พี่ชาย [My Brother]
บทที่ 4
ในที่สุดวันพุธที่รอคอยก็มาถึง วันนี้ฉันตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อลุกขึ้นมาแต่งหน้าเบาๆ (รองพื้นหน่อย เขียนคิ้วนิด ปัดแก้มเบาๆ) ปกติเป็นคนไม่แต่งหน้าแต่วันนี้พิเศษหน่อยเพราะต้องไปถ่ายรูปกับพี่เมษประธานนักเรียน (คือแบบถ่ายตอนเลิกเรียนปะ) ตลอดทั้งวันอเป็นไปด้วยความตื่นเต้น รอเวลาเลิกเรียนอยู่ตลอด มือกับตาก็สามัคคีกันอยู่ที่โทรศัพท์ วันนี้ฉันขอป้าไว้ว่าจะทำงาน (ไอ้เด็กขี้โกหก) เดี๋ยวจะหาทางกลับเอง ป้าก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ขอว่าอย่าดึก คณิต สังคม อังกฤษ ดนตรี ผ่านไปอย่างเหม่อลอย วันนี้เรียนอะไรบ้างไม่ได้อยู่ในสมองเลย ใจมันวนเวียนคิดแต่เรื่องเย็นนี้ แถมเรายังแอบคุยกันตอนเรียนด้วยนะ
พี่เมษ : กินข้าวกับใคร // พี่เมษถามฉัน ทำไมจะมากินด้วยรึไง ฮิ้ววว (ไม่กล้าตอบหรอก คิดเอาเล่นๆ)
ฉัน : กินคนเดียวค่ะ
พี่เมษ : ไม่มีเพื่อนหรอ // อันนี้ถามหรือหลอกด่าวะ มันทะแม่งๆ
ฉัน : ยังไม่ค่อยสนิทกับใคร
พี่เมษ : อ่อ พี่ไปกินก่อนนะ มีประชุมตอนเที่ยง // เอ้าเราก็นึกว่าจะชวนไปกินด้วย แต่ช่างเหอะ เย็นนี้ก็เจอกันแล้ว คาบเรียนช่วงบ่ายดำเนินไปอย่างล่าช้า ฉันอยากจะมีเครื่องมือเร่งเวลาให้มันผ่านๆ ไปสักที (เออพอได้เหมือนกันว่ะนางเอก แรดพอได้ 555)
ในที่สุดเวลาที่เฝ้ารอคอยก็มาถึง
พี่เมษ : พี่รออยู่สนามบอลนะ// พี่เมษทักมาบอกพิกัดฉันก็รีบไปทันที ไปถึงก็เจอพี่เค้านั่งถือกล้องรออยู่บนแสตนเชียร์แล้ว
ฉัน : รอนานมั้ยคะ
พี่เมษ : ไม่อะ พี่ก็เพิ่งถึง // พี่เมษตอบพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง จนตาหยี งื้อออ น่ารักจัง
พี่เมษ : ไหนลองขึ้นมานั่งตรงนี้หน่อย // พี่เค้าชี้ให้ขึ้นไปนั่งบนสแตนเชียร์ อีนี่ก็เก้ๆ กังๆ ขึ้นไปนั่งแบบเหวอๆ (คนไม่เคยเป็นนางแบบนี่หว่า)
พี่เมษ : เอ่อ...น้องครับ ยิ้ม...ยิ้มหน่อย // หน้าพี่เมษดูเหวอกว่าฉันอีกอะ อะๆ ยิ้ม
พี่เมษ : เอ่อ...เอาแบบ ยิ้มธรรมชาตินะ ไม่ต้องเกร็ง // ไม่เกร็งไงวะ พี่หล่อขนาดนั้น ยิ้มไงวะยิ้มธรรมชาติ
พี่เมษ : แอคท่าหน่อยนะ อันนี้มันเหมือน...ถ่ายบัตรประชาชนเลย // พี่พูดตรงมากนะคะ เออนั่นแหละก็อย่างที่บอก คนมันไม่เคยถ่ายแบบ ฉันเลยนึกท่าของยัยน้ำขิงตอนที่เคยถ่ายรูปให้แล้วงัดออกมาไฟท์กับเลนส์กล้องพี่เมษ
พี่เมษ : เอ่อ...พี่ว่า ท่ามัน...ดูล้นๆ ไปนะ // โว้ยยยถ่ายรูปทำไมมันยากนักวะ รู้งี้ไม่เอาแม่งก็ดี ทำไมเวลาน้ำขิงถ่ายไม่เห็นมันจะยากเลย สวยกว่าตัวจริงอีกต่างหาก
ฉัน : มีนว่าพี่เมษหาคนอื่นดีกว่า มีนไม่ถนัดเลย // ก็ต้องตัดสินใจบอกพี่เค้าไปตรงๆ แหละ
พี่เมษ : เอาน่า... // แล้วพี่เค้าก็เดินขึ้นมาพร้อมกับจัดการวางท่าทางให้
พี่เมษ : งั้นไม่ต้องมองกล้อง ถ่ายมุมเผลอๆ เอาละกัน ทำหน้านิ่งบ้าง ยิ้มบ้าง เวลายิ้มให้คิดถึงหน้าพี่นะ // โอ้ยทำไมขี้อ่อย ฉันก็ทำตามที่พี่เค้าบอก ง่ายกว่าเยอะเลย
เราก็ถ่ายกันไปเรื่อยๆ ตามมุมต่างๆ ในโรงเรียนที่แล้วแต่พี่เมษเค้าจะพาไปนั่นแหละ ถ่ายจนแบตหมดอะ เสร็จแล้วก็พากันไปกินก๋วยเตี๋ยวแถวโรงเรียนนั่นแหละ
พี่เมษ : ร้านน้ำปั่นปิดอะไว้วันหลังเนาะ วันนี้กินก๋วยเตี๋ยวไปก่อน // กินกับพี่อะกินขี้ก็กิน
พี่เมษ : อืม... ดูเราเป็นคนไม่ค่อยพูดนะ ไม่เห็นจะค่อยพูดอะไรกับพี่แหละ // หนูเขินพี่ ในใจนี่มโนอยู่ทุกวินาที
ฉัน : เอ่อ... มีนเข้าสังคมไม่ค่อยเก่งอะค่ะ
พี่เมษ : เออว่าจะถาม เราเกิดราศีมีนหรอ
ฉัน : ป่าวค่ะ เกิดราศกุมภ์
พี่เมษ : แล้วทำไมชื่อมีนอะ // มันจำเป็นด้วยหรอวะที่เกิดราศีกุมภ์แล้วจะชื่อมีนไม่ได้
ฉัน : แม่กับพ่อเกิดราศีมีน // แต่เหตุผลของพ่อแม่ฉันก็ออกมาจากเหตุผลพี่เมษไม่ไกลเลย
ฉัน : แล้วพี่เมษอะ เกิดราศีเมษหรอ
พี่เมษ : อื้อ ใช่พี่ถึงคิดว่ามีนเกิดราศีมีนไง // อ่อ เราก็คุยอะไรกันเรื่อยเปื่อย พี่เมษแม่งมีเสน่ห์มากจริงๆ อะ ยิ่งรู้จักยิ่งหลง ยิ่งได้คุยด้วยยิ่งชอบ ฉันรู้สึกว่าหัวใจเค้นแรงมากตอนที่อยู่กับพี่เค้า พอกินเสร็จพี่เมษก็ขับรถมาส่งฉันแต่ฉันให้รอดหน้าหมู่บ้าน กลัวยัยน้ำขิงเห็นแล้วจะเป็นเรื่องอีก
พี่เมษ : ขอบคุณนะ แล้วพี่จะส่งรูปให้ในเฟส
ฉัน : มีนดิต้องขอบคุณพี่ที่มาส่ง
พี่เมษ : พี่พาเรากลับบ้านมืดเลยเนี่ยไม่มาส่งไม่ได้หรอก // แล้วเราก็ต่างคนต่างเงียบ ทั้งที่ยืนอยู่อย่างนั้น
พี่เมษ : เอ่อ..
ฉัน : คะ // พี่เมษเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ไม่กล้า อย่าบอกนะว่าจะสารภาพรัก เห้ยพี่เร็วไปป่าว รู้จักกันยังไม่ถึงอาทิตย์เลย
พี่เมษ : ถ้าพี่ทำอะไรผิดไปพี่ขอโทษนะ // จู่ๆ ก็มาขอโทษคืออะไรอะ ใจฉันมันเต้นตุ้บๆ อย่างบอกไม่ถูก พี่เค้าต้องการจะบอกอะไรอะ ทำไมอยู่ๆ มาพูดแบบนี้
ฉัน : เรื่องอะไรอะพี่
พี่เมษ : เอ่อ...ตอนถ่ายรูปไง ถ้าพี่ว่าอะไรเราแรงไป หรือไปแตะต้องตัวเรายังไงพี่ขอโทษนะ// อ่อ...เรื่องแค่นี้เอง พี่เค้าดูเป็นคนสุภาพมากจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะมีผู้ชายแบบนี้เฉี่ยวเค้ามาในชีวิตฉันด้วย
พี่เมษ : งั้น...พี่กลับก่อนนะ
๊ฉัน : ขับรถดีดีนะคะ
พี่เมษ : ครับ เราก็เดินกลับบ้านดีดีนะ ถึงบ้านแล้วทักมาบอกพี่ด้วย
ฉัน : พี่ก็เหมือนกันนะ // ฉันยืนดูพี่เมษขับรถออกไปจนสุดสายตา
น้ำชา : มีน!! // ฉันสะดุ้งโหยงพอได้ยินเสียงที่ดังมาจากข้างหลัง
ฉัน : น้ำชา...
น้ำชา : ทำไมมากับมันอะ แล้วมืดแล้วด้วย อันตรายนะรู้มั้ย
ฉัน : ชาฟังเราก่อนคืองี้...
น้ำชา : มีนไปรู้จักกับไอ้เมษได้ไงอะ
ฉัน : ชา!!!! // ฉันเผลอตะคอกใส่ชาเพราะเริ่มโมโหที่มันไม่ฟังฉันเลย
ฉัน : พี่เขาชวนเราไปถ่ายรูป ถ่ายเสร็จพี่เค้าก็มาส่ง แค่นั้นเอง
น้ำชา : รูปอะไร ถ่ายที่ไหน ทำไมมันไม่ส่งให้ถึงบ้าน //น้ำชาดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนมากกับเรื่องนี้
ฉัน : ถ่ายรูปเรานี่แหละ ถ่ายในโรงเรียน เราเป็นคนขอให้พี่เค้าส่งตรงนี้เอง
น้ำชา : ระหว่างดีกับมีนนะเว้ย ที่เรามายุ่ง ก็เพราะว่าเราเป็นห่วงมีน ไม่อยากไปยุ่งกับคนเหี้ยๆ แบบนั้นอะ // คนเหี้ยๆ ? คนแบบนี้อะนะเหี้ย? ยังไงวะเนี่ย
ฉัน : ชาอคติอะไรกับเค้ารึป่าว
น้ำชา : มีนเพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันมีนไม่รู้อะไรหรอก // เราพูดกันไปแล้วก็เดินกลับบ้านไป ออกมาวิ่งรอบหมู่บ้านพอดีก็เลยเจอเรากับพี่เมษ สิ่งที่เธอพูดทำให้เราเริ่มกลัว เรามัวแต่มองพี่เค้าว่าน่ารัก จนไม่ได้คิดอย่างอื่นเลย มันก็จริงอย่างที่น้ำชาบอก เรากับพี่เขาเพิ่งรู้จักกันไม่นาน มันก็ไม่แปลกถ้าเราจะเห็นแต่ด้านดีๆ
ตึ้งงงง~
-พี่เมษ-
พี่เมษ : พี่ถึงบ้านแล้วนะคะ เราอะหายไปเลย // จริงๆ ฉันถึงบ้านสักพักใหญ่ๆ แล้ว แต่พอมาคิดเรื่องที่ชาพูดมันก็เลยเถิดกัรไปไหน ลังเล กลัว สับสนไปหมด
ฉัน : พอดีมีนลืมอะขอโทษนะคะ // ความอยากคุยด้วยมันลดฮวบไปเลย
พี่เมษ : งั้นพี่นอนก่อนนะ ฝันดีนะคะ //
คืนนี้ก็ไม่ได้คุยกันไปเลย ฉันก็ยิ่งคิดไปอีกว่าพี่เค้าอาจจะแค่เฟรนลี่แล้วเป็นฉันเอง ที่คิดมากไปเอง