ตอนที่ 4 ชื่อตอน จุดสามจุด

1387 Words
หลิวจิวอิงโดนกอดรัดแน่นเข้าไปในวงแขนแกร่ง ท่ามกลางขบวนม้าที่เร่งความเร็วนักจนไปถึงวังขององค์ชายรอง ยามที่มาถึงแล้ว ร่างหนาก็ทะยานขึ้น กระโดดลงไปที่หน้าตำหนัก โดยมีนางที่หวีดร้องลั่นในอ้อมแขนขององค์ชายรอง เย่ฉางเซียว ร่างหนาหิ้วนางเข้าไปในตำหนักของตน และวางนางลงบนเตียงนอนของพระองค์ ก่อนจะเดินนำหน้าสาวใช้ที่มาปลดผ้าให้พระองค์ ปรนนิบัติอาบน้ำให้หน้าตาเฉย หลิวจิวอิงหวีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย องค์ชาย ทรงมาเปลื้องผ้าเช่นนี้ทำไมที่ต่อหน้าหม่อมฉันเพคะ" หลิวจิวอิงหันหน้าหนีคว้าหมอนมาปิดหน้า ร่างหนาหัวเราะร่าในถังน้ำ มีนางกำนัลคอยสระผมให้ ถามไถ่ว่าน้ำร้อนดีหรือไม่ และถูกสั่งให้โกนหนวดเคราให้พระองค์ นางได้ยินทุกการสนทนานั้นอย่างชัดเจน ร่างหนาตอบคนรับใช้เบาๆ จวบจนขึ้นจากน้ำ ก็สั่งให้คนรับใช้ล่าถอยออกไปเสีย ร่างหนาสวมใส่ชุดคลุมบางๆเดินน้ำหยดพราว และถือผืนผ้าเช็ดเรือนผม เดินมานั่งเอนกายพิงที่ข้างนาง และรับสั่งให้นางปรนนิบัติเช็ดผมเสีย นางก็ค่อยๆทำอย่างแผ่วเบา จวบจนแห้งดีแล้ว ก็ลุกไปหยิบหวีมาสางผมให้องค์ชายรอง กลิ่นหอมล่องลอยมา หลิวจิวอิงใจเต้นตึกตัก หัวใจกระเด็นกระดอนไปมาอยู่ในอกตน "เปิ่นหวางหายไปเสียนาน คู่หมั้นของเปิ่นหวาง เจ้าคิดถึงเปิ่นหวางหรือไม่เล่า " หลิวจิวอิงสะดุ้ง นางจะเอ่ยได้เยี่ยงไรว่านางหลงลืมพระองค์ไปเสียได้ นานจนนางลืมไปเสียสนิทใจว่ามีพระคู่หมั้น เป็นองค์ชายรองผู้นี้ นางแค่นยิ้มแหยๆและทำตาหลุกหลิก องค์ชายรองส่งสายตาคมกริบมาสู่นาง หุบรอยยิ้มลงและดึงนางขึ้นมาบนตัก "เจ้าบังอาจหลงลืมข้าได้เช่นนั้นหรือ เช่นนี้ต้องลงโทษให้หลาบจำ " แล้วริมฝีปากนุ่มก็หอมแก้มนาง นางหรี่ตาหนีเบาๆ หัวใจเต้นตึกตัก ริมฝีปากนุ่มกับกลิ่นหอมสดชื่นล่องลอยมา ริมฝีปากนุ่มกดบนเปลือกตานาง นางหลับตาลง ริมฝีปากนั้นก็ย้ายลงบนจมูก ก่อนจะขยับลงมาที่แก้ม นางขืนกายน้อยๆ มือหนาก็รวบมือนางทั้งสองเข้าในอกแกร่ง มือหนาประคองเรือนผมนาง ดึงเบาๆจนนางหงายใบหน้าขึ้น และริมฝีปากนุ่มก็ทาบทับลงมา และบดขยี้ปลายลิ้นรุกรานลงควานลงมาในปากของนาง นางเบิกตาขึ้นอย่างแตกตื่น แต่ดวงตาที่มีแพขนตาชิดใบหน้านางกลับหลับลง และรุกรานนางอย่างตั้งใจนัก ร่างบางสั่นระริกในอ้อมแขนแกร่ง หอบหายใจถี่กระชั้นคล้ายจะหมดลม ร่างบางร่วงผลอยลงอย่างหมดแรง ดวงตาคมไหวระริกยิ้มเยาะนาง "คราหน้าถ้าบังอาจหลงลืมข้าอีกล่ะก็ ข้าจะกินเจ้าเสียให้หมดตัวเสียเลย" ร่างบางซบลงไปบนอกแกร่ง และพบว่าบนอกกำยำนั้น มีจุดสีแดงสามจุดบนอกแกร่ง นางเร่งเก็บสายตากลับไปในทันใด ที่พบจุดสีแดงในร่มผ้าในยามปกติของบุรุษเพศ หากมีผู้ใดปลอมตนมานางคงบอกได้กระมัง ว่าพระองค์แตกต่างจากผู้อื่นในที่ใด นางหน้าแดงมากขึ้น คิดฟุ้งซ่าน แต่อกแกร่งและผืนผ้าที่คล้ายจะหลุดออกมิหลุดออก ช่างนำสายตาของนางไปนักนะ นางอับอายมากเสียจริง องค์ชายรองมาส่งนางด้วยตนเองจนถึงที่จวน ยามลงจากม้าได้นางก็วิ่งหนีไปโดยพลัน องค์ชายรองสรวลลั่น และควบม้าไปอย่างคึกคะนอง ผู้คนมองตามอย่างสนใจนัก "มิใช่องค์ชายรองนั้นสุภาพอ่อนหวานเช่นนั้นหรืออย่างไร ยามนี้ผู้คนพบเพียงแค่บุรุษคึกคะนองผู้หนึ่ง ช่างน่าแปลกยิ่งนัก " ผู้คนขบคิดในใจตนและมิได้คิดอันใดอีก มินานก็หลงลืมไป "วู้ว นางน่ารักยิ่ง ฮ่า ฮ่า ฮา” ร่างคมคายยิ้มและยกฝ่ามือไล้ไปมาที่ริมฝีปากของตนเอง และควบม้ามุ่งไปที่วังหลวง ก่อนจะถึงวังหลวงก็กระแอมเบาๆ ลดความเร็วม้าลง ค่อยๆบังคับม้าเหยาะย่างอย่างมีสง่าราศรีนัก ผู้คนล้วนชื่นชมยิ่ง ยามเข้าถึงวังหลวงผู้คนก็หมอบคลานลงแทบเท้า เคารพนบนอบพินอบพิเทานัก "ถวายบังคมองค์ชายรองพะยะค่ะ " ใบหน้าคมเรียบเฉยโบกพระหัตถ์เบาๆ และก้าวเข้าไปสู่ตำหนักชั้นใน ในทันใด "ฮ้าวว พระเชษฐา กระหม่อมมารอพระองค์นานนักแล้วพะยะค่ะ " "เจ้ามิควรทำท่าทางเกียจคร้านเช่นนั้นต่อหน้าผู้อื่น ผู้ใดมาพบเข้าจะมิดีนัก " "หึ หึ กระหม่อมก็แสร้งเป็นพระองค์ก็หมดสิ้นไปพะยะค่ะ มิมีผู้ใดแยกเราทั้งสองออกได้เป็นแน่พะยะค่ะ" ร่างหนาดีดนิ้วลงแรงๆที่หน้าผากของอนุชาตนและก้าวเท้าหายไปทันที ดวงตาของอนุชาอ่อนแสงลงลูบหน้าผากตนเองเบาๆหัวเราะคิก "เสด็จพ่อลูกกลับมาแล้วพะยะค่ะ " "อืม..ได้เรื่องอันใดมาบ้างในยามนี้ " "ค่ายทหารนั้นมิมีอันใดที่น่าเป็นห่วงนักในยามนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือยุ้งฉางข้าวและสันเขื่อนมีรอยร้าวพะยะค่ะ อีกมินานเพียงฝนตกลงมา น้ำจะไหลหลากลงมาขวางกั้นกองทหารกับเมืองหลวง เช่นนี้เราต้องเร่งซ่องสุมกำลังผู้คนจากทัพอื่น มาตระเตรียมเพื่อป้องกันเหตุในเมืองหลวงพะยะค่ะ กระหม่อมยังมิแน่ใจนักว่าจะปลอดภัยดีหรือไม่ในยามนี้ " "อืม...ทำตามแผนของเจ้าเถิด บิดาจะวางแผนช่วยประชาชน ด้านกองทหารนั้นบิดามั่นใจในตัวเจ้า การช่วยเหลือผู้คนก็จงให้เจ้ารองขบคิดไป สมองของเจ้ารองมีเรื่องราวมากมายนัก เช่นนั้นควรนำมาใช้เสียบ้าง มิให้มันผุพังไปเร็วนัก " ใบหน้าคมยกยิ้มบางๆขยับเข้าไปกอดรัดบิดาของตน อย่างออดอ้อนกระซิบเบาๆ "เสด็จพ่อลูกอยากกินนางลงท้องนัก อีกนานเท่าใด ลูกจะบอกความจริงแก่นางได้กันเล่าพะยะค่ะ" "รอให้ผ่านพ้นฤดูฝนนี้ไปเสียก่อน หากมิมีเหตุอันใด บิดาจะประกาศอย่างเป็นทางการขึ้นมาอีกคราหนึ่ง ยามนี้ก็ให้นางหมั้นหมายกับผู้อื่นเสียแต่ในนาม ยามที่แต่งเข้ามาในวังหลวง ฐานะของนางย่อมต้องต่างกันออกไป นางนั้นเข้าใจผิดเอง เช่นนั้นก็ช่วยอันใดมิได้หรอก " " จะโทษผู้ใดได้กันเล่า เจ้าและบิดาก็มิมีผู้ใดผิดทั้งสิ้น แต่หากนางชอบเจ้ารองไปเสียแต่แรกพบในคราแรก เจ้าคงต้องขบคิดใหม่อีกคราหนึ่งแล้วในยามนี้ " " แต่อันใดทุกสิ่งในกายเจ้าก็คล้ายคลึงกันมากนัก นางคงมิมีทางผิดหวังที่ใด แต่เพียงอาจจะดีใจเสียด้วยซ้ำ หรือนางอาจจะตกใจยิ่งนัก บิดาก็จะรอดูชม" "ฮ่า ฮ่า พระบิดาช่างเป็นตัวอย่างที่ดียิ่งนักนะพะยะค่ะ" "ฮ่า ฮ่า เช่นนี้ผู้คนจึงบอกได้ว่า ลูกไม้นั้นย่อมมิไกลต้นอย่างไรนักเล่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า" สองร่างสรวลร่าเหล่าขันทีต่างกุมหัวกันโดยพลัน ว่าที่พระชายาจะรู้อันใดกันบ้างหนอ นางคงยังมิรู้อันใดเป็นแน่แท้ จนกว่าจะตบแต่งเข้ามาในวังหลวง และถึงยามนั้นนางคงตื่นตกใจมิน้อย ฐานะองค์ชายทั้งสองนั้นแตกต่างกันยิ่งนัก ผู้หนึ่งคือองค์รัชทายาท ผู้หนึ่งคือองค์ชายที่สองแห่งอาณาจักร แม้จะเป็นฝาแฝด แต่ผู้ที่มีฐานะสำคัญนักย่อมคือองค์ไท่จื่อเย่วหยางเซียว แม้พระนามยังคล้ายคลึงกันจนแยกแทบมิออก "เช่นนี้พระชายาในอนาคต คงสนุกสนานยิ่งเป็นแน่แท้แล้ว หึ หึ หึ "
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD