...นางก้าวผิดไปหรือนี่...
"นี่เงิน...ไปเอาเลือดเน่าๆ นั้นออกเสีย"
เหวินเซี่ยโยนถุงใส่เงินเฉียดใบหน้าของหลัวเหม่ยฉีไปเพียงปลายเส้นผมเท่านั้น
"แก...เจ้าคนสารเลว"
...เพี๊ยะ...
“นั่งบ้าเอ๊ย! กล้าตบข้าหรือ"
ฝ่ามือเล็กฟาดเข้าใบหน้าหล่อเหลาอย่างถนัดถนี่อีกคราวเป็นเหตุให้ความอดทนของคุณชายรองแซ่เหวินสิ้นสุดลงในทันที
...เพี๊ยะ...
เหวินเซี่ยจิกเส้นผมนุ่มแล้วง้างฝ่ามือแกร่งสุดแขนจากนั้นลงแรงตบลงไปเต็มที่ เป็นเหตุให้กายเล็กของหลัวเหม่ยฉีกระเด็นไปกองยังพื้นทันใด
"อย่านึกว่าข้าจะโง่งมจนมิรู้ว่าก่อนมีจะมามอบกายให้เจ้านั้นเคยผ่านผู้ใดมาบ้าง... คิดตั้งท้องแล้วจะจับข้าให้เป็นสามีได้อย่างนั้นหรือหลัวเหม่ยฉี นังสตรีไร้ยางอาย"
นิ้วเรียวยาวชี้หน้าคนที่เพิ่งหันกลับมามองเขาด้วยแววตาเจ็บปวด
"ข้าจะไปร้องเรียนยังกรมอาญาว่าเจ้ามันไร้ความเป็นคน"
เพราะนางยังเด็กความคิดและคำพูดจึงมิไตร่ตรองให้ถ้วนถี่
"ก็เอาสิถ้าเจ้ามีความกล้าไปพูดข้าก็จะให้คุณชายทั้งหลายที่เคยซื้อบริการของเจ้าผ่านป้าจางเช่นกัน เมื่อถึงยามนั้นก็มาลองดูกันว่ามีหลักฐานของเจ้าหรือของข้าแน่นหนากว่ากัน อยากจะรู้เช่นกันหากลุงของเจ้ารู้เรื่องความเหลวแหลกนี้ยังจะยินดีให้เจ้าและน้องสาวของเจ้าได้พึ่งพาอาศัยอยู่ต่อไปอีกหรือไม่!”
...มันช่างเป็นคำพูดที่กรีดหัวใจของหลัวเหม่ยฉีเสียเหลือเกิน...
และเมื่อกล่าววาจาไร้สกุลจบ เหวินเซี่ยก็คว้าถ้วยน้ำชาของเขาราดลงบนศีรษะหญิงสาวอย่างมิสนใจสายตาของผู้คนที่เริ่มจะเข้ามามุงดูว่ายามนี้เกิดอันใดกันขึ้น...
แล้วก็โยนตั๋วเงินราวสิบกว่าใบใส่หน้าหลัวเหม่ยฉี ก่อนจะเดินหนีไปโดยไม่สนใจไยดี ทั้งสตรีผู้นี้คือคนที่เมื่อสามสี่เดือนก่อนเขายังเฝ้าพร่ำหาแต่คำฝากรัก ทว่าวันนี้กลับทำเหมือนนางคือเศษขยะไร้ค่าชิ้นหนึ่งเพียงเท่านั้นสาวน้อยคล้ายรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงของเล่นชิ้นหนึ่งที่เหวินเซี่ยเล่นจนเบื่อหน่ายก็โยนทิ้งแบบมิมีแม้ความรู้สึกผิดสักนิดทั้งที่ตนเองเอ่ยคำสั่งฆ่าลูกเลือดที่เป็นเนื้อเชื้อไขของเขาเองโดยแท้...
หลัวเหม่ยฉีนางนั่งช็อกนิ่งค้างไปพักใหญ่ก่อนที่น้ำตาของนางจะค่อยๆ เอ่อล้นเบ้าตาออกมาช้าๆ โชคยังดีที่วันนี้ตนเองแต่งตัวปิดหน้าปิดตาเพราะที่นี่เป็นผู้คนที่เข้ามาล้วนเป็นคนมีฐานะทั้งสิ้นจึงต้องป้องกันตนเองเอาไว้ก่อน หาไม่เรื่องราวเกิดแตกแล้วรู้ไปถึงหูของผู้เป็นลุงมิใช่เพียงนางที่จะลำบากเพียงเท่านั้น เพราะน้องสาวฝาแฝดของตนหลัวเหม่ยเหยานางก็จะมิพ้นภัยไปด้วย หากเรื่องที่นางตั้งท้องก่อนตกแต่งแดงออกไป
นางรักเขาสุดหัวใจและคิดหวังฝากชีวิตกับเขาแต่มันก็เพียงแค่การหลอกลวงนางหวังเพียงเอาความสนุกชั่วครั้งชั่วคราวเพียงเท่านั้น
แล้วจะทำเช่นไร ทั้งท่านลุงและท่านป้าสะใภ้ต้องกระทืบนางจนจมพื้นดินเสียเป็นแน่ หากรู้ว่านางปล่อยตนเองตั้งท้องโดยไร้บิดาเช่นนี้ ส่วนน้องสาวฝาแฝดที่เกิดทีหลังนางเพียงหนึ่งชั่วยามทว่าความคิดกลับน้อยกว่านางราวสามถึงสี่หนาวนับแต่นางตกใจกับภาพโจรบุกปล้นฆ่าบิดามารดาสิ้นใจอนาถนอกจากหลัวเหม่ยเหยาจะซื่อบื่อแล้วยังออกจะโง่งมเกินไปอีกด้วย นางล้วนไปขอคำปรึกษาด้วยมิได้อย่างแน่นอน หลัวเหม่ยเหยานางมีแต่ความคิดที่ ซื่อตรงเกินไป ซื่อตรงจนกลายเป็นโง่งม หากนำเรื่องนี้ไปบอกเล่า เกรงว่าน้องสาวฝาแฝดอาจนำไปบอกแก่ท่านลุงเป็นแน่ หลัวเหม่ยเหยาความคิดยังเป็นเด็กน้อยเกินไป
หลัวเหม่ยฉียืนทอดสายตามองเหม่อไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายภายในใจนางในยามนี้มองมิพบเจอทางออกเลย ด้วยวัยของนางยังเด็กนักขาดคนช่วยแนะนำ ทุกอย่างเริ่มประเดประดังถาโถมเข้าใส่จนสาวน้อยวัย15 หนาว มึนงงและคิดอะไรไม่ออกเอาเสียเลยต่อให้ตลอดมานางต้องคอยปกป้องน้องสาวฝาแฝดปัญญาทึบแต่เหตุการณ์ตรงหน้ามันร้ายกาจเกินกว่าที่นางจะแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง
เพราะต้องลำบากนับแต่บิดามารดาตายจาก เพราะต้องถูกข่มเหงมานับสิบหนาว อยากได้อันใดนางและน้องสาวมิเคยได้ตามที่หวัง ผิดเพียงเล็กน้อยก็ถูกท่านป้าสะใภ้ทั้งทุบทั้งตี บางครั้งจับพวกนางสองพี่น้องขังสามวันสามคืนมีเพียงน้ำให้ดื่มดับความโหยหิว แล้ววันนี้ทุกอย่างที่นางคิดว่าตนเองสร้างมากับมือต้องมาพังลงเพราะความรักและไว้ใจ พังลงไปจนสิ้นแล้วความหวังหนึ่งเดียวของนาง
สาวน้อยน้ำตาตกด้วยมิรู้จะผ่านจุดนี้ไปได้อย่างไร เพราะอ่อนด้อยเกินไปประสบการณ์ก็ยังไม่แกร่งกล้ามิเพียงพอ อีกทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ ก็ยังต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ดังนั้นปัญหาวันนี้และยามนี้ สาวน้อยมิอาจรู้ได้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งผู้ใด หรือขอคำแนะนำจากใครได้อีกแล้ว....
...ทำแท้ง!
แล้วภาพของสตรีที่นางเคยพบเห็นยามที่ตนเองเคยเข้าไปหาท่านป้าจางเพื่อขอความช่วยเหลือในบางสิ่งก็เริ่มหวนคืนเข้ามาในหัวทีละคน...ทีละคน...ในช่วงสองถึงสามหนาวที่นางวิ่งเข้าวิ่งออกยังตรอกย่งตันแห่งนั้น บางคนเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่ จากที่พวกนางมิอยากให้เรื่องรู้ไปถึงคนในครอบครัวสุดท้ายกลับออกผลมาตรงกันข้ามยามที่พวกนางบางคนเกิดโชคร้ายแล้วตกเลือดอย่างรุนแรง แต่อย่างน้อยพวกนางก็มีบิดาและมารดาคอยช่วยเหลือในท้ายที่สุด
...แล้วหากเป็นนางเล่า? ...
นางมิได้มีบิดามารดาคอยช่วยเหลือเช่นสตรีตระกูลใหญ่เหล่านั้น และหากท่านลุงของนางรู้เรื่องในท้ายที่สุดหลัวเหม่ยฉีนางมองเห็นเพียงหนทางตายเท่านั้น!
...ตายหรือ? ...
จริงสินะหากต้องทนอับอายเช่นนั้นนางยินดีตายไปคงง่ายกว่า
นี่กระมังที่เขาว่าเด็กจะคิดจะทำอันใดก็ยังคือเด็กน้อย ทั้งความคิดและการกระทำก็ย่อมยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ ต่อให้ผ่านอะไรมามากมายเพียงใด และกร้านโลกมาขนาดไหนก็ตาม แต่ความคิดและตัดสินใจก็แค่สั้นๆ แบบเด็กๆ
เช่นเดียวกับสาวน้อยนามเหม่ยฉียามนี้ หากเรื่องทุกอย่างแตกขึ้นมาทางเดียวก็คือตนเองและน้องสาวจะต้องถูกขับออกจากจวนสกุลหลัวอย่างแน่นอนยิ่งคิดสติสาวน้อยก็เริ่มหลุดลอย ในที่สุดมันก็ต้อนนางมาจนมุมแค่สองคำเท่านั้นนั่นก็คือ...
...ต้องตาย...เพียงเท่านั้น...
หลัวเหม่ยฉีนางมาถึงจุดตกต่ำที่สุดของชีวิตแล้ว ร่างสูงกว่าฝาแฝดคนน้องเริ่มเดินไปตามทางระเบียงชั้นบนสุดของหอชิงชิวช้าๆ อย่างหมดหนทางแก้ปัญหาตลอดมานางเข้าใจมาตลอดว่าหากตนเองตั้งท้องก็ต้องได้ตกแต่งให้แก่ชายคนรัก...ได้พาน้องสาวหนีไปเสียจากขุมนรกภายในจวนไค่กั๋วกงที่นางและน้องสาวต้องเผชิญมานับสิบหนาว...แต่ทุกอย่างก็พังครืนลงมาไม่เป็นท่าดังที่วาดฝันเอาไว้
กายเล็กเดินช้าๆ อย่างเหม่อลอย...แล้วเสียงในหัวก็กระซิบสั่งความว่า...
นั่นอย่างไรเล่าสายน้ำด้านล่างนั้นคือที่ของนางและลูกน้อย...จงเดินออกไปสิ...แล้วทุกอย่างจะจบลงด้วยดี เรื่องร้ายๆ จะจบลงนางก็ไม่ต้องรับโทษอีก ส่วนน้องสาวนางก็จะหนีไปจากจวนนั้นได้สะดวกหากไม่มีนางกับเจ้าก้อนเลือดโสมมในครรภ์ของนางในยามนี้
ทว่าอีกเสียงก็พลันดังขึ้น...อย่านะ! ...หากนางตายจากไปแล้วเด็กโง่เช่นหลัวเหม่ยเหยานางจะอยู่ต่อไปอย่างไร?
ยามนางคิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าของน้องสาวฝาแฝดก็ลอยขึ้นมาห้ามปรามนางด้วยสีหน้าเจ็บปวด เช่นทุกครั้งที่นางทำเรื่องผิดพลาดแล้วถูกจับไปลงทัณฑ์ ทรมานอย่างแสนสาหัสมาตลอดสิบหนาว
...ฉีเอ๋อร์อย่าทำอะไรโง่ๆ นะ... อย่างทอดทิ้งเหยาเอ๋อร์...
แล้วพลันใบหน้าของท่านลุงและป้าสะใภ้ผู้รักษาหน้าตายิ่งกว่าชีวิตก็บังเกิดตรงหน้าแล้วชี้นิ้วตวาดเข้าใส่นางจนหลัวเหม่ยฉีสะดุ้ง
...จงตายๆ ไปเลยนะเหม่ยฉีเจ้ามันตัวน่าอับอาย! ...เจ้ามันเลือดชั่วสร้างแต่ความอัปยศให้แก่สกุลหลัว!
และยังมีเสียงของท่านป้าสะใภ้และหลัวหรั่นเหยียนญาติผู้พี่กำลังด่าทอลอยมาเข้าหัวของสาวน้อยไม่หยุดพร้อมกับใบหน้าที่กราดเกรี้ยวพร้อมกับไม้โบยอันใหญ่ในมือด้วยใบหน้าขึ้งเคียดอยากจะฆ่านางและน้องสาวให้ตาย! ...
ตอนนี้นางเหมือนเห็นภาพหลอนตีวนไปมาวุ่นวาย แต่เสียงที่ชัดเจนที่สุดก็คือ...
ต้องตาย! ...เจ้าต้องตายเท่านั้น! หาไม่หลัวเหม่ยเหยาต้องมาลำบากด้วยเป็นแน่
มือของนางกำที่ราวระเบียงเอาไว้แน่นเริ่มสั่น ด้วยภาพที่ตนเองและน้องสาวถูกทรมานมานับสิบหนาวด้วยสารพัดวิธีแสนจะทารุณและเหี้ยมโหด...มันเริ่มผุดขึ้นมาตามหลอกหลอนนางจนสติกระเจิงไปจนสิ้นแล้วนั่นเอง
สุดท้ายนางก็หลุดจากการควบคุมตนเองไปเสียแล้ว...ร่างสูงโปร่งผอมเพรียวสมส่วนค่อยๆ เดินตามเสียงสั่งในหัวช้าๆ จากนั้นนางก็เริ่มปีนขึ้นไปยืนโงนเงนยังปลายระเบียง จนสำเร็จ
...เหยาเอ๋อร์ข้าขอโทษ...ขอโทษที่อยู่ปกป้องเจ้าไม่ไหวอีกต่อไป...ชาตินี้ข้าเหน็ดเหนื่อยและทุกข์สาหัสเกินจะทานทนได้อีกต่อไป...
"แม่นาง! "
เสียงสะท้อนก้องของบุรุษผู้หนึ่งกลับมิอาจฉุดดึงสติของหลัวเหม่ยฉีให้กลับมาได้ นางกระทำเพียงส่งรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาสายหนึ่งก่อนจะทิ้งกายผ่ายผอมให้ร่วงหล่นลงไปจนได้
"แม่นาง! "
ต่อให้สาวน้อยแลเห็นคนคุ้นเคยปรากฏกายยังหางตา นางก็มิคิดยินดีหวนคืนอีกต่อไป นางทานทนความหฤโหดของโชคชะตาไม่ไหวแล้ว...นางอยากหลับใหลอย่างสงบยังก้นสายน้ำ
...ตูม...
...ฟิ้ว...
...เฟี๊ยว...
...ฟุ๊บ...
เสียงกรีดร้อง ดังขึ้นมิใช่เพราะแตกตื่นที่มีคนตกลงไปในแม่น้ำสายใหญ่ทว่า กรีดร้องเพราะช่วงวุ่นวายกลับมาลูกธนูลึกลับพุ่งมาราวสายฝนพุ่งเข้าหากายสูงใหญ่ของฉีหวางหรือก็คือท่านอ๋องเก้า อย่างที่มิน่าจะเกิดขึ้น หานหย่งไท่พลิกกายหลบ จากหนึ่งดอก เพิ่มเป็นสาม...สี...และพุ่งมาเป็นสิบ ต่อให้เขาเก่งกาจเพียงใด ก็ยากจะหลบพ้นไปทุกดอกได้ เช่นนั้นหัวไหล่ข้างซ้ายจึงถูกปักตรึง เข้าไปจนได้
หากแต่เมื่อลูกธนูหมดสิ้นก็มีชายแต่งกายมิดชิดพุ่งเข้ามาโรมรัน นั่นเองที่อ๋องหนุ่มเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติในกายตนเองด้วยว่าเพียงคมของศรเกาทัณฑ์หนึ่งดอกยากจะทำให้แม่ทัพผู้ผ่านศึกมาสิบกว่าหนาวเช่นเขาสะเทือนได้ ทว่ายามนี้กายเขาสิ้นแรงจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้นอยู่แล้ว
...ยาพิษ...
เขาถูกวางยาพิษสลายกระดูกจนร่างกายสิ้นแรงเสียแล้ว นั่นเองที่สายตาของหานหย่งไท่ทอดมองเลยไปยังสตรีซึ่งพระบิดาและเสด็จป้าหมั้นหมายเอาไว้ตั้งแต่นางเพิ่งคลอด ภายในหัวใจมีแต่คำถามว่าทำไม? ...และทำไม? ...หานหย่งไท่มิทันเอ่ยถามดังตั้งใจคมกระบี่วาววับก็พุ่งเข้าถาโถม เขาหลบหลีกตามสัญชาตญาณ แต่เพราะร่างกายสิ้นเรี่ยวแรงชาหนึบกระบี่เล่มนั้นจึงพุ่งเฉียดหัวคิ้วด้านขวาถึงเพียงผิวเผินแต่ก็เรียกโลหิตได้ใช่น้อยให้หยาดไหลรินเข้าดวงตาของเขาจนมองเห็นเพียงสีแดงขุ่นมัว
...โครม...
กายสูงใหญ่เซถลาเข้ากระแทกยังริมระเบียง เต็มแรงไม้กั้นนั้นถึงแข็งแรงทว่าเพราะกายของท่านอ๋องฉีนั้นมากน้ำหนักแล้วเสียหลักไปเต็มที่ ไม้ระแนงนั้นจึงมิอาจรับไหว กายสูงใหญ่จึงลอยละลิ่วตกลงแม่น้ำไปเป็นร่างที่สอง
"ท่านอ๋อง! /ต้าเกอ! "
และยามที่สายตาสุดท้ายของแม่ทัพผู้ผ่านศึกมาเกือบเท่าอายุจะพ้นไปเขายังทันแลเห็นหลัวหรั่นเหยียนนางกดรอยยิ้มสาสมใจส่งผ่านมาให้หนึ่งสาย
...อสรพิษ! ...
เขาพลาดท่าเพราะสตรีใจอสรพิษโดยแท้ นั่นคือความคิดสุดท้ายของหานหย่งไท่ก่อนที่ความมืดมิดจะกลืนกินสติทั้งหมดไปจนสิ้น....
ไม่รับรู้ต่อสิ่งใดแม้แต่มีสองร่างพุ่งติดตามเขาลงไปด้วยหานหย่งไท่ก็ไม่รับรู้แล้ว