ยามที่ได้รับสาส์นลับจากองค์ชายรอง หลิวฝานกวอดวงใจพลันตื้นตันนัก ความดีส่งผลให้เทพยดาฟ้าดินนั้นช่วยบุตรสาวของตนแล้ว สมดังเช่นชื่อของนางที่หมายถึงโชคชะตา ยามนี้องค์ชายรองออกหน้าช่วยนางแล้ว การสืบคดีทุจริตย่อมต้องฝากต่อไปยังองค์ชายรองแล้ว มิเช่นนั้นจะมิพ้นที่บุตรที่เหลือจะตกตายตามกันไป ยามที่ข้อมูลคดีทุจริตถูกส่งมา องค์ชายรองหน้าดำคล้ำเครียดเหมือนถ่าน และเร่งส่งไปต่อยังพระบิดาแห่งตน พระบิดาสั่งทหารลับเข้าไปรื้อจวนของหลี่กงลี่จนหมดทุกซอกมุม ทั้งยังค้นทุกห้องลับภายในจวน และสิ่งที่ค้นพบในห้องอักษร ก็เป็นมูลเหตุสำคัญของการสังหารหลี่กงลี่ องค์ชายรองถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาในทันที
และสิ่งที่ฮ่องเต้ค้นพบได้จากการสืบหาข่าวสารในครานี้ กลับน่าตกใจนัก บุรุษผู้สังหารหลี่กงลี่นั้นก็คือ ชายที่หลิวจิวอิงมอบผ้าเช็ดหน้าให้ไป และยังมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับบุตรีของเจ้ากรมคลัง ที่มีคู่หมายอยู่แล้วก็คือซ่งย่งอัน
ซ่งย่งอันใบหน้าคล้ำเขียว มินึกว่าสตรีของตนเองนั้นจะเป็นงูพิษร้ายเฉกเช่นนี้ บุรุษของนางนั้นคือนักฆ่าของสำนักฟ้าคราม ยามแรกซ่งย่งอันเพียงมองมิทันก็เพียงเห็นว่า หลี่กงลี่ล้มลงกับพื้นดินในตอนที่มีปากเสียงกันไปแล้ว แต่ทว่าเนื่องด้วยดวงตาของชายในชุดสีน้ำตาลนั้นอาฆาตมาดร้าย และคนผู้นั้นเดินสวนทางไปกับหลี่กงลี่ เช่นนี้แล้วย่อมหมายว่าถูกคนผู้นี้สังหารแล้ว แต่ในระหว่างเหตุนั้น คนของตนกับหลี่กงลี่ต่างมัวแต่จะตะลุมบอนกัน จนมีผู้คนบาดเจ็บมากมาย แต่มีเพียงหลี่กงลี่ที่ล้มลงเป็นคนแรก และถูกพบว่าตกตายลงไปเสียแล้ว ซ่งย่งอันจึงติดใจลึกๆในครานี้ ยามที่ถูกควบคุมตัวมายังต่างเมืองก็กรุ่นโกรธนัก
ยามที่ถูกควบคุมตัวมา ก็พบว่าองค์ชายรองสหายสนิทของหลี่กงลี่ติดตามมา และด่าทอกันทะเลาะเบาะแว้งกันใหญ่โต ตนจึงถูกองค์ชายรองหักนิ้วในคุกนั้น แต่ทว่านั่นก็มิมีอันใดนัก เพราะว่าตนถ่มน้ำลายใส่และยกเท้าถีบองค์ชายรองก่อน เพราะทะเลาะกันมาเนิ่นนานตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย ทั้งสามนั้นทะเลาะกันเพียงแย่งสตรีนางหนึ่ง ซึ่งมิใช่บุตรสาวของเจ้ากรมคลัง
ถ้าหากมิใช่หลิวจิวอิงนั้นเกิดกรีดร้องขึ้นมาเพราะกลัวเลือด องค์ชายรองคงมิไปมองใบหน้านาง และผู้คนทั้งหมดก็คงมิได้รับความยุติธรรมในครานี้ ต้องขอบคุณนางยิ่งนัก
ยามที่พ้นข้อครหาแล้ว วังหลวงสั่งประหารเจ้ากรมคลังในคดีทุจริต สั่งแยกคดีของบุตรีมาตีแผ่ให้ผู้คนรับรู้ ถึงความอำมหิตของนางที่สังหารสาวใช้ เพราะสาวใช้นั้นรู้ว่าตนเองลักลอบได้เสียกับคนรักเสียนานแล้ว และยามแท้ที่จริงนางพบว่าบุรุษนั้นเผลอเรอพกผ้าเช็ดหน้าของสตรีมาหานาง นางจึงสังหารสาวใช้ในยามที่สาวใช้นำมันมาให้นางดูด้วยความกรุ่นโกรธ คนรักของนางมาพบเข้า จึงเร่งนำศพนั้นมาทิ้งทำลายหลักฐานที่จวนสกุลหลิว เพื่อเร่งช่วยสตรีของตนเองโดยมิได้ไตร่ตรองให้ดีว่า หลิวจิวอิงนางหวาดกลัวเลือดนัก จนมิอาจแม้จะเชือดไก่ลงไปได้ ช่างน่าอนาถยิ่ง
ยามที่จบเรื่องราวทุกสิ่ง สิ่งที่ทำร้ายดวงใจของสตรีแทบทั้งเมืองหลวงก็เกิดขึ้นอีก องค์ชายรองผู้อ่อนโยน ละมุนละไม ประกาศขอพระราชทานหมั้นหมายกับบุตรีสกุลหลิว หลิวจิวอิง
ในงานปักปิ่นที่ล่าช้าไปของนาง ในด้วยเหตุผลว่าจากเหตุร้ายครานั้น หลิวจิวอิงพำนักในตำหนักเย่วหลิงเป็นเวลานานแล้ว เช่นนี้ผู้อื่นคงมิอาจตบแต่งนางได้อีกแล้ว จึงประทานการหมั้นหมายลงมาเสีย หลิวจิวอิงหน้าซีดขึ้นมาในทันใดที่ราชโองการนั้นมาถึง และมีขันทีนำปิ่นปักผมงดงามมาให้นางเสียถึงสามสิบอัน พร้อมด้วยข้อความขององค์ชายรองแนบมาด้วยในถาดนั้น
"ปิ่นทั้งหมดนี้ข้าส่งมาให้เจ้าในพิธีปักปิ่นเพื่อเจ้า หลิวจิวอิง ปิ่นทุกอันนั้นล้วนสร้างสรรจากฝีมือช่างผู้มีชื่อเสียงในอาณาจักรนี้ทั้งสิ้น เจ้าชอบอย่างใดจงเลือกเอาเถิดตามใจเจ้า ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เปิ่นหวางค้นหามาเพื่อเจ้า ยามนี้ข้าต้องไปต่างเมือง คิดถึงเจ้านัก กลับมาแล้วเจ้าคงเลือกปิ่นในนี้ซักอันหนึ่ง แล้วปักมันลงไปบนเรือนผมหอมๆของเจ้า ไว้ให้ข้าดูชม "
ผู้คนที่กำลังจะมาดูตัวนางต่างเสียดายไปตามๆกัน และถือโอกาสนี้เลี้ยงฉลองอวยพรการหมั้นหมายของนางเสียเลย ซึ่งในงานนี้ก็มีสุราอาหารประทานมาจากวังหลวงจนเป็นขบวนยาวเหยียด อาหารมีมากมายจนมารดาของหลิวจิวอิง และหลิวจิวอิงนำออกมาตั้งทำโรงทานแก่ชาวบ้าน และขอทานที่ผ่านไปมาเสียด้วย
"โอ...คุณหนูหลิวผู้งดงาม ยินดีกับท่านด้วย ท่านงดงามทั้งกายและใจนัก ที่เมตตาแก่เราเหล่าผู้ยากไร้ในยามนี้ "
ขอทานผู้หนึ่งกราบไหว้ท่วมหัว ยามรับอาหารแสนล้ำเลิศและผ้าห่มกันหนาวผืนหนึ่ง ยังจะมีเสื้อชุดหนึ่ง มอบลงมาจากมือของคุณหนูหลิวผู้งดงามอีกด้วย ดวงหน้ากลมแก้มป่องๆยิ้มละไม และเอ่ยอย่างใจดีนัก
"ท่านลุงเจ้าขา หากจะขอบคุณก็อวยพรให้องค์ชายรองเถิด อาหารและเสื้อผ้านั้นทรงประทานมาจากองค์ชายรองแทบทั้งสิ้น ส่วนข้าเองนั้นมีเพียงผ้าห่มผืนหนึ่งเท่านั้นเองเจ้าค่ะ เพราะเห็นว่าอากาศหนาวแล้ว คราแรกข้านั้นคิดว่าจะไปบริจาคที่วัดเฟิ่งหลุน แต่ยามนี้เหมาะสมนัก ท่านลุงผ่านมาพอดี ข้าน้อยผู้นี้ก็มิต้องไปไกลนักนะเจ้าคะ อันใดก็มีพรอันประเสริฐแล้วเจ้าค่ะท่านลุง"
"โอ ประเสริฐยิ่ง ขอให้คุณหนูยิ้มแย้มมีสุขเช่นนี้ตลอดไป คุณหนูผู้ใจงาม"
ร่างบางยืนห่มเสื้อกันหนาว ตากลมแจกสิ่งของทำทานจนแก้มแดงระเรื่อ ผู้คนเร่งเข้าไปรับสิ่งของ ให้นางเร่งกลับเข้าไปในจวนเพราะเป็นห่วงนาง เด็กสาวผู้มีจิตใจงดงามยิ่ง
ยามผ่านไปจากครานั้น องค์ชายรองก็หายหน้าไป หลิวจิวอิงมิพบองค์ชายรองจนแทบจะหลงลืมไปแล้ว มิคิดว่ายามที่นางพาสาวใช้เดินชมตลาด จะมีม้าตัวหนึ่งควบมาอย่างเร็วนำขบวนมา คราแรกนางหลบออกไปแล้ว แต่คราถัดมานางก็หวีดร้องลั่น เมื่อถูกมือหนาดึงลอยขึ้นไปในอากาศ และแก้มที่มีเคราสากๆก็กดลงมาบนบนแก้มของนาง และพานางตะบึงควบม้ามุ่งหน้าไปที่ตำหนักตน ปล่อยสาวใช้นางให้หวีดร้องวิ่งตามอย่างตื่นตกใจ จนผู้ติดตามขบวนต้องตะโกนไปว่านี้คือขบวนเสด็จขององค์ชายรอง สาวใช้จึงค่อยถอนหายใจลง และเดินกลับจวนไปเสีย
"คิดถึงข้าบ้างหรือไม่ ซาลาเปาน้อย "
หลิวจิวอิงเบ้ปากขึ้นมา ในยามถูกเรียกว่าแก้มซาลาเปา นางเบะปากขึ้นดวงตาโตและพองแก้มขึ้นมา ร่างหนาหัวเราะลั่น หอมนางแรงๆอีกครั้งหนึ่ง หลิวจิวอิงนิ่งแข็งค้างไปในทันใด ร่างหนาจึงรัดนางแน่นๆ ระดมหอมแก้มนางบนม้านั้น
"อา...ชื่นใจนัก กลับมาเหนื่อยๆ มีแก้มนุ่มๆ ก็ชื่นใจเสียจริงๆ "