Ep.4 : ยาที่ถูกเปลี่ยน

2372 Words
มาริ Say :: ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาบนที่นอนของตัวเอง ในอ้อมกอดของ อ๊ะ!!! กอดเหรอ พอก้มลงไปมองกลับเจอหน้าอกของตัวเองอยู่ในมือของหมออีก!!!!! แต่หมอไม่ได้ชอบผู้หญิงนะ แต่ แต่ ยังคิดไม่ได้ถึงไหน ดวงตาคู่ตรงหน้าก็ลืมขึ้น พร้อมกับรีบคลายอ้อมกอดออก รวมถึงมือที่จับหน้าอกฉันด้วย “ขอโทษที เมื่อคืนเธอนอนร้องไห้ เลยกอดเอาไว้ ไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ” “ก็ว่าอยู่ หมอไม่ได้ชอบแบบฉัน หมอชอบแบบคุณติณ บางทีฉันก็อยากรู้นะว่าแม่ฉันจ้างหมอมาเท่าไหร่ หมอถึงต้องมาทนกับฉันแบบนี้ คงจะต้องเดือนละแสน เดือนละแสนยังไม่คุ้มเลย ทั้งเจ็บตัวทั้งเอาแต่ใจ” ฉันรู้สึกผิด ในความงี่เง่าของตัวเอง แถมยังชอบก่อเรื่อง “เดี๋ยว!!!! ทำไมวันนี้เธอแปลกๆ ปกติเธอจะไม่คิดอะไร ช่างมันเอาไว้ก่อน ทำไมวันนี้มีความรู้สึกผิด” หมอมีท่าทีตกใจ ตกใจอะไร อะไรแปลกไปงั้นเหรอ “เพราะฉันจำได้ว่ากัดหมอ นี่ไง” ฉันชี้ไปที่แขนของหมอ ที่ตอนนี้ช้ำจนเขียว ปกติทำอะไรไปจะจำไม่ค่อยได้มันเบลอ พอคิดก็คิดไปถึงเรื่องไม่ดี เลยช่างมันทุกอย่าง แต่เอ๊ะ ทำไมวันนี้มันเหมือนมีความทรงจำ “มาริจังจำได้ไหมตัวเองทำอะไรต่างออกไปจากที่โรงพยาบาล” หมอถามฉันด้วยสีหน้าประหลาดใจ ถ้าบอกว่าเลิกกินยาที่หมอให้ หมอจะดุ ไม่บอกดีกว่า จากเดิมกินวันละ 3 ครั้งตามที่พยาบาลเอามาให้ ตอนนี้ก็กินแค่เท่าที่นึกได้ แล้วนี่ก็ไม่ได้กินมา 2 วันแล้ว ถ้าหมอรู้ หมอต้องดุแน่ๆ ฉันรีบส่ายหน้าด้วยความกลัวความผิด เอ๊ะ!!! ทำไมฉันถึงมีความรู้สึกนี้ ด้วยความที่ฉันเองก็ประหลาดใจเลยยอมบอกความจริงกับหมอ แม้จะกลัวโดนดุ “ฉันไม่ได้ กินยา กินบ้างไม่กินบ้าง แล้วนี่ก็ไม่ได้มา 2 วันแล้ว” ฉันพูดกับหมอ ที่มองฉันอย่างไม่เชื่อสายตา “เป็นไปได้ยังไง ยาที่หมอสั่งให้คุณ เป็นยาบำรุง ยานอนหลับ และยาแก้เครียดเท่านั้นเอง หมอเป็นหมอเจ้าของไข้ หมอรู้ว่ามาริจังไม่ได้บ้า แต่แค่แกล้ง มาริจังเป็นคนไข้ที่หมอไม่เคยจ่ายยากล่อมประสาทเลย ที่ผ่านมาหมอคิดมาตลอดว่าคุณแกล้งทำเพราะอยากอยู่ในโรงพยาบาลเพราะความปลอดภัย” หมอมีสีหน้าครุ่นคิด จนคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม ก่อนจะไปหยิบยาของฉันมาดู ยาที่อยู่ในกระปุกสีชา ถูกหยิบขึ้นมาดูยาข้างใน ที่มันก็เหมือนเดิมตลอด เป็นแคปซูลสีมุกแดง เม็ดยาที่ยังอยู่ในแผงหายไปบ้างเล็กน้อย ยืนยันหลักฐานว่าฉันไม่ค่อยได้กินยาที่หมอให้มา หมอรีบวิ่งออกจากห้องแล้ววิ่งกลับมาใหม่ พร้อมอุปกรณ์การรักษา กระดาษ ปากกา ไฟฉายขนาดเล็ก และเจ้าของบ้านที่สงสัย ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตามมาด้วย “เป็นอะไรอีกคราวนี้ มีปัญหาทุกวัน ฉันนี่ปวดหัวตึบ อยู่มาอาทิตย์หนึ่งปรับตัวอะไรไม่ได้เลย” “ผมเคยบอกใช่ไหม ว่าเธอไม่ได้บ้า เธอแค่แกล้ง ตอนนี้ผมว่าเธอไม่ได้แกล้ง” หมอพูดพลางฉายไฟฉายใส่ตาฉัน เพื่อดูม่านตา “หมอยอมรับแล้วใช่ไหม ว่าเธอบ้า” “เปล่า แต่มีคนอยากให้เธอบ้า ผมไม่แน่ใจ แต่วันนี้เธอมีความเปลี่ยนแปลงจากการไม่ได้กินยา ผมจะต้องส่งยาของเธอไปตรวจที่แล็ป ว่ามันคือยาอะไร ถ้าเป็นยากล่อมประสาท มันแสดงว่ามีคนอยากจะไม่ให้เธอหาย หรืออยากให้เธอเป็นบ้าไปจริงๆ” “อ่า ถ้าเธอเป็นบ้า คำพูดของเธอจะไม่มีน้ำหนักในศาล จะไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ” คุณติณเดินเข้ามาหาฉันทำให้ฉันต้องขยับหนี “ใช่ ปกติเธอไม่สมควรได้ออกจากโรงพยาบาล เพราะอาการของเธอมันออกมาไม่ได้ แต่ผมเป็นคนเซ็นรับรองแล้วดูแลอย่างใกล้ชิด เธอถึงออกมาได้” “อะไรที่แปลกไป อะไรทำให้หมอคิดแบบนั้น” “ผมสังเกตมาหลายวันแล้ว ว่าเธอคุยกับผมก่อนนอนได้นานขึ้น แล้วนานขึ้นทุกๆวัน มันไม่ชัดเท่ากับวันนี้เธอมีความรู้สึกผิด เพราะที่ผ่านมา แม้เธอจะกัด แทงผมด้วยเข็ม แทงคุณ เธอจะลืม แล้วช่างมัน วันนี้เธอมีความคิด” หมอส่งปากกาให้ฉันพร้อมกระดาษ แต่ไม่ได้บอกฉัน ว่าให้ฉันเขียนอะไร ฉันเลยเขียน ง งู ไปสองตัว งง “คุณติณ ผมฝากมาริสัก 3 ชั่วโมงได้ไหม ผมจะส่งยาของเธอไปให้เพื่อนตรวจ และทำอะไรอีกหลายอย่าง ผมว่า งานนี้ไม่ปกติแล้ว” “ฉันมีนัดกับเดียร์ เฮ้ออออ ช่างเถอะ จะดูให้ รีบไปรีบกลับ” ตำรวจเลวรับปาก แล้วเดินออกจากห้องไปเลย ฉันเลิ่กลั่ก ไม่กล้าอยู่กับไอ้ตำรวจนี่สองคน แต่จะร้องไปกับหมอ หมอก็ไม่ยอม เพราะอะไรก็ไม่รู้ มันเลยเลี่ยงไม่ได้เลย ที่จะต้องอยู่กับผู้ชายคนนี้เพียงแค่สองคน นอกจากคำว่าเดี๋ยวหมอจะรีบกลับมา ก็ไม่มีความมั่นใจอะไรให้ฉันอีก ฉันเก็บตัวอยู่ในห้องเพื่อที่จะแยกกับคนที่ฉันไม่ไว้ใจ แต่มันก็ได้ไม่นาน ความหิวที่มากมายมันทำให้ฉันต้องออกมาจากห้อง พอเห็นทางสะดวกไม่มีใคร เลยเปิดตู้เย็นหาของที่จะกินได้ทันที “ขโมยกินเหรอ??” เสียงของเจ้าของบ้านทำให้ฉันสะดุ้ง แล้วจนด้วยหลักฐานเต็มมือ “ฉันหิว” ความกลัวที่เขาเดินเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ฉันหาอาวุธเพื่อป้องกันตัว แต่พอหยิบมีด ภาพเมื่อคืนมันก็ลอยเข้ามาในหัว ภาพของตัวเองถือมีด แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ฉันรีบวางมีดทันที ความสับสนทำให้ฉันงงงวยไปหมด ภาพความจริงความฝัน อันไหนแน่ “ฉันทำไข่เจียวได้ ถอยไปเลยฉันไม่ไว้ใจเธอ เดี๋ยวเอามีดมาเสียบฉันอีก” คนที่จะเข้ามาในครัวทำให้ฉันต้องถอย เพราะฉันก็ไม่ไว้ใจเขาเช่นกัน ฉันพยายามมองทุกการกระทำว่าเขาใส่ยาพิษไปในอาหารไหม แต่การทำอาหารของเขานี่เรียกว่าข้าวไข่เจียวเหรอ จะกินได้ไหมเนี่ย แถมขนาดข้าวยังเป็นข้าวแช่แข็งเลย “ขอโทษเรื่องเมื่อวาน เดียร์ไปว่าเธอก่อนจริงๆ ฉันผิดเองที่ดุเธอ แต่เธอก็ผิดที่ทำร้ายร่างกายคนอื่น มันไม่ควร” “มันแปลว่าฉันจะต้องยอมเป็นคนที่ถูกทำร้ายตลอดเลยเหรอ ฉันอยู่ในโรงพยาบาลบ้า ฉันก็เรียนรู้ที่จะสู้คนที่คิดจะมาทำร้ายฉัน ฉันเคยเป็นคนดีแล้ว แต่มันไม่ได้อะไร” ฉันตอบออกไปถามหาความยุติธรรม “ก็จริงอย่างที่เธอว่า กินข้าวดีกว่า รับปากหมอไปแล้วว่าจะดูแลให้ ให้ข้าวแล้วถือว่าเป็นพวกเดียวกันแล้ว อย่าเอามีดมาปักฉันอีกนะ” ไข่เจียวหน้าตาทุเรศถูกนำมาตั้ง พร้อมข้าวแช่แข็งที่อุ่นมาเรียบร้อยแล้ว ฉันใช้ช้อนเขี่ยไข่เจียวก่อนพยายามเอามันเข้าปาก อี๋!!!!! แหวะ หวานเจี๊ยบ ไข่ทอดน้ำตาล “รสชาติโคตรแย่ แต่กินเพื่ออยู่” คนที่รังสรรค์อาหารจานนี้วิจารณ์อาหารตัวเอง แต่ก็ยังตักกิน แต่แบบนี้ใครจะไปกินลง ฉันเดินเข้าไปในครัวแล้วทอดไข่เจียวขึ้นมาใหม่ แล้วเอามาตั้งวางบนโต๊ะแทนไข่เจียวที่กินไม่ได้ “นั่นขยะ นี่ไข่เจียว” ฉันเปรียบเทียบอาหารของฉันและของเขา พอฉันกินเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในห้องทันที แล้วกลับมานั่งมองกำแพงเหมือนเดิม ฉันมองดูในห้องที่ไม่มีอะไรให้ทำเลย เลยหยิบเสื้อผ้าที่หมอไปเอาจากบ้านของฉันมาให้ จัดใส่ตู้ให้เรียบร้อย เก็บห้องที่กระจัดกระจาย ทำอะไรไปเรื่อยๆ แล้วกลับมานั่งที่เดิม ให้เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมงต่อมา ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!! เสียงเคาะประตูทำให้ฉันรีบไปเปิด เพราะคิดว่าหมอกลับมาแล้ว แต่มันไม่ใช่ มันกลับเป็นตำรวจเลวที่มาเคาะ ฉันจะปิดประตูใส่เขาเพราะความกลัว แต่เขากลับชูถุงพิซซ่าขึ้นมา “ก็รู้ตัวว่าทำอาหารแย่ เย็นกินไอ้นี่ละกัน” “ฉันรอหมอ” ฉันไม่ไว้ใจเขา ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง แต่ในสายตาฉันเขาเป็นคนไม่มีสัจจะ “จะมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้กินก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยรอใหม่ก็ได้ จะเอาแต่อยู่ในห้องก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ออกมากินข้าวดูทีวี ทำอะไรที่มันสดชื่นหน่อย ไหนๆก็ดีขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ” ฉันยอมเดินออกไปกินพิซซ่าที่เขาซื้อมา เพราะท้องที่ร้องจ๊อกจ๊อก เรานั่งกินเงียบๆบนโต๊ะอาหาร เขาจะมองฉันแบบนี้อีกนานไหม ต่างคนต่างระแวง จนไม่เป็นอันกิน ฉันพยายามจะแกะซอสแต่เพราะมือที่มันและลื่น มันเลยทำให้ฉันแกะไม่ออก “เอามานี่แกะให้” แล้วตำรวจเลวก็ดึงซอสในมือฉันไปแกะให้ แล้วส่งคืนให้ฉัน “นี่คุณ คุณต้องเลือกสักทางนะ หมอเป็นคนดี คุณอย่าทำหมอเสียใจนะ ใครได้หมอเป็นแฟนจะโชคดีๆมากๆ” ฉันพูดเรื่องที่ควรพูด เพราะถ้าเขาจะชอบผู้หญิงก็ไม่ควรมาทำให้หมอเสียใจ “โอ้ยยยยย ไปใหญ่แล้ว ฉันชอบผู้หญิง” ตาดุถลึงใส่ฉันอย่างไม่พอใจ “ชอบผู้หญิงก็ไม่ควรทำแบบนั้นกับหมอ ถ้าหมอคิดไปไกล ถ้าหมอมีความหวัง.....” ฉันยังพูดไม่ทันจบมือใหญ่ก็เอื้อมมาปิดปากฉันเอาไว้ “พอ!!! ขนลุก กินต่อไป แล้วเลิกพูดเรื่องนี้ หน้าที่ของฉันคือทวงความยุติธรรมคืนให้เธอ ล้างตราบาปในใจของเธอ และของฉัน เพราะเรื่องของเธอมันทำให้ฉันลาออกจากตำรวจ เพราะฉันทนทำมันต่อไม่ได้ ตอนนี้เธอต้องช่วยฉันรวบรวมหลักฐาน ฉันจะส่งมันให้ตำรวจ เราจะรวบมันทั้งแก๊ง เรามาแก้ปมในใจเราไปพร้อมกัน ฉันเสียใจนะที่มีส่วนทำให้เธอเป็นแบบนี้” มือใหญ่ค่อยๆคลายออกจากปากของฉัน ตาที่หลบลง แล้วกลับไปรักษาระยะห่างแบบเดิม ก่อนจะชี้ไปที่พิซซ่าให้กินต่อ “ไม่ใช่ตำรวจแล้วจะจับคนร้ายยังไง” “ในแบบของฉัน เชื่อใจฉันอีกสักครั้ง ช่วยฉันจับมันให้ได้ ปลดโซ่ที่มันผูกเราทั้งคู่เอาไว้ โซ่ที่เรียกว่าความรู้สึกผิด” เขาชี้ปลายนิ้วมาที่ฉัน จะให้ฉันไว้ใจอีกครั้งงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ ฉันเคยไว้ใจคุณไปแล้ว “พวกคุณทำให้ฉันเป็นคนโง่” ฉันลุกขึ้นเพื่อจะเดินกลับห้อง แต่กลับถูกมือใหญ่คว้าแขนเอาไว้ แต่การสัมผัสที่ไม่เต็มใจมันทำให้ฉันกลัว จนหันไปสู้คนที่ดึงแขนฉันอยู่ ฉันฝังเขี้ยวลงที่แขนใหญ่ “โอ้ย!!!!! เจ็บ” “ปล่อยยยย กรี๊ดดดดด ปล่อยยยยยยยยย” มือใหญ่ปล่อยแขนของฉันจนล้มลงไปกับพื้น ฉันเลยถีบตัวเพื่อหนีเขาทันที เอาอีกแล้ว ไม่เอา ไม่เอา อย่าเข้ามาใกล้!!!!!!!! แต่เขาก็ยังเข้ามาใกล้ไม่หยุด แล้วหมับบบบบ!!! อ้อมกอดใหญ่กอดฉันเอาไว้ “ฉันผิดเอง เราจะเอาพวกมันมารับผิดชอบ ไม่ต้องกลัว ครั้งนี้สัญญาจะปกป้องเธอไม่ให้มันมาแตะต้องเธอได้อีก ช่วยฉันนะ ช่วยกัน ฉันอยากไถ่โทษ ที่ทำพลาด” เสียงกระซิบที่อยู่ข้างหู แม้มันจะเบาบาง แต่มันก็ดังทะลุความกลัวให้ฉันรู้สึกได้ แต่ฉันก็ไม่ได้อยากให้เค้าจับอยู่ดี ฉันดิ้นแรงขึ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดนั้น แต่ยิ่งดิ้นมันยิ่งแน่น “ไม่ปล่อยจะกัด” “กัดเลย เอาที่สบายใจ ฉันอยากให้เธอเชื่อใจ จะได้ทำให้เรื่องนี้มันจบสักที เราจะปล่อยให้มันยืดเยื้อแบบนี้เหรอ ฉันไม่รู้จะทำให้เธอเชื่อใจยังไง ฉันแค่ทำตามหมอเท่านั้น ถ้าเธอไม่ได้บ้า หรือรับรู้สิ่งที่ฉันพูดได้บ้าง ฉันอยากบอกว่า ฉันอยากช่วยนะ” “ขะ...ขอคุยกับหมอก่อน” คำตอบของฉันทำให้ไอ้ตำรวจนั่นยอมปล่อย ฉันก็รีบดีดตัวไปด้านหลัง แล้วตะเกียกตะกายเข้าไปในห้องห้องด้วยความกลัว อีกด้าน “แบบนี้ดีแล้วใช่ไหม” ติณถามนทีที่เดินเข้ามาในบ้าน เพราะเห็นว่าอารมณ์ของหมอไม่ปกติเท่าไหร่ “อย่ามาแอบคิดอะไรกับคนไข้ของผม ผมแค่อยากให้เธอเปิดใจ แต่ไม่ได้แปลว่าให้คุณมีใจให้เธอ เก็บใจของตัวเองเอาไว้ดีดี” นทีที่ดูอารมณ์ดีตลอดเวลา วันนี้กลับหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด “หมอชอบคนไข้ตัวเองสินะ ทำไมฉันจะดูไม่ออก ไม่งั้นลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล จะมาทนอะไรแบบนี้ทำไม” “คุณอยากไถ่บาป ผมก็อยากไถ่บาป แล้วผมมาก่อน” นทีบอกอย่างชัดเจน ก่อนจะเดินไปทางห้องของหนูมาริ “ฉันไม่มีทางชอบเธอ เธอก็แค่ผู้หญิงที่ฉันอยากะไถ่บาปเท่านั้น” ติณพูดจบ ก็เดินขึ้นไปชั้นบน เพื่อไปที่ห้องของตัวเอง โดยไม่สนใจหมอและเด็กหญิงอีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD