...จวนสกุลหลิวยังแคว้นตงอี๋...
กายสูงใหญ่ที่ทอดกายอยู่บนเตียงภายในห้องที่บัดนี้มีแต่กลิ่นยาอบอวลฉุนจัดจนขึ้นจมูก สตรีวัยปลาย 60 หนาวกำลังใช้ผ้าซับหยาดเหงื่อไปตามใบหน้าหล่อเหลาทว่ายามนี้กลับซีดขาวแทบมองไม่เห็นสีแห่งชีวิตอีกทั้งโดยรอบดวงตายังมีเส้นสีดำพาดผ่านทั้งสองข้างแลดูชวนเสียขวัญผนวกกับรอยคมกระบี่ที่ฉีดเข้าตรงข้างแก้มใต้ดวงตาจึงส่งเสริมให้บุรุษผู้เคยรูปงามหล่อเหล่านับเป็นหนึ่งในตงเหลียงยามนี้อัปลักษณ์ลงไปอย่างสิ้นเชิง
"ท่านหมอเกานี่ก็ผ่านไปร่วมสิบวันแล้วไยหลานชายของข้ายังไม่คืนสติสักคราเล่า"
นางขยับปากเอ่ยคำทั้งที่สายตามิได้ละจากหลานชายเพียงหนึ่งเดียวที่ยังไร้สติจนนางใจเสียไปแล้วหกส่วน
"เรียนฮูหยินผู้เฒ่าหลิวยามที่ท่านอ๋องเก้ามาถึงมือของข้าน้อยพระองค์ก็ทรงอาการก็ย่ำแย่เต็มทีบัดนี้กลับยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้นับว่าท่านอ๋องเก้าช่างมากวาสนายิ่งนักขอรับ"
ชายชราในชุดเสื้อผ้าเรียบง่ายซึ่งหากมิทราบฐานะแท้จริงอาจคิดว่าเขาเป็นเพียงชายแก่บ้านไร่บ้านนาแสนธรรมดาทว่าแท้จริงเขาเคยเป็นถึงอดีตหมอหลวงข้างกายของอดีตฮ่องเต้พระองค์ก่อนเลยทีเดียวแต่เพราะอายุมากขึ้นแถมภายในวังแห่งต้าเหลียงยามนี้แสนจะวุ่นวายต่างแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายต่อสู้ดุดัน เขาถึงขอลากลับมาใช้ชีวิตเรียบง่ายยังบ้านเกิด และยามนี้เขาก็คือท่านหมอเกาผู้มากฝีมือแห่งตงอี๋เพียงเท่านั้น
"หึ...มากวาสนาเช่นนั้นหรือ...เกรงว่าหลานชายของข้านับแต่มีบิดานามหานหย่งสือวาสนาก็หมดเสียแล้ว"
หญิงชรากดรอยยิ้มเจ็บปวดหัวในเหลือแสน เพราะภาพเมื่อกว่าสิบกว่าวันก่อนยามหลายชายของนางถูกส่งมาถึงหน้าจวนสกุลหลิวนางคล้ายรับเอาร่างที่สิ้นใจไปแล้วเข้าเรือนก็มิปาน นอกจากองครักษ์ข้างกายเพียงสองคน กับคนขับรถม้า คน"ทางนั้น"ก็มิเคยส่งผู้ติดตามผู้เป็นลูกชายมาแม้แต่น้อย ช่างเป็นบิดาผู้สมควรตายอย่างยิ่ง
"แล้วพิษที่อาไท่ได้รับยามนี้นับได้ว่าท่านรักษาหายได้แล้วหรือไม่เล่า"
เพราะพิษงูจากเผ่านอกด่านใช่จะรักษาได้โดยง่าย ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเองถึงจะกลับมาใช้ชีวิตเรียบง่ายยังบ้านเกิดทว่าในอดีตนางก็วนเวียนอยู่กับการแก่งแย่งชิงอำนาจภายในวังหลวงมานับค่อนชีวิตดังนั้นเหล่าพิษร้ายของเจ็ดดินแดนหญิงชรามีหรือจะมิแจ้งใจ
"เรียนฮูหยินผู้เฒ่าเกรงว่า...เกรงว่าบัดนี้ชีวิตของท่านอ๋องเก้าข้าน้อยนั้นรักษาเอาไว้ได้หากแต่...ดวงตาของท่านอ๋องนั้นคง...ดวงตานั้นข้าน้อยเองก็คงมิอาจแน่ใจไปได้ว่า...จะยังทรงปกติเช่นเดิมหรือไม่ จนกว่าท่านอ๋องเก้าจะคืนสติขอรับ"
มือที่เช็ดไปตามใบหน้าของหลานรักถึงกับนิ่งค้างสุดท้ายก็สั่นเทา ทั้งชีวิตของหานหย่งไท่นับแต่เขาเกิดมามารดาก็ถูกลงทัณฑ์กักขังไว้ยังท้ายตำหนักตงกง แม้แต่ตำแหน่งชายารองขององค์ไท่จื่อนางก็มิอาจรักษาเอาไว้ได้ ยังมีโชคอยู่บ้างที่อดีตฮ่องเต้ทรงเมตตา เขาจึงเติบโตมายังจวนแม่ทัพของผู้เป็นตาทว่าสุดท้ายเขาเพียง12 หนาว ก็ต้องสูญเสียทั้งมารดาและท่านตาที่คอยปกป้องสุดท้ายจึงถูกส่งไปอยู่ไกลถึงค่ายพยัคฆ์ดำยังนอกด่านแห่งหุบเขาตงซานอันไกลโพ้น ต่อให้ในที่สุดเขาก็ถูกอดีตฮ่องเต้คอยช่วยเหลือจวบจนได้ขึ้นเป็นฉีหวางปกครองแคว้นตงอี๋บ้านเกิดของสามีนางก็ตามหากแต่...
สุดท้ายยามนี้แม้แต่ชีวิตเขาก็แทบจะรักษาเอาไว้ไม่ได้เมื่อสิ้นอดีตฮ่องเต้ไป พยัคฆ์ยังมิกินลูกตัวเองหรือจะเป็นสุนัขก็ยังรักลูกตนเองแต่เจ้าคนแซ่หานนามว่าหย่งสือกลับคิดแต่จะสังหารลูกชายคนรองของตนเองอยู่มิยอมรามือ คนเช่นนี้ค งเลวทรามว่าสัตว์เสียเป็นแน่
"พ่อบ้านเจียง แล้วที่ข้าให้ท่านส่งหนังสือไปถึงคนจวนไค่กั๋วกงแห่งอันเล่อเพื่อให้ว่าที่ฉีหวางเฟยเร่งเดินทางมาดูแลหลานข้าผลเป็นเช่นไรบ้าง ป่านนี้แล้วคนทางนั้นมิตอบความอีกหรือ? "
หญิงชรามิได้กล่าวอันใดกับท่านหมอเกาอีกหากแต่นางหันไปถามถึงสิ่งที่นางออกคำสั่งไป ต่อให้ยามนี้นางจะเป็นเพียงหญิงแก่ไร้ค่าทำสวนทำนาปลูกผักแต่เช่นไรอดีตนางก็เป็นถึงอดีตฮูหยินของต้าเจียงจวินแห่งต้าเหลียงหากทางนั้นมิคิดส่งคนมาเห็นทีนางคงต้อง"บีบ"เจ้าลูกเขยชั่วหานหย่งสือเสียบ้างแล้ว เช่นไรนางก็แก่มากแล้ว ย่อมดูแลหลานรักได้มิเต็มที่คงมีเพียงแต่งเอาภรรยามาดูแลเขานั่นจึงถือว่านางพอเบาใจไปได้อยู่เจ็ดส่วน การทวงสัญญาหมั้นหมายจึงต้องบังเกิดเอาในคราวนี้เสียแล้วทั้งที่หญิงชราเองหากหลีกได้ก็คงหลีกหลบได้นางก็คงจะหลบมิคิดตกแต่งคนสกุลหลัวผู้เกี่ยวพันกับฝ่ายของไท่จื่อนางมิเคยวางใจคนเหล่านั้นหากแต่หญิงชราย่อมรู้หลานชายของนางเป็นผู้จริงจังกับผู้จะมาเป็นภรรยา หานหย่งไท่นั้นตั้งใจมุ่งมั่นจะร่วมเรียงเคียงหมอนก็แต่เพียงสตรีเดียวไปตราบจนสิ้นชีพ
…แต่ที่ฮูหยินผู้เฒ่ายังมิแจ้งใจก็คือนับรู้หานหย่งไท่รับรู้ว่าตนเองถูกหลอกเขาก็มิอาจร่วมหมอนเคียงห้องหอกับนางอสรพิษจิตใจทมิฬเช่นคุณหนู่ใหญ่เช่นหลัวหรั่นเหยียนได้อีกต่อไป…
"เอ่อ...ทางจวนสกุลหลัวแจ้งมาว่าคุณหนูค่ำคืน...หลัวหรั่นเหยียนนั้นบังเกิดป่วยไข้นับจากวันที่ท่านอ๋องทรงถูกลอบสังหารจนบัดนี้นางก็ยังไม่หายหากต้องนั่งรถม้าเดินทางไกลกว่าห้าร้อยลี้จากอันเล่อสู่ตงอี๋คงทำไม่ได้ขอรับ"
...หึ...
"เห็นทีเจ้าคนแซ่หลัวคงคิดบิดเบือนเสียเป็นแน่เมื่อเห็นว่าหลานของข้าสิ้นไร้อำนาจมิอาจช่วยส่งเสริมให้คนตระกูลหลัวได้อีกต่อไป..."
ซึ่งก็มิได้ผิดไปจากที่นางคาดเอาไว้แต่แรก ยามทราบว่าฉีหวางบาดเจ็บสาหัสเป็นตายมิอาจแจ้งองค์ ฮ่องเต้จึงเรียกคืนตราพยัคฆ์แห่งกองทัพต้าเหลียงคืนแล้วส่งมอบมันให้องค์ไท่จื่อเป็นผู้ดูแลครอบครองแทน
"เห็นทีข้าต้องไปเยือนสกุลหลัวเพื่อเยี่ยมไข้ว่าที่หลานสะใภ้สักหน่อยแล้วกระมัง"
นางเองก็อยากจะเห็นสักครั้งว่าเจ้าพวกคนโลภที่บ้าแต่เพียงอำนาจจะหาทางใดบิดเบือนสัญญาหมั้นหมายแต่อดีตไปได้ หากจำเป็นนางคงต้องเจรจากับเจ้าบุตรเขยชั่วผู้นั้นสักหน่อยแล้ว
"อืม..."
เสียงแหบแห้งดังขึ้นช่วยฉุดดึงให้สติของฮูหยินผู้เฒ่าหลิวจากแผนการต่างๆ ที่จะช่วยเหลือให้หลานเพียงหนึ่งเดียวของนางได้พ้นภัยแห่งการแก่งแย่งพ้นไปจากวังวนฆ่าแกงกันในหมู่สายเลือดเช่นทุกวันนี้
"อาไท่...เจ้าฟื้นแล้วเป็นเช่นไรบ้างหลานของท่านยาย"
มือเหยี่ยวย่นแตะไปตามท่อนแขนกำยำ ซึ่งบัดนี้เริ่มขยับบอกให้รู้ว่าเขาฟื้นคืนกลับมาหานางแล้วมิทอดทิ้งนางเช่นบุตรชายทั้งสามและสามีรวมถึงบุตรสาวผู้เป็นมารดาของหานหย่งไท่
"ท่าน...ยาย...ข้า..."
หานหย่งไท่ขยับริมฝีปากซึ่งแห้งแตกขึ้นเล็กน้อยยามที่ลืมตาขึ้นมาแล้วพบกับน้ำเสียงอันคุ้นเคยของท่านยายที่รักเขาอาจนับได้ว่าเป็นหนึ่งเดียวในแผ่นดินต้าเหลียงรองลงมาเสียจากน้องชายทั้งสอง
"ดื่มน้ำสักหน่อย...มาท่านยายจะช่วยพยุงเจ้าให้ลุกขึ้น"
ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวขยับเข้าช่วยประคองให้คนบนเตียงได้ลุกขึ้นนั่งหากแต่มือแกร่งกลับยกขึ้นไปจับยังดวงตาทั้งสองข้างของตนเสียแทน
"ท่านยาย...ตาของข้า...ตาของข้าไยจึงมองเห็นเพียงความมืด...หรือว่ายามนี้ดึกแล้ว...เช่นนั้นทำไมท่านยายยังไม่กลับห้องนอนกันเล่า? ..."
ความปวดแสบปวดร้อนยังดวงตาทั้งคู่ต่อให้เขาฝืนขยี้แล้วลืมขึ้นมาใหม่ที่เขาสัมผัสได้ก็ยังเป็นความมืดภายในใจหานหย่งไท่จึงทบทวนว่าก่อนจะหลับไปเขาทำอันใดหรืออยู่ที่ใดกันแน่
ส่วนฮูหยินผู้เฒ่านางก็ถึงกับใบหน้าเปลี่ยนสีด้วยยามนี้หาใช่ค่ำคืนดึกดื่นหากแต่เป็นยามอู่ที่แดดภายนอกเรือนนี้ร้อนแรงสว่างเจิดจ้าเป็นยิ่งนัก นางหันไปมองท่านหมอเกาคล้ายอยากเอ่ยคำบางอย่าง
"ท่านอ๋องเก้าขอกระหม่อมตรวจอาการของพระองค์อีกสักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ"
กล่าวแล้วก็ขยับกายเข้าไปนั่งแทนที่หญิงชราที่บัดนี้ใบหน้าทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง ส่วนหานหย่งไท่นั้นสติของเขายังไม่นับว่าตื่นตัวเต็มที่จึงมิได้เอ่ยตอบ ท่านหมอเกาตรวจดูดวงตาทั้งคู่ก็ให้ใจหายจากสีภายในเป็นสีดำแวววาวบัดนี้เปลี่ยนเป็นสีเขียวชวนขวัญเสียอย่างยิ่ง
...พิษนี้แทรกอยู่สู่ดวงตาเสียแล้ว...
ท่านหมอเกาถึงกับเผลอยกหลังมือขึ้นซับหยาดเหงื่อยังหน้าผากกว้าง เพียงเท่านั้นคนที่ผ่านมาทั้งร้อนและหนาวเช่นฮูหยินผู้เฒ่าหลิวก็รับรู้ได้หลานของนางลำบากแล้วในยามนี้
"ทำไมเงียบไปเล่าท่านหมอ...ดวงตาของข้าเป็นเช่นไรกันแน่"
หานหย่งไท่ที่พบว่ามือซึ่งสัมผัสยังใบหน้าตนเองเงียบหายไปครู่หนึ่งแล้ว
"เอ่อ..."
ถึงท่านหมอเกานั้นจะอยู่ใกล้ชิดรับใช้เหล่าเชื้อพระวงศ์มานานแต่เหตุการณ์ลำบากใจเช่นนี้ท่านหมอชรามิเคยพบเลย หากตอบว่าท่านอ๋องเก้านั้นตาบอดไปแล้วใครเลยจะรับรองต่อเขาว่าท่านอ๋องเก้าจะมิลุกขึ้นคว้าดาบใกล้มือมาสับจนกายของเขาให้ร่างกายแหลกยับเสียเป็นหมื่นชิ้นในยามนี้ แต่หากเขาไม่พูดออกไปก็อาจยิ่งเพิ่มโทสะ ท่านหมอเกาจึงคิดแล้วคิดอีกกว่าตนเองเอ่ยปากอย่างไรมิให้ตนเองถึงแก่ความตายไปได้
ซึ่งอาจจะนับเป็นโชคยังเข้าข้างท่านหมอผู้เฒ่าเมื่อยามนี้สติของหานหย่งไท่กลับคืนมาเกือบทั้งหมดแล้วดังนั้นภาพก่อนที่เขาจะหลับไปจึงพุ่งเข้าถาโถม จากที่เขาเข้าวัง จากนั้นก็ไปพบคุณหนูใหญ่ตระกูลหลัว หลัวหรั่นเหยียนคู่หมั้นของตนเองและภาพสุดท้าย...
...สตรีชั่วช้า...อสรพิษในร่างกายโฉมงามล่มปฐพีโดยแท้...
กรามแกร่งบดเบียดกันแน่นจนแลเห็นสันกรามบดขึ้นนูนเด่น แต่เขายังบาดเจ็บหนักหากเอ่ยความจริงท่านยายของเขาจะยิ่งคิดมากหานหย่งไท่จึงมิปริปากบอกความจริง
"ท่านอ๋องเก้า..."
ท่านหมอเกายังอึกอัก
"กล่าวมาเถิด"
ในน้ำเสียงของท่านหมอชราบอกแก่หานหย่งไท่ให้เขาสะกิดหัวใจว่ายามนี้ที่มืดมนเห็นจะมิใช่บรรยากาศโดยรอบกายของเขาทว่าเห็นทีอาจเป็นดวงตาทั้งสองนี่ต่างหากคิดได้ดังนั้นมือแกร่งก็เผลอยกขึ้นแตะสัมผัสอย่างเผลอไผล
"ยามนี้ดวงตาของท่านอ๋องเก้ามีพิษไปตกค้างโดยรอบจึงทำให้เอ่อ...ท่านอ๋องเก้ามิอาจมองเห็นสิ่งใดได้ไปจวบจนจะพบตัวยาสมุนไพรมาถอนพิษออกไปพ่ะย่ะค่ะ"
ได้ฟังเพียงนั้นมือทั้งสองข้างของหานหย่งไท่ก็กำแน่น
...หึ...
"กล่าวเสียสวยหรูอันที่จริงก็คือดวงตาของข้านี้ได้มืดบอดไปแล้วใช่หรือไม่!? "
เพล้ง! ...
"อาไท่! "
ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวกรีดร้องทันใดเมื่อกายสูงใหญ่ขยับปัดปายเอาถ้วยยาถ้วยน้ำตกลงมาแตกกระจายเกลื่อนพื้น
"ออกไป! ...ออกไปให้หมด! ...ข้าต้องการอยู่เพียงลำพัง...ออกไป..."
ถึงยามนี้เขาจะมองไม่เห็นแต่นิ้วเรียวยาวก็หันชี้ไปยังทิศที่เขาคาดเดาเอาว่าเป็นประตู กายใหญ่โตยามนี้สั่นสะท้านหญิงชรามิอาจคาดเดาได้เลยว่าหลานชายนั้นแท้จริงเขาเจ็บแค้นหรือเสียใจมากกันแน่แต่ที่เร่งทำคือสะบัดมือให้ทั้งเหล่าพ่อบ้านและท่านหมอกับเด็กรับใช้ออกไปให้พ้น
"อาไท่..."
หญิงชราค่อยๆ โอบประคองกายของหลานรักแผ่วเบาอย่างสื่อให้เขารับรู้ตรงนี้ยังมียัยแก่ผู้หนึ่งที่ทั้งรักและห่วงใยเขาอยู่
"ท่านยาย...ตาของข้า...ดวงตาของข้า...อ๊าก! "
เพราะเกินจะทนยอมรับได้ในทันทีว่าตนเองต้องพิการดวงตามืดมนบอดสนิทหานหย่งไท่จึงยากจะควบสติให้นิ่งสงบเช่นปกตินิสัยแต่เดิมผ่านมาบัดนี้จึงได้แต่กรีดเสียงโหยหวนนั้นยังดังต่อเนื่องร่วมหนึ่งชั่วยามช่างทำให้ผู้เคยคุ้นต่อท่านอ๋องเก้าที่ถึงเขาจะมิอ่อนโยนด้วยเป็นแม่ทัพกรำศึกแต่ยังเด็กทว่าเขาก็ยังถือได้ว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ที่มีน้ำใจงดงาม ยามนี้เขาต้องสิ้นทุกสิ่งเช่นนี้บ่าวไพร่ล้วนโศกเศร้ากันทั่วหน้า
หลังจากฮูหยินผู้เฒ่าหลิวห่มผ้าให้แก่หลานชายที่หลับลงไปอีกครั้งด้วยฤทธิ์ยาของท่านหมอเกานางก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าอย่างไรที่จะช่วยหลานชายได้คงมีเพียงตกแต่งหญิงคนรักที่หมั้นหมายกันมานานให้มาคอยเคียงข้างนั่นอาจพอช่วยเป็นแรงใจให้คนที่กำลังบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ
"พ่อบ้านเจียงส่งม้าเร็วไปแจ้งยังจวนกั๋วกงว่าอีกเจ็ดราตรีข้าจะไปเยี่ยมว่าที่หลานสะใภ้ของข้า"
ต่อให้นางต้องใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อต่อรองเอาตัวของหลัวหรั่นเหยียนกลับมาตกแต่งให้แก่หลานชายจนได้ นางก็จะทำขอเพียงเอาตัวนางมาอยู่เป็นแรงใจให้หานหย่งไท่ได้ต่อให้นางต้องคืนป้ายทองคำให้เจ้าบุตรเขยชั่วผู้นั้นในครานี้ ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวก็บอกตนเองว่าไม่เสียดายสักนิด