Ep.5 : สาววาย

3028 Words
“หมอ ผู้ชายคนนั้นบอกให้เชื่อใจ เค้าจะเอาคนผิดมาจัดการให้ได้” ฉันคุยกับหมอที่ตอนนี้นั่งเงียบ ไม่ได้ยิ้มแย้มให้ฉันเหมือนทุกที เอายาของฉันไปตรวจแค่นี้ เครียดขนาดนี้เลยเหรอ “หมอว่าก็ดีนะ มันจะได้ปลอดภัยสำหรับมาริจัง แล้วคลายปมในใจของมาริจังด้วย” ทำไมตอบสั้น ปกติหมอจะชวนฉันคุย จะวุ่นวายกับชีวิตของฉันจนน่ารำคาญ ทำไมวันนี้หมอถึงนิ่งเงียบ หรือเขารู้ว่าคนที่เขาชอบมากอดฉัน เขาหึงงั้นเหรอ “หมอ ทำไมวันนี้เงียบ หมอหึงผู้ชายคนนั้นเหรอ ฉันไม่ได้ชอบที่ถูกเขากอดนะ” ประโยคของฉันทำให้อ้อมแขนใหญ่กอดฉันทันที ด้วยความตกใจฉันเลยจะผลักหมอออก “งั้นส่งต่อมันมาทางนี้ เธอไม่ชอบหมอรับไว้เอง” ส่งต่อกอดของผู้ชายคนนั้นให้หมอเนี่ยนะ ฉันปล่อยให้หมอกอดอยู่แบบนั้น หมอคงจะต้องชอบผู้ชายคนนั้นมากๆ เลยขอกอดต่อฉันก็ยังดี หมอจะรู้ไหมเขาหลอกฟันฟรี เขาไม่ได้ชอบผู้ชาย น่าสงสารหมอจัง หมอปลอบฉันมาตลอด วันนี้ฉันต้องปลอบหมอบ้าง “หมอ แม่ฉันให้เงินเดือนหมอเท่าไหร่ หมอถึงต้องมาคลุกอยู่กับฉันแบบนี้ ต้องเยอะมากเลยใช่ไหม” ฉันถามคนที่กอดฉันอยู่ “ก็เยอะ ทำไมจะรีบหายเหรอ ไหนบอกจะเป็นแบบนี้ให้หมอสูบเงินแม่เธอไปนานๆไง นี่มาริจัง ทำไมถึงยอมให้คุณติณกอด” คำถามของหมอทำให้ฉันตกใจ เขาโกรธเรื่องนี้จริงๆด้วย “ไม่ได้ยอม แต่สู้แรงไม่ได้ กัดก็แล้ว ดิ้นก็แล้ว ถีบก็แล้ว ฉันกลัวมากเลย ต่อไปหมออย่าหายไปนานแบบนี้อีก” “ก็ได้ๆ คืนนี้ห้ามถือมีดไปไล่แทงใครแล้วนะ ไม่ได้กินยา มาริยะของเธออาจจะหายไป” หมอลูบหัวของฉันเบาๆด้วยรอยยิ้ม “หมออออ มาริยะ ไม่ได้หายไป แต่ฉันจะได้ยินเสียงเธอชัดเจน เวลาฉันรู้สึกดิ่งมากๆ แต่ฉันชอบคุยกับเธอนะ เหมือนที่ชอบคุยกับหมอ เธอบอกว่าฉันไม่ควรที่จะถูกกระทำ เพราะเธออ่อนแอและโง่ เธอจะไม่เป็นแบบนั้นอีก” ฉันเล่าเรื่องเพื่อนสนิทอีกคนให้หมอฟัง “งั้นเหรอ เธอไม่ได้อ่อนแอสักหน่อย นี่กัดหมอเขียวขนาดนี้ เรียกอ่อนแอเหรอ” หมอโชว์แขนที่มีรอยเขียวเป็นดวงใหญ่ ฮ่ะๆ เขียวจริงๆ รู้สึกผิดจังเลย ฉันใช้ลิ้นเลียเบาๆที่แขนของหมอตรงที่มันเขียวนั่นแหละ “รักษาให้แล้ว” “เป่าด้วย หมอยังเป่าให้เธอเลย” ได้คืบจะเอาศอกไอ้เจ้าหมอนี่ ฟู่ววววววว ฉันเป่าลงที่รอยช้ำ แล้วแยกเขี้ยวใส่คนที่ขอเยอะแยะ แต่เขากลับส่งยากับแก้วน้ำมาให้ แม้หมอจะไม่ให้กินยาที่เป็นแคปซูล แต่ยานอนหลับฉันก็ต้องกินอยู่ กันมาริยะออกมาถือมีดไล่จิ้มคนอีก หมอปล่อยฉัน แล้วตัวเองก็นั่งเล่นโทรศัพท์รอฉันหลับ แปลกจัง ปกติจะหลับก่อนฉันเสียอีก ช่างเถอะ ฮ้าววววว ฉันควรจะนอนได้แล้ว หลายวันต่อมา “มหาลัยนี้เป็นไง ดูดีมีสตางค์ มีหลายคณะดีๆให้เธอได้เลือก” หมอส่งโบรชัวร์ของมหาลัยอินเตอร์มาให้ฉันดู แต่ค่าเทอมขนาดนี้ หมอจะไปเรียนกับฉันได้เหรอ หมอจนตาย “มหาลัยนี้ สายของพ่อฉันบอกมีความเป็นไปได้ที่พวกมันจะอยู่ แค่เรายังหาพิกัดของมันไม่ได้ มันไม่ได้มีจุดสงสัยหรือทำกันโจ่งครึ่มแบบอาบ อบ นวด พวกมันรู้ทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี พอเราบุกไป ทุกอย่างก็จะหายไปในพริบตา” โบรชัวร์แผ่นพับของมหาลัยหนึ่งถูกส่งมาถึงฉัน ซึ่งหมอก็รีบแสกนให้ทันที “คุณติณ มหาลัยนี้เอกชน มีแต่คนมีเงินไปเรียนก็จริง แต่เด็กเกเรเยอะนะ” หมอมีสีหน้าเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด เกเรของหมอเป็นแบบไหน แบบฉันรึเปล่า “ฉันจะไปด้วย หน้าชั้นไม่ได้ละอ่อนเหมือนหมอ คงจะไปเรียนด้วยไม่ได้ แต่ฉันจะไปเป็นครู สัญญาไปแล้ว ว่าจะปกป้องยัยเด็กนี่ ถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องปกป้องพยาน แต่ใดใดแล้ว ยัยหนูนี่ต้องไปสอบ ม.6 เทอมสุดท้ายให้ผ่านก่อน ไปเทียบโอนหน่วยกิจ แล้วสอบเทียบให้เสร็จ” นิ้วแข็งๆจิ้มมาที่หัวของฉันจนสั่นสะเทือน ฉันเลยต้องไล่งับนิ้วที่มันมาเคาะกระโหลกฉัน “ตอนนี้มาริจังดีขึ้นมาก แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะอ่านออกเขียนได้ไหม เธอมีสภาวะควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ชั่วขณะ ต้องพาออกไปเจอโลกภายนอกบ่อยๆกว่านี้หน่อย เธออยู่แต่กับบ้านที่ตอนนี้ปรับตัวได้บ้างแล้ว แต่ไม่ได้แปลว่าข้างนอกเธอจะปรับตัวได้” 2 อาทิตย์ที่แล้ว ที่ต้องมาอยู่ที่นี่ ตั้งแต่เลิกกินยา สติที่เคยมีไว้เพื่อนั่งมองเพดานหรือกำแพง มันทำให้ฉันเอาไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้น ตอนนี้ฉันสามารถอ่านหนังสือได้บ้างแต่ไม่นาน เพราะตัวหนังสือหยึกยือทำให้เวลาที่อ่านมันตาลาย สามารถคุยกับหมอในทุกๆวันได้นานขึ้น คุยกับไอ้เจ้าของบ้านนี่นานขึ้น แต่เวลาที่ถูกบังคับให้ทำอะไร หรือโดนจี้อะไรมากๆ สติมันกลับเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ฉันเท้าคางนั่งมองหมอกับเจ้าของบ้านคุยกันกระหนุงกระหนิง เหมือนพ่อแม่ที่กำลังจะพาลูกสาวแบบฉันไปโรงเรียน ครอบครัวสุขสันต์จังเลย คุณพ่อกับคุณแม่ คิกคิก หมอน่าจะมีความสุขเวลาที่เจ้ปากแดงนั่นไม่มา ฉันมองดูหมอกับเจ้าของบ้าน แย่งกันดูแผ่นพับ มือที่ชนกันแล้วหลายครั้ง ตั้งใจให้มันชนกันใช่ไหม อีกนิดก็จะจับมือกันใช่ไหม ภาพความเป็นจริง “คุณติณมันไม่ได้ ถ้าเธอโดนกระตุ้นให้ไล่ฆ่าใครจะทำยังไง มหาลัยนี้ดีกว่า” “มันจะไม่ได้จับคนร้าย แบบนี้ก็แก้ปมในใจเธอไม่ได้อยู่ดี หมอเอาอันนี้ไปดูมันไม่ได้แย่แบบที่หมอคิด งั้นไปดูมหาลัยก่อน ค่อยมาบอกว่าไม่โอเค” ทั้งสองคนที่พยายามจะยัดเยียดแผ่นพับโรงเรียนของตัวเองใส่มือของอีกฝ่าย แต่ติณก็เอาเหตุผลที่จะแก้ปมในใจของเด็กสาวขึ้นมาอ้าง “งั้นก็ไปดูมหาลัยกันก่อน” นทีพูดขึ้น แต่ติณกลับสะกิดที่มือของนที ให้มองหญิงสาวที่มองทั้งคู่ตาเยิ้ม “หมอคิดว่ายัยนี่คิดอะไรอยู่” ติณถามเพราะระแวงไปหมด ช่วงเวลาที่เด็กสาวมาอยู่บ้านของเขานั้น รอบฆ่าก็ทำมาแล้ว รอยยิ้มหวานเยิ้มทำเอาเขาไม่ไว้ใจอย่างรุนแรง “มองเยิ้มขนาดนี้ อยากไปโรงเรียนมั้ง” นทีตอบประชดพร้อมขยับตัวออกห่างกับติณทันที เพราะรู้สึกว่าสายตาของเด็กสาวชวนขนลุก เหมือนกับชอบเวลาที่เขากับติณนั้นอยู่ด้วยกัน กลับมาทีมาริ สงสัยจะมองแรงไป หมอเขินใหญ่เลย หมอเนี่ยขี้อายกว่าที่คิดนะ ไม่มองก็ได้ ที่จริงคู่นี้ก็เป็นคู่ที่เหมาะสมกันดีนะ คุยกันกระหนุงกระหนิงทุกวันเลย บางวันก็ช่วยกันล้างจาน คุยกันด้วยความรักตลอด แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะหายฟิน ทั้งเจ้าของบ้านและหมอก็พาฉันออกไปดูมหาลัย ในฐานะคุณครูที่จะมาสมัครงาน และเด็กที่จะมาเรียน อุ้ยยยยย เขาแอบแตะไหล่กัน มีวางมือบนบ่าด้วย "ที่นี่สามารถเทียบโอนหน่วยกิจจากที่อื่นมาได้นะครับ ไม่จำเป็นต้องเรียนใหม่พร้อมน้องสาว" "ไม่เป็นไรครับ มันเป็นความต้องการของผม มาเถอะมาริจังทำไมเดินช้าจัง ที่จริงที่นี่ก็ดูใหญ่โตดี นักศึกษาก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด อาจารย์พยายามจะเดินเลี่ยงโรงอาหารของทุกคณะนะครับ รบกวนพาเราไปดูหน่อย" คำขอของหมอ ทำให้อาจารย์คนนี้หน้าเปลี่ยนสี แล้วเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อ "แกจะไปดูอะไรที่โรงอาหาร มาเรียนหรือมากินข้าว" เจ้าของบ้านจับแขนของหมอไม่ให้ไปที่โรงอาหาร โอ้ยยยยย จับมือกันอีกแล้ว เราเดินจนมาถึงโรงเรือนของมหาวิทยาลัย มีเรือนกระจก กรงสัตว์ มันทำให้ฉันเข้าไปดู อ๊ะ กระต่ายงั้นเหรอ ฉันเดินเข้าไปข้างใน เพื่อเล่นกับพวกมัน ฉันไม่เคยเจออะไรแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ น่ารักจังเลย ฉันพยายามจะอุ้มมันขึ้นมา แต่มันกลับดีดข้าใส่ฉัน "จับแบบนั้นไม่ได้หรอก มันรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยหน่ะ พวกคนที่ไม่รู้ชอบสอนว่าให้ดึงหูกระต่าย มันผิด กระต่ายมีเส้นประสาทอยู่ที่หูมากมาย มันต้องดึงที่หนังด้านหลังแล้วช้อนก้นล็อกขามันเอาไว้ เมื่อมันรู้สึกว่าปลอดภัยมันก็จะอยู่นิ่งไม่ดีดขาหรือหนีไปไหน แบบนี้ เห็นไหม" ผู้ชายที่ฉันไม่รู้จัก ทักฉันที่กำลังจะดึงหูกระต่าย ก่อนจะเดินมาจับกระต่ายให้ฉันดู ซึ่งฉันที่ไม่คุ้นชินกับผู้ชาย ก็ไม่กล้าที่จะรับไว้ แล้วรีบเดินหนีไปหลบหลังของหมอเอาไว้ทันที "นั่นชื่อนายจุน นักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ ไปต่อเถอะครับ ผมจะพาไปดูที่อื่นต่อ" อาจารย์พยายามจะพาไปที่อื่น มันเลยทำให้ฉันได้แต่มองเจ้ากระต่ายที่ฉันไม่ได้อุ้ม เสียดายจัง "ฉันชอบกระต่าย" ประโยคของฉันทำให้ผู้ปกครองปลอมๆ อย่างไอ้ตำรวจบ้านตกลงที่จะเรียนที่นี่ทันที เพราะที่นี่มีกระต่าย ว่าแต่กระต่ายมันกินได้ไหมนะ ติณ Say :: สายสนทนา "ตอนนี้ฉันเป็นพี่เลี้ยงเด็กอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เธอยอมมาเรียนที่มหาลัยที่อยู่อันดับหนึ่งในลิชของเด็กที่หายไปแล้ว" ผมมองเด็กเพี้ยนกับหมอที ที่กำลังช้อปปิ้งกันอย่างสนุกสนาน [ เออ ดี ตอนนี้ทางนี้ไว้ใจใครไม่ได้ หน้าต่างมีรู ประตูมีช่อง นอกจากเวลาเลิกงาน แกไม่ต้องโทรมา ฉันไม่ไว้ใจใคร ไม่อยากให้แผนรั่วไหล แล้วเรื่องที่แกบอกว่ามีคนอยากทำให้เด็กนั่นเป็นบ้า ไปถึงไหนแล้ว ] "หยุดยามาสองอาทิดย์ ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่รับยามานาน หมอบอกว่าจะมีอารมณ์เหวี่ยงบ้าง แต่จะค่อยๆดีขึ้น อีกไม่นานก็คงจะถามได้แล้ว เธอมีอาการกลัวร้านคาราโอเกะ เธอเคยให้การว่าโดนขืนใจในนั้น แต่ตอนที่ฉันพาคนบุกตรวจ ตึกนั้นกลับเป็นโรงเรียนสอนพิเศษ ครั้งนี้จะจับให้ได้ ก็ต้องจับได้คาหนังคาเขา" [ อืม เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ ว่าจะมีการรู้เห็นหลายฝ่าย ฉันต้องวางแล้ว ] จบการสนทนา พ่อของผมวางสายไปแบบรีบร้อน ทิ้งให้ผมต้องจัดการเรื่องนี้ลำพัง Rrrrrr Rrrrrr Rrrrrr ผมก้มมองสายที่โทรเข้า เมื่อเห็นรายชื่อ ผมก็กดปิดเครื่องทันที บางทีคนที่คุยไม่รู้เรื่องก็น่ารำคาญ เดียร์อยากให้ผมไล่มาริยะออกไป เพราะเธอกลัว และผมก็มีเวลาให้เธอน้อยลง ตั้งแต่ที่มาริยะมาอยู่ที่บ้าน ผมไม่ได้อยากให้เธอมาอยู่ แต่หมอกับแม่ของเธอเสนอจ่ายค่าเช่าบ้านให้เด็กนี่ในราคาแสนแพง เพียงแค่อยากให้เธอออกมาจากโรงพยาบาล "หูกระต่ายเหรอ น่ารักดีนะ" ผมทักเด็กหญิงที่ถูกหมอจับให้ลองที่คาดผมหูกระต่าย แต่พอผมชมเธอ เธอก็ดึงที่คาดผมออก แล้วใส่ให้หมอแทน "แล้วผมล่ะ น่ารักไหม" อี๋...อันนี้ขนลุก ผมได้แต่หันหน้าไปทางอื่น ไม่ใช่เพราะเขิน แต่ผมจะอ้วกกับท่าทีอ้อนเด็กของหมอ แต่เธอกลับชอบใจที่หมอทำแบบนี้ เธอยิ้มน่ารักขนาดนี้ ทำไมความคิดของเธอมันถึงได้มืดมน "เอาอันนี้ หมอเป็นกระต่าย นายนั่นเป็นหมาป่า" เธอชี้มาที่ผม ให้ผมเป็นหมาป่าเหรอ อย่าบอกนะว่า จะให้ผม กินกระต่าย ผมมองหมอที่ยังใส่หูกระต่าย อี๋...ไม่เอา ทำไมเธอชอบชงไอ้หมอนี่ให้ผมจัง มันขนลุกจะตายชัก เราต่างแยกกันทำกิจวัตรประจำวัน แต่เมื่อทำอะไรเสร็จผมเดินลงมาจากห้องเพื่อจะหาอะไรกินด้วยความหิว กลับเจอเด็กหญิงในชุดนอน ที่กำลังทำครัว ตั้งแต่เธอหยุดใช้ยาเธอก็ใช้ชีวิตปกติได้ ใครกันที่มันอยากให้เธอไม่ปกติ แต่เธอมาอยู่นี่ยังไม่เคยเรียกชื่อผมเลยสักครั้ง อยากรู้จังกลไกในหัวของเธอมันเป็นยังไง "ทำอะไรอะ" ผมถามคนที่ทำอาหารอยู่ จนเธอสะดุ้งเฮือก ทำซุปร้อนๆ ลวกมือของตัวเอง ผมเลยต้องเข้าไปช่วยเธอ อะไร ถามแค่นี้ต้องตกใจเลยเหรอ "ซี้ดดดดดดด โอ้ยยย" คนที่โดนซุปลวกจนมือเป็นรอยแดงจากความร้อน ทำให้ผมต้องรีบคว้ามือเธอไปล้างน้ำ ก่อนจะเอาน้ำเย็นในตู้เย็นใส่กะลามังแล้วเอามือเธอลงไปจุ่มเอาไว้ "ตกใจอะไรขนาดนั้น" "คุณ เดี๋ยวหมอมาเห็น ไม่เป็นไรฉันทำเอง หมอชอบคุณอยู่ เดี๋ยวหมอจะหึงอีก" คำว่าหึงอีกของเธอ คือเคยหึงมาแล้วเหรอ ผมดูออกว่าหมอชอบเธอ แต่หมอหึงผม มันคงจะน่าขนลุก หรือหึงเธอ อันนี้มีความเป็นไปได้มากกว่า "ฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ต้องให้บอกกี่ที" ผมยกมือเล็กๆขึ้นมาจากน้ำเย็นเพื่อดูว่าเธอยังเจ็บอยู่ไหม เธอพยายามจะดึงมือออก ผมเลยจับมือเธอยัดลงไปในกะลามังน้ำเย็นเหมือนเดิม "แต่ฉันชอบ" "เธอชอบผู้ชายมันก็ถูกแล้ว เธอเป็นเด็กผู้หญิง" "ชอบหมอกับคุณจีบกัน วันนี้พวกคุณจีนกันน่ารักมากเลย" คำตอบของเธอพาเอาผมช็อกไปเลย งานสาววายก็มา นอกจากเถียงกันทั้งวันแล้ว ผมไปจีบกับหมอตอนไหน!!!! "ไม่ได้จีบ!!!!!" "ยอมรับมาเถอะ ว่าคุณก็ชอบหมอของฉันเหมือนกัน ไปเลิกกับแฟนคุณมาคบหมอของฉัน ชีวิตคุณจะมีความสุขมาก เพราะหมอเป็นคนน่ารักมาก" มาริจังพูดกับผมด้วยรอยยิ้ม เหมือนไม่ได้ฟังสิ่งที่ผมพูด อย่างที่หมอเคยบอก เพราะเธอโดนผู้ชายกระทำมา เธอเลยเลือกที่จะปฏิเสธสิ่งที่เรียกว่าผู้ชาย แต่การมาให้ผู้ชายได้กัน มันก็ไม่ไหวนะหนู "หายเจ็บรึยัง ถ้ายังไม่หายมันอาจจะพองนะ" ผมดึงมือของเด็กหญิงขึ้นมาจากน้ำเย็น รอยแดงยังชัดอยู่เลย พอผมปล่อยมือเธอ เธอก็ชักมือกลับทันที "หายแล้วค่ะ กินซุปไหม ฉันทำเผื่อทุกคน เดี๋ยวจะไปเรียกหมอคุณจะไปด้วยกันไหม หมอเป็นกระต่ายน่ารักนะคะ" เธอยิ้มหวานเชิญชวนให้ผมนั้นไปกินกระต่ายของเธองั้นเหรอ ผมมองเด็กหญิงวิ่งขึ้นชั้นบนไปที่ห้องของหมอ เอ๊ะ เธอไม่กลัวการเข้าห้องผู้ชายเหรอ หรือเป็นแค่กับหมอ เหอะๆ เหอะๆ ถ้าผมชอบผู้ชายแล้วเธอไว้ใจผมแบบนี้ งานของผมมันก็อาจจะเร็วขึ้นนะ ผมเดินขึ้นมาชั้นบน เพราะอยากรู้ความสัมพันธ์ในห้องของสองคนนั้น อะไรที่ทำให้เธอคิดว่าหมอชอบผม แต่พอเปิดประตูก็เห็นไอ้หมอตัวแสบกำลังโอบกอดร่างบาง ฟอร์มขอดูแผลที่มือ อ้อออออ ที่ยอมปล่อยให้มาริจังเข้าใจผิดๆ เพราะแบบนี้เองเหรอ "ต้องแช่น้ำเย็น ประคบเย็นเอาไว้" หมอเริ่มแสดงความเป็นหมอ แต่ตัวเองก็ยังกอดเขาเอาไว้ "ฉันทำให้เธอแล้ว เป็นจับมือเธอแช่ลงไปในกะลามังที่ใส่น้ำเย็น ทำอยู่นานเลย มาริจังก็เป็นเด็กดี ให้ทำแบบไม่ร้องสักแอะ" ผมแกล้งแหย่คนที่หลอกแต๊ะอั๋งนิดนึงก็เอา ทำตัวเป็นหมาหยอกไก่ "พวกคุณหึงกันเหรอ น่ารักจังเลย" เสียงหวานหัวเราะคิกคักชอบใจ "อะจ้าหึง หึงมาก" แน่นอนไม่ใช่ผมหึง แต่หมอมันอาจจะหึงก็ได้ หมั่นไส้ชอบกันท่าชาวบ้าน "ไม่หึงหรอก มาริจังน่ารักขนาดนี้ ไปกินซุปกันดีกว่า" นั่น!!! เนียนหอมหัวเขาอีก ก่อนที่ทั้งสองคนนั้นจะพากันออกมาจากห้อง หมอมันแกล้งลูบหน้าอกของผม ที่ร้ายกว่าคือมันโดนหัวนม เหี้ย!!!ขนลุก แต่คนที่ชอบใจกว่ากลับเป็นเด็กสาวที่หัวเราะคิกคักออกมา ชีวิตผมเริ่มจะไม่ปกติแล้วสิ ====================== หรือมีไรท์คนเดียว ที่แอบชงหมอกับนักสืบ ชอบความปล่อยให้เข้าใจไปแบบนั้นแหละ ติณ+นที ต้องมาแล้วล่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD