคนตัวเปล่า ต้องกังวลอยู่ร่ำไป อันนี้พอทำใจได้นะ แต่กลัวจะมีเหตุให้มีเรื่องหึงหวง ทำให้อับอายขายขี้หน้าชาวบ้านต่างหากละที่เธอรับไม่ได้ ผู้ชายแต่ละคนนะหาดีได้เสียที่ไหน นิสัยดี ๆ หาคนหน้าตาดี ไอ้ที่พาไปวัดไปวาได้ไม่อายใคร ส่วนใหญ่ก็มีเจ้าของเสียแล้วทั้งนั้น ไอ้ที่หล่อ ๆ ส่วนใหญ่นิสัยหมาไม่รับประทานด้วยกันทั้งนั้น เจ้าชู้ พูดจาเลี้ยวลดยิ่งกว่าโค้งบนถนนที่เขาเรียกว่าโค้งร้อยศพเสียอีก ไม่นิยมอยู่กินแบบผัวเดียวเมียเดียว ต่อหน้าละก็ปากหวาน แต่ลับหลังสิ แช่งชักหักกระดูกให้ตายวันละหลายสิบรอบ แต่ถ้าไม่ทำตามที่พินัยกรรมกำหนดไว้ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดก็จะต้องกลายไปเป็นของพีชาริกาและพ่อ ซึ่งเธอยังพอทำใจได้จริง ๆ ...เน้นจริง ๆ เสียงอ่อย แต่ที่ทำใจไม่ได้ก็คือการที่จะต้องตกไปอยู่ภายใต้การปกครองของพีรัชบิดาของพีชาริกานั่นแหละ แก่จวนจะเข้าโลงอยู่รอมร่อ แต่ยังจะเป็นพวกเจ้าชู้ประตูดิน มือไวยิ่งกว่าทศกัณฐ์เสียอีก เห็นหน้าเห็นตาทีไร ชวนอาเจียนทุกที “ถ้าอย่างนั้นก็หาผู้ชายที่หน้าตาดูดีหน่อย” จารุชาผุดความคิดขึ้นแบบฉับพลัน หญิงสาวผุดลุกจากที่นั่ง วงหน้านวลผ่องก้มมองพื้น ปลายนิ้วยาวเรียวถูไถปลายคางมน “แบบว่าเช็คประวัติแล้วว่าไม่มีลูกไม่มีเมีย ร่างกายแข็งแรง ประเภทที่ว่าแบบว่าเปิดปุ๊บก็ติดปั๊บสักคนมานอนด้วยสิยะ แบบว่าครั้งเดียวก็ถึงเป้าหมายเลย ดีไหมล่ะแก” “อืม...” ดาราเนตรคิดตามคำพูดเพื่อนสาว ก่อนวงหน้ารูปหัวใจจะแย้มยิ้มระเรื่อ ดวงตากลมโตฉายแววสดใสแวววาวเหมือนกับลูกแก้วยามสะท้อนแสงไฟ “เออ...ความคิดนี้เข้าท่าดีเหมือนกัน ยอมเสียพรหมจารีที่หวงแหงนมาตั้งหลายสิบปี นอนกับผู้ชายสักคืนสองคืนเพื่อที่ฉันจะได้มีลูก แต่ไม่ต้องมีผัวให้มันวุ่นวายมีแต่เรื่องปวดหัว แถมไม่เปลืองเนื้อเปลืองตัวมากด้วย เริดสุด ๆ เลยละแก” “เอ่อ...” จารุชาอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง อึ้งกิมกี่ ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างระอา เพราะไม่รู้จะทำยังไงกับเพื่อนรักตรงหน้าดีแล้ว “แกคงไม่คิดจะทำอย่างที่ฉันพูดจริง ๆ หรอกนะเนตร” เธอเพียงแค่พูดประชด เพราะดูออกว่าคุณตารักดาราเนตรมากแค่ไหน เพียงแต่ท่านเป็นคนไม่ค่อยพูด อาศัยการกระทำเสียมากกว่า คราวนี้ก็เหมือนกัน จะต้องหาคนดี ๆ สามารถปกป้องคุ้มครองหลานสาวที่ท่านรักให้ปลอดภัยและอยู่อย่างมีความสุขได้ หากตอนนี้เธอได้แต่กลัดกลุ้มเพราะที่เพื่อนรักเห็นเป็นจริงเป็นจังไปกับคำพูดไม่คิดของตัวเอง เฮ้อ! “จริง เอาตามที่แกพูดมาเป๊ะเลยเพื่อนรัก” ร่างเล็กกลมกลึงผุดขึ้นยืนและเดินไปหาเพื่อนที่กำลังอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง วางมือทาบบนบ่ากว้าง “ขอบใจนะจา แกนี่ทั้งน่ารักและเก่งที่สุดเลยวะ อย่างนี้ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย” ดาราเนตรยิ้มหวาน นัยน์ตากลมโตพราวระยับ เมื่อพบทางออกของปัญหาที่ทำให้เธอกินไม่ได้นอนไม่หลับมาเป็นอาทิตย์แล้ว “และตอนนี้ก็ถึงเวลาหาทางทำให้ความคิดแก่เป็นจริง” หลังจากวันนั้นดาราเนตรก็ลงประกาศรับสมัครงานในตำแหน่งสามีชั่วคราว รายได้ดีมีสิทธิ์พิเศษ จนถึงวันนี้ก็ย่างเข้าสู่อาทิตย์ที่สองแล้วที่เธอต้องมานั่งสัมภาษณ์ผู้ชายที่ยื่นใบสมัครมาทำหน้าที่...ผลิตลูก! นับสิบคนแล้ว แต่ก็ไม่มีใครที่จะถูกตาและถูกใจสักคนเลย “แล้วแกจะทำยังไงต่อไป” จารุชาถาม พลางเอนกายอิงเบาะเก้าอี้หนังนุ่ม นิสัยดาราเนตรนั้นทั้งดื้อรั้นดันทุรังและชอบเอาชนะ ซึ่งผู้เป็นตาคงเห็นถึงข้อนี้...ถึงได้คิดหาผู้ชายมาดูแลพร้อมปราบพยศ เพราะถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ด้วยความอ่อนใสไร้เดียงสาปนเจ้าเล่ห์นิด ๆ แต่ก็ไม่ค่อยจะทันคน คุณตาเลยกลัวว่าจะมีใครมาหลอกลวงเอาได้ ก็นะ...มรดกที่ดาราเนตรได้รับมีมูลค่ามากมาย เรียกได้ว่าเป็นเศรษฐีนีย่อม ๆ ด้วยไร่ทุเรียนชะนีและหมอนทอง รวมถึงเงาะโรงเรียน แล้วไหนจะที่ดินในตัวจังหวัดซึ่งได้ให้คนเช่าทำอพาร์ตเม้นและศูนย์การค้า รวมไปถึงที่ติดแม่น้ำและตลาดอีกล่ะ “ก็...หาต่อไปไงแก เอาน่ามันต้องมีสักคนที่เข้าตา” ดาราเนตรลุกจากเก้าอี้เดินไปยืนอิงหน้าต่าง ยกแขนขึ้นสอดไขว้ระหว่างอก สอดส่ายสายตามองออกไปยังด้านนอกซึ่งเป็นสนามหญ้ากว้างขวาง ร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้ประดับต้นเล็กต้นใหญ่รวมไม้ดอกไม้ที่อวบสีสันสวยงามพร้อมส่งกลิ่นหอมยั่วหมู่แมลงให้เสาะแสวงหาน้ำหวาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD