“อ๊า”
เสียงคนที่เหลือร้องออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจปนหวาดกลัว เทพเจ้าหน้าหยกคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว พวกมันต่างคิดไม่ถึงว่าวิทยายุทธ์ของเจ้าสำนักคุ้มภัยเป่าจินจงที่ได้ยินแต่เพียงคำเล่าลือจะร้ายกาจถึงเพียงนี้
“พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันให้หมดนี่ ข้าไม่อยากเสียเวลา” หยางต้าหลงคำรามครั้งเดียว วาดกระบี่ออก ดวงตาเฉียบคมย้อมไอสังหารจ้องมองที่ศัตรูเบื้องหน้าเขม็ง
พวกมันมองหน้ากัน แล้วพยักหน้าอย่างหวาดๆจะหนีก็หนีไม่ได้ จะสู้ก็ตายแต่มาถึงตอนนี้ ตายเป็นตาย จากนั้นก็กรูเข้าใส่เป้าหมายพร้อมกัน ค่าหัวของหยางต้าหลง รวมทั้งทรัพย์สมบัติที่จะได้จากการปล้นชิงครั้งนี้มากพอที่จะทำให้พวกมันขวัญกล้าเทียมฟ้า ประจันหน้ากับเทพสวรรค์ที่แม้ยืนอยู่หนึ่งเดียวก็ยังกล้าต่อกรกับคนสิบคนไม่หวาดหวั่น
หยางต้าหลงใช้กระบี่รับการฟาดฟันจากโจรป่าที่กระโดดลอยตัวมาจากด้านบนหมายจะตัดหัวของเขา เขารับด้วยตัวกระบี่จากนั้นก็สะบัดข้อมือเปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นแทงกลับแต่มันใช้วิชาตัวเบาเตะเท้ากลางอากาศหลบคมกระบี่ได้ทัน
แต่หยางต้าหลงไม่มีเวลาหายใจเมื่อพวกโจรที่รอจังหวะทีเผลอก็พุ่งปลายกระบี่แหลมคมเข้าหาลำตัวของเขา เขาเอี้ยวตัวหลบแต่เอวก็ถูกถากไปทีหนึ่งจนเลือดซิบ
เขามองแผลที่เอวครั้งหนึ่งก่อนมองประเมินไปที่พวกโจร ในสถานการณ์นี้เขาจะประมาทไม่ได้ พวกมันยังเหลือนับสิบคนและเหมือนเลือดเข้าตาจนสู้ไม่กลัวตาย ส่วนอีกด้านศิษย์ในสำนักก็กำลังคุ้มภัยเจ้าสาวในเกี้ยวอย่างเต็มที่ สู้ไปสู้มาเหลือสี่ต่อสี่นับว่ายังพอรับมือได้
ดวงตาคมกริบเริ่มสงบนิ่งได้แล้วหันมามองศัตรูตรงหน้า วิทยายุทธ์ของเขาไม่ใช่เพิ่งฝีกปรือ แต่เขาฝึกปรือมาตั้งแต่ห้าขวบนับรวมเวลาก็ยี่สิบปี ผ่านการฆ่าคนมาไม่น้อย ศัตรูตรงหน้านับเป็นอะไรได้
หยางต้าหลงก้าวเท้าตั้งท่ารอรับการจู่โจม โจรป่าที่ต้องการสังหารเป้าหมายให้สิ้นซากวิ่งเข้าใส่พร้อมกัน พวกมันแทงกระบี่เข้าใส่หยางต้าหลง แต่แทงได้เพียงอากาศ เพราะหยางต้าหลงกระโดดแหวกอากาศขึ้นสูงแล้วหันมาฟันใส่พวกมันล้มไปสองคน
เหลืออีกแปดคน หยางต้าหลงไม่รอช้าให้พวกมันจู่โจม เขาเป็นฝ่ายรุกเองด้วยการเข้าไปประกระบี่กับพวกมัน
เสียงกระบี่เสียดสีแหวกสายลมกันไปมา หยางต้าหลงสังหารพวกโจรป่าตายลงไปทีละคน ร่างพวกมันล้มลงดุจใบไม้ร่วง แต่ขณะเดียวกันพลังลมปราณที่งัดมาใช้เกือบหมดก็ทำให้หยางต้าหลงพลาดท่าโดนคมกระบี่ฟันใส่ไหล่ไปแผลหนึ่ง
หยางต้าหลงขบกรามแน่น กำด้ามกระบี่เมฆาเคลื่อนในมือแล้วเข้าสู่ต่อ เพราะถ้าหากเขาเผลออ่อนแอให้พวกมันเห็น มันต้องเร่งรุกเข้าใส่เขาเป็นแน่
ขณะที่ทางด้านเกี้ยวเจ้าสาว ศิษย์ในสำนักคุ้มภัยเป่าจินจงก็สู้จนสังหารพวกมันได้หมด แต่ก็บาดเจ็บไม่น้อยเพราะวิทยายุทธ์ของพวกโจรป่านั้นสูสี ทำเอาศิษย์ที่เหลือรอดจากการต่อสู้จำนวนสี่คนได้แต่นอนเอามือกุมบาดแผลที่กระจายอยู่เต็มตัว
“ข้าซวยแล้ว! เพราะเจ้านั่นแหละกระต่ายน้อย ไม่ใช่งิ้วสักหน่อยคนกำลังฆ่ากัน” นางหันไปมองแต่เจ้ากระต่ายขนปุยหายไปแล้ว “ไปไหนแล้วเจ้ากระต่าย เอาตัวรอด ทิ้งข้า”
แวบหนึ่งหยางต้าหลงหันไปเห็นหญิงงามร่างเล็กเขาไม่แน่ใจนักว่านางอายุถึงสิบห้าปีหรือไม่แต่เกรงว่านางจะได้รับผลกระทบไปด้วย เขาขี้เกียจเก็บหัวสวยๆ ของนางไปตามหาพ่อแม่
“แม่นางน้อย เจ้ามาวิ่งเล่น เพ่นพ่านอะไรแถวนี้ ไม่ใช่เรื่องของเจ้า รีบไสหัวไปซะ”
ฮุ่ยชิงยกมือปิดปากซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ บุรุษร่างกำยำใบหน้าคร้ามคมคนนั้นช่างตาดีนักมองเห็นนางด้วย หรือว่าความสวยของนางถูกต้นไม้ใหญ่ซ่อนไม่มิดเลยกระแทกตาเขา
นางเอ่ยเบาๆ เพราะเกรงว่าพวกที่กำลังฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายจะมองเห็นนางด้วย
“ใครว่าข้ามาวิ่งเล่น ข้ามาเก็บสมุนไพร งั้นข้าไปดีกว่า เชิญสู้กันต่อไปนะ เรื่องนี้ข้าไม่เกี่ยว”
ร่างเล็กมองหาทางหนีทีไล่กำลังหาทางเร้นกายออกไปให้พ้นความตายที่นางไม่ควรผ่านเข้ามาเจอ
แต่แล้วนางก็ได้ยินเสียงของบุรุษนอนร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดอยู่ดังขึ้น นางหันกลับมามอง ยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งไม่กล้าผลีผลามวิ่งไปเพราะกลัวถูกสังหารไปด้วย นางมองไปใกล้ๆกันมีร่างชายในชุดดำโพกผ้าปิดใบหน้าเห็นแต่ดวงตานอนตายอยู่ น่าจะเป็นโจรป่ามาดักชิงสมบัติของขบวนเกี้ยวเจ้าสาวดูจากขบวนเกี้ยวแล้วเจ้าสาวไม่ใช่คนธรรมดา
“งานยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพคนตาย ข้าว่าตายได้อีกเยอะเลย”
เท้าเล็กๆวิ่งตรงไปยังคนที่นอนเจ็บ นางมองเห็นอีกด้านยังมีการต่อสู้กันอยู่ แต่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็ทำให้ฮุ่ยชิงไม่กล้าทิ้งคนเจ็บไว้ นางวางตะกร้าลงมองสำรวจบาดแผล เห็นเลือดออกตรงช่องท้อง นางมองเขาแวบหนึ่งคิดว่าจะช่วยดีหรือวิ่งหนีไปให้เร็ว นางคว้าตระกร้าสมุนไพรกำเอาไว้แน่น
“ไม่ใช่เรื่องของข้า ข้าไม่ควรยื่นมือเข้ามายุ่ง”
ทว่าจิตสำนึกฝ่ายดีทำให้นางวางตระกร้าอย่างอ่อนใจ
“ข้าไม่ได้ใจดี แต่ข้าใจอ่อน” ร่างอ้อนแอ้นถอนใจยาวพรืด คนที่นอนจมเลือดมีร่างแข็งแกร่งใหญ่โตเปี่ยมด้วยพลังของบุรุษ เขาปราดมองนางที่คิดจะวิ่งไปแล้วย้อนกลับมา
“ท่านมีเลือดออกมาก ข้าจะช่วยห้ามเลือดให้” ฮุ่ยชิงบอกแล้วรีบหยิบสมุนไพรห้ามเลือดที่นางเพิ่งเก็บออกมา ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ อย่างชำนาญจากนั้นก็ฉีกเสื้อคนป่วยออก เลือดสดๆไหลซึมออกมาพร้อมกับกลิ่นคาว ฮุ่ยชิงมองซ้ายขวาจะหาผ้าสะอาดแต่ไม่เห็นอะไรเลย นางจึงฉีกชายกระโปรงส่วนที่สะอาดไม่เปื้อนดินโคลนขึ้นมา
“แม่นางช้าก่อน เหตุใดเจ้าจึงฉีกชายกระโปรงออก”
“เจ้าทึ่ม ถามได้ เจ้านี่ช่างไม่รู้อะไร”
คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยในเมืองเกาซานมีใครกล้าเหิมเกริมบังอาจเรียกเขาว่าเจ้าทึ่ม
“ข้าจะเช็ดปากแผลให้ ไม่อยากตายหุบปากซะ ถึงกระโปรงข้าจะเก่าไปหน่อย แต่สะอาดรับรองได้”
นางดุเขาแล้วค้อนปะหลับปะเหลือกราวกับเขาไม่รู้ความ “เจ้าทำแผลเป็นเหรอ”
“เงียบเถอะ ข้าไม่ใช่หมอก็จริงแต่ตอนนี้ท่านไม่มีสิทธิ์เลือก จะให้ข้าช่วยห้ามเลือดให้หรือไม่ ถ้าไม่ท่านก็รอหมอจริงๆมาดูเถอะแต่ก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหน”