‘เธอจะลืมคุณครูเหรอ’
‘ดาวโรงเรียนมันสวยแบบนี้นี่เอง คนนั้นฉันจะเอา ทุ่มเงินไม่อั้นลากตัวมา’
‘ฮ่ะ ๆ ฮ่ะ ๆๆ ฮิ้วววววว’ เสียงโห่ร้องหัวเราะชอบใจ และการไล่ล่า มันกำลังบีบหัวใจให้เจ็บปวด
ไม่ ไม่!!! ไม่!!! ไม่เอา ไม่เอาอีกแล้ว กรี๊ดดดดดดด ปล่อยยยย!!!! กิ๊บ แกช่วยฉันหน่อย กิ๊บบบบบ!!! เบย์ พวกแกช่วยฉันด้วย ทำไมพวกแกไม่ช่วยฉัน ‘มาริจัง มาริจัง เธอคิดว่าไปโรงเรียนใหม่ แล้วจะลืมเรื่องพวกนี้ได้เหรอ เธอทิ้งเรื่องพวกนี้ไว้ให้ฉัน แล้วคิดที่จะลืมงั้นเหรอ เธอไม่มีทางลืม เพราะมันขึ้นจริง เกิดขึ้นกับเรา ไปซื้อหนังสือ อ่านหนังสือเตรียมสอบ ถ้าเธอเจอพวกมันอีกล่ะ จะทำยังไง โดนข่มขืน แล้วโยนความขมขื่นมาให้ฉันสินะ ใจร้ายจังเลย งั้นก็อย่ามีฉันเลย’
ถ้าพวกมันเจอเรา ถ้าพวกมันจะทำแบบนั้นกับเราอีก กลัว กลัวจังเลย ไม่ ม่ายยยยยยยย มาริยะ มาริยะ!!!!! กลับมาก่อน!!!!!!
เฮือกกกก!!! ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาในความมืดพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวด้วยความตื่นกลัว ความสั่นของก้อนเนื้อในอก มันทำให้ฉันต้องเอามือทุบที่หัว เพื่อให้มันหยุดคิด ใช่ฉันไม่ควรจะไปไหน ฉันไม่ควรจะกลับไปเรียน ฉันจะต้องกลับไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้า พวกมันจะหาฉันเจอ ฉันยิ่งทุบหัวตัวเองหนักขึ้น เพราะในหัวมันไม่หยุดคิดสักที ไม่เอา ไม่อยากอยู่แล้ว ทำไมวันนั้นเราถึงไม่ตายไป ถ้าอยู่แล้วมันจะทรมานแบบนี้ อยากจะหายไป
‘ใช่เธอมันไร้ค่า’ เสียงแว่วของมาริยะ
“ไม่จริง”
‘หมอมันอยากได้เงินแม่ของเรา มันไม่อยากอยู่กับเราจริง ๆ เธอมีแค่ฉันมาริจัง ฉันเป็นทุกอย่างให้เธอ เป็นคนที่รับความทุกข์ แต่เวลาที่มีความสุขเธอจะทิ้งฉันไปได้ยังไง หลับให้สบายนะ คนไม่ดีพวกนั้น ฉันจะจัดการเอง หลับให้สบาย’ ฉันทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ปล่อยตัวเองให้หลับในความมืดของห้องตัวเอง
เช้าวันต่อมา
นที Say ::
“คุณติณคะ หยิบจานให้ฉันหน่อย ฉันหยิบไม่ถึงเลย สงสัยฉันจะเตี้ยเกินไป” เสียงหญิงสาวแจ๋วแหววของหญิงสาว ทำให้ผมที่เพิ่งจะออกห้องต้องลงไปดู เด็กหญิงที่ทำอาหารเช้ากับรอยยิ้มสดใส พัฒนาการแบบก้าวกระโดดเลยนะเนี่ย
“อะจาน จะเอาใบไหนอีกรึเปล่า”
“หมอออออออ หนูทำเกี๊ยวน้ำแบบที่หมอชอบด้วยนะ มาดูนี่สิคะ” เด็กสาววิ่งเข้ามากอดผมแน่นก่อนจะลากแขนผมไปดูเกี๊ยว ก็ดีนะ ถ้าจะมีการพัฒนาได้รวดเร็วแบบนี้ เร็วไปไหมนะ
“มาริจัง ชุดนี้คอเสื้อกว้างไปรึเปล่า” ผมถามเด็กหญิงที่ปกติจะแต่งตัวด้วยชุดที่แทบจะปิดทุกส่วนของร่างกาย
“หมอว่ามันไม่น่ารักเหรอคะ” เธอหันมาถามผมด้วยสีหน้าเศร้า ๆ โอ้วววว สิบ สิบ สิบ ไปเลยจ้า โคตรน่ารักเลย น่ารักก็ได้ ผมไม่ได้ถามอะไรเธอ ก็มันก็น่ารักดี
แล้วจุดที่ผมกับคุณติณต้องมองหน้ากันคือ เธอก้ม!!!! จนพวกเราเผลอเห็นเนินอกน้อยๆ ของเธอแล้วหลายครั้ง ผมบีบมือของคุณติณเหมือนจะถามเขาว่า เห็นเหมือนที่ผมเห็นไหม การพยักหน้าเป็นคำตอบแสดงว่าเธอไม่ได้จะอ่อยผมแน่ ๆ อาจจะเป็นการเผลอไผลโดนธรรมชาติ อะไรก็ช่าง หน้ามืดตามัวไปหมดแล้วตอนนี้ ผมมองตามคนที่ก้มลงหยิบชามอาหารของเราไปเก็บจนสุดสายตา
“ผมเข้าใจคำว่าน่ารักของหมอแล้ว”
“ใช่ไหมล่ะ แล้วมาแอบดูนมคนไข้ผมทำไม ผมยังไม่เคยมองนมแฟนคุณเลย”
“เอาดิแลกกัน”
“ฮึ่ยยย ได้เหรอวะ ว่าแต่ ทำไมวันนี้เธออารมณ์ดี เมื่อคืนเธอได้ฝันว่าเอามีดไปแทงคุณอีกรึเปล่า” คุณติณยังไม่ทันที่จะตอบผม แขนเล็ก ๆ ก็เข้ามากอดหลังของผมจากทางด้านหลัง มันทำเอาผมต้องสะดุ้ง แน่นอนเธอไม่เคยทำ
“หมอค้าาาาา หนูอยากดูหนัง ถ้าเราว่างเราไปนั่งดูหนังกันไหม หนูอยากทำตัวเองให้เป็นปกติก่อนจะไปสอบเทียบ หมอบอกว่าเราจะไปเรียนกัน หนูอยาก...ดูหนังที่เกี่ยวกันเด็กนักเรียน เผื่อจะมีใจอยากไปเรียน นะหมอนะ” เสียงที่กระซิบอยู่ที่ข้างหูทำให้ผมหันไปมองหน้าเธอทันที หน้าที่แทบจะชิดของเรา ทำให้เธอผงะน้อย ๆ แล้วถอยออกไป
ก็กลัวเป็นปกติหนิ ตอนแรกผมคิดว่านี่คือมาริยะ แต่ท่าทีประหม่าเมื่อกี้คงจะไม่ใช่ เธออาจจะกำลังพยายาม ผมเลยแกล้งที่จะเดินไปใกล้เธอ เธอก็หนีไปนั่งที่โซฟาทันที ถ้ากลัวแบบนี้ คงไม่มาริยะหรอก ผมอาจจะคิดมากไป
“คุณติณมีธุระไปก่อนได้เลยนะครับ ผมเฝ้าบ้านให้” ผมไล่ตัว กขค ออกจากบ้านของตัวเอง
“วันนี้ผมว่าง ดูหนังดีกว่า เด็กมีความพยายามมากขนาดนี้ น่าชื่นชม” สีหน้าเรียบเฉยแต่เดินไปที่โซฟาก่อนใครนี่มันคืออะไร พอเข้าใจว่าเขาไม่ได้จริงจังอะไรกับคนชื่อเดียร์ แต่ลืมไปรึเปล่าตัวเองมีแฟนแล้ว เฮ้ออออ
ผมเดินตามมาที่โซฟา นั่งมองเด็กหญิงเลือกหาหนังใน Netflix โดยผมสั่งห้ามเธอดูหนังฆาตกรรม ฆาตกรโรคจิต หนังสงคราม หนังอะไรก็ตามที่จะให้เด็กมีพฤติกรรมเลียนแบบในเชิงหัวรุนแรง หวยมันเลยมาตกที่หนังผี ไหนบอกเราจะดูเด็กนักเรียน?? ซึ่งเราก็ดูไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดมากอะไร จนถึงตอนน่ากลัว เธอก็สะดุ้งกอดผมเอาไว้ หน้าอกนุ่มนิ่มที่นาบอยู่ที่แขนของผม แม้ตาเธอจะมองจอทีวี มันทำเอาผมดูหนังไม่รู้เรื่องเลย ใบหน้าที่เงยมองหน้าผมมันทำให้หน้าของเราใกล้กันนิดเดียว จนผมต้องกลืนน้ำลายดังเฮือก แล้วเธอก็กลับไปนั่งดูหนังเหมือนเดิม หนังเรื่องนี้ดูแล้วร้อนเนอะ ผมหายใจหายคอไม่ดีเลย ผมเดินไปดื่มน้ำเพื่อที่จะสงบสติอารมณ์
“กรี๊ดดด” เสียงสั้น ๆ ด้วยความตกใจ ทำให้ผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ที่โซฟา ต้องกอดปลอบหญิงสาวด้วยความเต็มใจ และเต็มมือ แปลกแฮะ ยอมให้คุณติณจับงั้นเหรอ หรือเธอจะไม่ใช่มาริจัง
“กลัวขนาดนั้นเลย”
“ขอโทษนะคะ ฉันจะไปนั่งริมนั้น รบกวนช่วยปล่อยฉันหน่อยได้ไหมคะ” ใบหน้าที่ช้อนมองทำให้ตัวสูงกว่าเริ่มจะก้มหน้าต่ำลงไป ผมเลยต้องเอามือไปช่วยค้ำคอที่ไม่มีแรงของคุณติณเอาไว้ จะจูบคนไข้ผมงั้นเหรอฝันไปเถอะ
“ผมว่าคุณติณหิวน้ำ” ผมยกแก้วน้ำเย็น ๆ ให้คนที่กำลังจะหน้ามืด ก่อนที่จะกลับมาดูหนังเหมือนเดิม
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกมีอาการกลัวแล้วหลบมาทางผมบ้าง แต่ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านี้ หรือผมอาจจะคิดมากไป ผมอาจจะคิดมากไปเอง มันอาจจะแค่บังเอิญ ผมสังเกตเธอจนหนังจบ นอกจากรอยยิ้มแล้ว ก็ไม่มีอะไรอีก
ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่อง เสียงออดหน้าบ้านทำให้คุณติณต้องออกไปเปิดดู เหลือเพียงผมกับมาริจังแค่สองคน ผมเลยแกล้งเรียกสาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างผม แล้วเลือกหนังเรื่องใหม่
“มาริยะ”
“กรี๊ดดดดดดดด” เธอกรี๊ดใส่ผม มันแปลว่าไม่อยากให้เรียกสินะ หรือแค่แกล้ง มาริยะที่ผมเคยเจอจะออกมาได้แค่สั้น ๆ พอเธอหลับ เธอก็จะหายไปเอง คงไม่ต้องคิดมากหรอกมั้ง ช่วงนี้เธอก็ดูอารมณ์ดี ไม่ได้เจอเรื่องที่น่ากลัวอะไร
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ไม่เห็นต้องโกรธเลย อยากดูหนังเรื่องอะไรอีก ไหนบอกหมอหน่อย”
ยังไม่ทันที่จะได้เลือกหนังคุณติณก็เข้ามาในบ้านพร้อมกับคุณเดียร์ แย่แล้วสิ ผู้หญิงคนนี้เจอคนไข้ของผมทีไร คนไข้ผมทำร้ายคนทุกที จับให้นั่งห่าง ๆ กันก็แล้วกัน
พอเราจะเปิดดูหนังเรื่องต่อไป เดียร์กลับเลือกหนังเรื่อง 365 Dni ผมที่ไม่ค่อยจะดูหนังอยู่แล้วไม่รู้ว่ามันคือหนังอะไร แต่เปิดเรื่องมาก็พอจะเดาออกว่าหนังมาเฟีย มันไม่เหมาะกับเด็กเอาซะเลย พาคนไข้ของผมเข้าห้องดีกว่า แต่อีกใจก็คิด ผมจะปฏิบัติต่อเธอเหมือนเธอไม่ปกติไม่ได้ ถ้าผมอยากจะให้เธอใช้ชีวิตปกติ ผมเลยปล่อยให้เธอดูหนังต่อ เพราะมีแขกที่เพิ่มขึ้นมา ทำให้เราต้องนั่งชิดกันมาขึ้น ผมให้มาริจังนั่งชิดริมฝั่งผม เพื่อที่จะได้ไม่ต้องชิดกับหญิงสาวที่ชื่อเดียร์
พอดูไปถึงกลางเรื่อง ผมต้องตกใจ หนังมันใส่กันยับจนนึกว่าหนังโป๊ ฉากที่พระนางมีอะไรกันผมต้องเอามือปิดตาเด็กน้อยเอาไว้ แรก ๆ มันก็ไม่ชัด ทำไมตอนนี้มันถึงได้โจ่งครึ่มนัก
“เดียร์ น้องยังเด็ก” คุณติณปรามคนที่เปิดหนังแปลก ๆ ให้เด็กน้อยดู
“ติณแต่เด็กก็ต้องโต เพราะผู้ใหญ่ปิดกั้นเด็กก็ไม่ทันโลกนะ เราอย่าปิดน้องเลยให้น้องได้โตขึ้นบาง ไหนหนุ่ม ๆ บอกอย่าให้น้องหายปิดกั้นน้องทุกอย่างได้ไง แล้วหนังมันก็เซฟดี เห็นหน้าอกเท่านั้นเอง เท่าที่ผมดูแล้วมันห่างไกลคำว่าเซฟดี ผมยังคงเอามือปิดตาเด็กน้อยเอาไว ในความโชคดีคือคุณติณเห็นด้วยแล้วปิดมัน
ผมเลยพาเด็กน้อยกลับห้องเลย แบบนี้มันตั้งใจเกินไป ถ้ามาริจังเกิดรับไม่ได้แล้วอาละวาดขึ้นมาอีกจะทำยังไง ผมพาเธอเข้าห้องได้ ถึงยอมเปิดตาให้เด็กน้อยคืนการมองเห็นให้เธอ
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ผมถามถึงคนที่เงียบ
“จะเป็นอะไร หมอปิดตาตั้งแต่กลางเรื่องไม่เห็นอะไรเลย แต่มันก็ดูน่ารักดีนะ ถ้าจะมีใครสักคนรอจนกว่าอีกคนจะพร้อม มันเป็นหนังแบบไหนกันแน่คะ มันแค่มีให้เห็นวับ ๆ แวม ๆ เหมือนพวกเวลาที่เราดูหนังฝรั่งปกติรึเปล่า” คำถามของเธอทำให้ผมตอบยาก นอกจากหัวนมนางเอกสีชมพูแล้ว แทบไม่ได้ดูอะไรเลย อีกนิดหนึ่งก็หนังโป๊แล้ว
“ก็ประมาณนั้น หมอไม่อยากให้เธอสะเทือนใจ” ผมมองตาเด็กน้อยที่ตอนนี้เบิกกว้างแล้วยิ้มออกมา
“ไม่ได้สะเทือนใจอะไรเลย ฉันพยายามทำตัวเองให้ปกติ หมอต่างหากที่ทำให้ฉันไม่ปกติ หมอไม่ชอบผู้ชาย หมอชอบฉัน แต่เชื่อเถอะมาริจังจะไม่มีทางได้รู้หรอก เพราะตอนนี้เธออ่อนแอ” ริมฝีปากบางประกบลงมาบนปากของผม พร้อมกับสอดลิ้นเข้ามาเหมือนควานหาอะไรในปาก จนผมต้องดันเธอออก
“พอแล้ว”
“ของหมอแข็ง หมอมีอะไรกับฉันตอนนี้ มาริจังก็ไม่มีทางรู้หรอก ถ้าหมอไม่ทำ ฉันอาจจะไปทำกับคนอื่น กับคุณติณเป็นยังไง ถ้าอะไรแข็ง ๆ มันเข้ามาในตัวฉัน หล่อแบบนั้นฉันอาจจะฟินก็ได้ กล้ามเป็นมัด ๆ อู้ววววววว” ริมฝีปากหวานประกบลงมาที่ปากของผมอีกแล้ว พอผมไม่เล่นด้วยเธอก็ปีนขึ้นมาคร่อมบนตัวผมเลย เธอต้องการอะไรกันแน่
“อย่าทำแบบนี้!!!!" ผมพลิกตัวกดคนที่พยายามจะปล้ำผมไม่เลิกลงกับพื้น
“หมอสร้างฉันหมอจำได้ไหม หมอจะเอาก้อนหิน ต้นไม้ หรือดอกทานตะวันมาแทน ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ หมอเป็นคนสร้างฉันขึ้นมานะ หมอขาาา หนูโดนกดแบบนี้ หนูเปียกไปหมดแล้ว มันวูบวาบจังเลย” เสียงกระเส่าเร่งเร้ากระตุ้นให้ความเป็นชายของผมทำงาน
“พอแล้ว เอาเด็กน้อยของฉันคืนมา”
“อ๊าาาาาาาา พี่หมอ อื้ออออออ อยากโดนกัดที่คอจังเลย นางเอกเรื่องเมื่อกี้หุ่นดีเนอะ รู้ไหมข้างในของหนูก็สีนั้นเลย อืมมมมมม พี่หมออออ กินหนูที” เสียงครางมันเริ่มทำเอาผมหน้ามืดไปหมดแล้ว ความอดทนที่พี่มันเริ่มน้อยนิด
อีกด้าน
“เดียร์ตั้งใจให้น้องสติแตก!!!!!" ติณตะโกนใส่แฟนสาวเสียงดัง
“เดียร์เปล่า เดียร์มาง้อ จะทำแบบนั้นทำไม ติณนั่นมันก็แค่หนัง เดียร์เองก็ไม่เคยดู” เดียร์พยายามแก้ตัว
“กลับไปเถอะ น้องเจอเดียร์ทีไรมีเรื่องให้สติแตกทุกที เดียร์ก็รู้ว่าน้องต้องช่วยติณสืบคดี น้องเป็นพยานคนเดียวที่มีชีวิตอยู่ ทำไมเดียร์ยังพยายามจะทำให้น้องอาละวาด” ติณดูออกว่าตัวเดียร์เองมีเจตนาที่ไม่ดี เพราะการที่เดียร์เห็นแล้วว่าเธอกับติณไม่ได้ดูหนังกันแค่สองคน แต่ยังเปิดหนังแบบนี้ขึ้นมาอีก
“ทำไมถึงเข้าข้างเด็กนั่น เดียร์เป็นแฟนติณนะ นั่นคนบ้านะติณ แต่นี่แฟน ติณจะให้หมอจน ๆ กับคนมาอยู่ในบ้าน หมกมุ่นแต่เรื่องของเด็กนั่นจนไม่ไปทำงานไม่ได้ เลขาก็ไม่ให้มาทำงาน นี่แฟนก็ยังไม่ให้มาหาอีกเหรอ”
“อย่าไปพูดให้หมอได้ยินเลยนะ คำเนี้ยะ” ติณปรามแฟนสาวที่ตอนนี้เขาเหนื่อยใจกับเธอเหลือเกิน
“ทำไมอะ ก็จนจริงนี่ ไม่จนคงเอาเด็กนั่นไปเลี้ยงเองแล้ว”
“เดียร์กลับก่อนปะ เดี๋ยวอารมณ์ดี ๆ เราค่อยมาคุยกันใหม่ วันนี้เดียร์ทำตัวไม่น่ารักเลย”
“ให้อีบ้าอยู่แต่ไล่แฟนกลับ ถ้าคนบ้ามันสำคัญกว่าก็เลิกกันไปเลย!!!!!!!" เดียร์คว้ากระเป๋าวิ่งออกจากบ้านทันที 1 เดือนที่เขาคบกับเดียร์มา เพิ่งจะรู้ว่าหญิงสาวมีนิสัยแบบนี้
[คุณติณ!!!!!] เสียงเรียกแว่ว ๆ จากคนในห้องนอนแขกชั้นล่าง ทำให้เขานั้นต้องรีบเปิดไปประตูไปดู กลับเจอหมอที่กดคนไข้ของตัวเองคาพื้น
“ผมไม่ใช่พวกชอบดูหรอกนะ”
“พี่ติณขา ช่วยหนูด้วย” เสียงร้องขอความช่วยเหลือทำให้ติณพุ่งตัวเอาไปจะล็อกหมอเอาไว้
“มาริยะ นี่มาริยะ ยานอนหลับอยู่ข้างบน บนหัวเตียง เป็นน้ำขวดสีชา ด่วน!!! ผมจะหมดแรงแล้ว”
เขารีบวิ่งขึ้นไปบนห้องของหมอ แล้วตรงไปที่หัวเตียงเพื่อหยิบขวดสีชาที่วางเรียงราย ก่อนจะหยิบมันลงไปข้างล่าง ให้หมอ ร่างของหญิงสาวที่ดิ้นกระแด่ว ๆ ทำให้เค้าจะส่งขวดยาให้หมอ แต่หมอก็ไม่มีมือที่จะจัดการ จะป้อนให้หญิงสาวเลยเธอต้องบ้วนทิ้งแน่ๆ ติณเลยต้องป้อนยาใส่ปากหมอเพื่อให้หมอจัดการอย่างที่เคยทำ โดยมีตัวเขาช่วยล็อกหน้าของเด็กสาวเอาไว้ให้ ปากของหมอที่ประกบป้อนยานอนหลับลงไปในปากของมาริยะ ทำให้เธอไม่สามารถที่จะคายทิ้งได้ต้องกลืนลงไปอย่างไม่เต็มใจ
“เฮ้ออออออ หมดแรง” นทีทิ้งตัวลงนอนข้างเด็กสาวด้วยความหมดแรง เหนื่อยหอบหายใจหนักกว่าปกติ
“ของหมอตุง ทุเรศจริง”
“ผมก็ผู้ชายนะคุณ ดูนี่ โดนขนาดนี้ ทนได้แค่นี้ก็โคตรเก่งแล้ว มาริยะ เธอน่ากลัว” นทีโชว์รอยแดงบนคอ และแฝงอกให้ติณดู
“ออกมาได้ยังไง”
“ผมไม่รู้ มันเป็นความผิดของผมเอง จำได้ไหม ที่ผมเคยบอกว่าทั้งสองคนคือคนเดียวกันไม่ใช่สองบุคลิกซะทีเดียว ผมเป็นคนสร้างมาริยะขึ้นมา ตอนนั้นมาริยะรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าและอยากตาย ผมเลยใช้วิธีสะกดจิตแล้วให้เธอโยนทุกเรื่องที่มันแย่ ๆ ไปให้มาริยะ แล้วตัวเธอตื่นขึ้นมาเป็นคนใหม่ นั่นแหละมันเลยทำให้เธอมีมาริยะขึ้นมาในใจ เรื่องราวทุกอย่างเธอทิ้งไว้ในมาริยะก็จริง แต่มันก็ไม่ได้หายไป ยังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเธออยู่ดี อาจจะฟังดูงง เดี๋ยวก็ชิน เฮ้อออออ หื่นจัง”
“ทุเรศ ทำเหมือนคนของขาด แต่อย่างน้อยฉันก็ดีใจ ที่หมอไม่ใช่เกย์”
“คุณติณมาอุ้มน้องก่อนนนนน ผมง่วงงงง”
อีกด้าน
“ออกมาแล้ว ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลอนุมัติให้ออก นั่งเด็กนั่นไม่ยอมกลับมาอยู่บ้าน ไปอยู่บ้านผู้ชาย คนนั้นน่าจะไอ้ตำรวจที่สืบคดีของเรา ไม่เป็นไรหรอก เจ้าหมอโง่นั่นยังส่งข่าวฉันตลอด เห็นว่ามีอาการดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังทำร้ายร่างกายคนอื่นอยู่ มันพูดอะไรไป คนก็ไม่เชื่อ พ่อมันตาย หุ้น 70% ก็อยู่ที่มัน ถ้ามันตายหรือมันเป็นบ้า ฉันก็ได้ทุกอย่างอยู่แล้ว วันนั้นไม่น่าปล่อยให้มันรอดเลย ฉันต้องวางแล้ว” หญิงวัยกลางคนกดวางโทรศัพท์เพราะมีคนเดินเข้ามาในห้อง เป็นเอกชัยทนายของสามีเธอที่เสียไป เดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าเอกสาร
“คุณหนูยังไม่ยอมกลับมาอีกเหรอครับ แบบนี้คุณนายรองอาจจะต้องเหนื่อยหน่อย” ทนายพูดออกมาอย่าถอดใจ เพราะนี่ก็ 1 ปีแล้ว ตั้งแต่จบคดี ที่ลูกสาวเพียงคนเดียวของบ้าน อาการไม่ดีขึ้นเลย
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดียินดี”