ยามอู่ (11.00 น.-12.59 น.) แม้จะแดดร้อนเปรี้ยงแค่ไหน แต่มือเล็กๆที่กำลังเก็บสมุนไพรที่จำเป็นต้องนำไปติดเรือนไว้ก็ไม่ย่อท้อ ร่างเล็กบางราวกิ่งหลิวย่อตัวลงนั่งกับพื้นหญ้า เร่งเก็บสมุนไพรใส่ตะกร้าไม้ไผ่อย่างคล่องแคล่ว เพราะต้องรีบกลับไปที่เรือนให้ทันก่อนยามเซิน (15.00 น.-16.59 น.) ไม่อย่างนั้นนางต้องถูกแม่ใหญ่เล่นงาน วันนี้ที่นางออกมาได้เพราะแม่ใหญ่ท้องเสีย อ่อนเพลียนอนพักอยู่ในห้องไม่ออกจากเรือนใหญ่มาสามวันแล้ว พวกบ่าวไพร่ในเรือนใหญ่เอาแต่เสนอหน้าเฝ้านางไม่ได้ขาด ทำให้ฮุ่ยชิงมีโอกาสลอบออกมานอกจวนโดยมีสาวใช้คนสนิทคอยดูต้นทาง
นอกจากทำอาหารแล้วฮุ่ยชิงยังมีความรู้เรื่องสมุนไพรด้วย มารดาเป็นคนสอนนางเก็บสมุนไพรตั้งแต่เล็ก สมุนไพรที่นางเก็บมีทั้งสรรพคุณใช้ห้ามเลือด แก้ไข้ แก้ปวดท้องนางเก็บจนเต็มตะกร้าแล้วจึงลุกขึ้น
ที่จริงนางปลูกสมุนไพรไว้บริเวณใกล้เรือนพักแต่เมื่อหลายวันก่อนมีชายชราผมขาวเป็นลมอยู่หน้าจวน นางช่วยเขาเอาไว้ชายคนนั้นบอกแก่นางว่าลงจากเขาเข้าเมืองมาหาซื้อสมุนไพร นางเห็นว่าสมุนไพรที่ชายชราต้องการจะซื้อนางปลูกไว้จึงนำมันให้ชายชราไปโดยไม่คิดราคาเพราะสงสารที่อยู่ตัวคนเดียวไม่มีเมียไม่มีลูกดูแล ชายคนนั้นบอกจะดูดวงให้ฟรีฮุ่ยชิงปฏิเสธแต่เขายืนกรานว่าดูแม่นยำนักครั้งหนึ่งเขาเคยทำงานอยู่ในวัง
นางจึงตัดรำคาญยอมให้เขาดู ชายชราตรวจดวงนางพลันสายตาตื่นตะลึง แล้วบอกนางว่าวาสนานางสูงส่ง ฮุ่ยชิงแทบหลุดขำ ชายชราคงเลอะเลือน ร่างเล็กคิดเรื่องขบขันพลางหัวเราะเบาๆ
“ข้ามีวาสนาสูงส่งจริง คงไม่ต้องมานั่งเก็บสมุนไพรไปขายแบบนี้หรอก”
สมุนไพรพวกนี้นอกจากนำไปใช้เอง ที่เหลือนางจะนำไปขาย นางหาเงินทุกทางเพื่อให้มารดาได้มีของกินดีๆ เพื่อบำรุงร่างกายบ้าง ขณะกำลังจะเดินกลับแต่นางหันไปเห็นกระต่ายป่าตัวน้อยสีขาวน่ารักตัวหนึ่งเข้า กระต่ายน้อยกำลังจ้องมองนางอยู่ราวกับจะชวนไปวิ่งเล่น
ฮุ่ยชิงส่ายหน้า “ข้าไปวิ่งเล่นกับเจ้าไม่ได้หรอกกระต่ายน้อย ข้าต้องรีบกลับบ้าน วันนี้ท่านพี่เหมยลี่จะมาเยี่ยมบ้าน ข้าต้องรีบกลับไปคารวะ”
นางว่าแล้วก็เตรียมจะหมุนตัวเดินกลับ แต่เจ้ากระต่ายน้อยสีขาวปุกปุยที่ดูจะรู้เรื่องเกินเหตุ กลับวิ่งเข้าหานาง
“เอ๊ะ ยังไงกัน เจ้ากลับไปหาครอบครัวเจ้าเถอะ ถ้าหากมีพวกพรานล่าสัตว์มาเจอ ต้องจับเจ้าเป็นอาหารแน่” ฮุ่ยชิงย่อตัวลงนั่งคุยกับกระต่าย แต่มันก็ไม่ยอมไปไหนมิหนำซ้ำมันยังวิ่งเข้ามาคลอเคลียกับเท้าของนาง
“ไม่วิ่งหนีข้าแบบนี้ เป็นอาหารของข้าดีหรือไม่” นางหยอกมันเล่นเท่านั้น แต่กระต่ายน้อยสัมผัสถึงความอ่อนโยนจากท่าที่ของนางได้ เจ้าขนปุยจึงไม่กระโดดไปไหน
แต่ความผิดปกติทำให้มันกลับถอยหนี แล้ววิ่งไปอีกทาง ด้วยความสงสัยแกมอยากรู้ว่าเจ้ากระต่ายน้อยจะสื่อสารอะไร นางจึงวิ่งตามเจ้ากระต่ายน้อยไปอย่างไม่รู้ตัว
“เกิดอะไรขึ้นเจ้ากระต่ายน้อย เป็นอะไรเล่า”
ร่างเล็กที่วิ่งตามมาได้สักพัก เม็ดเหงื่อก็เริ่มผุดพรายขึ้นเต็มกรอบหน้าผาก ฮุ่ยชิงหยุดวิ่งแล้วยกมือปาดเหงื่อ
“รอข้าด้วยเจ้าเห็นข้าหน้าเหมือนเจ้าหรือไง เจ้าขนปุย ข้าไม่ใช่กระต่ายจะได้วิ่งตามเจ้าทัน”
มันสนใจคำของนางเสียไหน ใช่แล้วมันฟังนางไม่เข้าใจ ร่างอ้อนแอ้นแก่นเซี้ยววิ่งตามไปอย่างปราดเปรียว
“ข้าเหนื่อยแล้ว ข้าไม่มีเวลามาวิ่งเล่นกับเจ้าแล้ว ถ้าอยากชวนข้าวิ่งเล่นก็ไว้วันหน้าเถอะ”
ฮุ่ยชิงมองพระอาทิตย์บนท้องฟ้าที่เคลื่อนจากบริเวณศีรษะไปทางทิศตะวันตกก็ร้อนใจ เพราะแสดงว่าเลยยามอู่ไปมากแล้ว นางตัดสินใจจะวิ่งกลับทว่าหูของนางได้ยินเสียงกรีดร้องสลับกับเสียงต่อสู้ดังแว่วอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“นั่นเสียงอะไร หรือใครจ้างพวกงิ้วเข้ามาเล่นในป่า” นางพูดออกไปเช่นนั้นแต่ดวงตาเคลือบความระแวงสงสัย
อีกด้านหนึ่ง
“คุ้มกันเกี้ยวเจ้าสาวอย่าให้เจ้าสาวเป็นอะไรเด็ดขาด”
หยางต้าหลงสีหน้าเคร่งเครียด ดำทะมึนด้วยความโกรธจัด เขากำลังขี่ม้านำขบวนเกี้ยวเจ้าสาวผ่านป่าไผ่ที่รกทึบ จู่ๆก็มีโจรป่านับสิบคนกรูกันเข้ามาขวางหน้าขบวนเกี้ยว พวกมันมีคนมากพร้อมอาวุธครบมือ หนำซ้ำลงมืออย่างรวดเร็วจนเขาเกือบตั้งรับไม่ทัน พวกมันฆ่าสาวใช้และบ่าวผู้ชายตายหมด เหลือแต่คนในสำนักคุ้มภัย
ฝีมือกระบี่พวกมันไม่ธรรมดา จัดอยู่ในกระบวนท่าสูงส่ง จนหยางต้าหลงตะโกนสั่งศิษย์ในสำนัก
“ปกป้องเจ้าสาวในเกี้ยวด้วยชีวิต”
“ขอรับท่านประมุข”
หยางต้าหลงยกมือปาดเหงื่อ คุ้มครองความปลอดภัยคนครั้งนี้นับว่าเป็นอีกงานหนึ่งที่ต้องเสี่ยงชีวิต แต่เมื่อรับงานมาแล้วก็ต้องยอม ดวงตาเฉียบคมกวาดมองศิษย์ในสำนักคุ้มภัย บาดเจ็บไปห้าคน ล้มตายไปหนึ่งคน ยังเหลือต่อสู้กับพวกโจรอีกสี่คน แต่โจรมีมากถึงยี่สิบคนต่อให้พวกเขามีปีกก็ยากจะบินหนี พวกคนคุ้มภัยที่บ้านเจ้าสาวที่จ้างมาต่างหากต่างตายเกลื่อนดังใบไม้ปลิดปลิวไปหมด
หยางต้าหลงยืนอยู่กลางวงล้อมโจรป่าท่าทางเด็ดเดี่ยว ใบหน้าหล่อเหลายังสงบนิ่ง ไม่มีแวววิตกพาดผ่าน เขาเหลือบตาเพียงนิดเดียว มองให้แน่ใจว่าเจ้าสาวยังอยู่ในเกี้ยวอย่างปลอดภัยไม่มีโจรป่าคนไหนไปยุ่ง แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว คนยังไม่ตายนับว่างานยังสำเร็จอยู่
“เจ้ายอมแพ้พวกเราเถอะท่านประมุขหยาง สิบต่อหนึ่งยังไงท่านก็เอาชนะเราไม่ได้”
หยางต้าหลงเดาว่าคนที่พูดน่าจะเป็นลูกพี่ของพวกมัน เขาแค่นยิ้มเย็นชาครั้งหนึ่ง แต่แค่นั้นก็ทำให้คนมองขนคอตั้งชัน
“ว่ายังไง ยอมแพ้เถอะ ส่งตัวเจ้าสาวกับสมบัติมาให้พวกเราเดี๋ยวนี้”
“พวกสมองสุกร ตาสุนัข ข้าไม่มีวันให้ในสิ่งที่พวกเจ้าต้องการ ต่อให้พวกเจ้ามามากกว่านี้ข้าก็ไม่กลัว” หยางต้าหลงถีบตัวขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ปลายเท้าแตะกิ่งไม้ครั้งหนึ่ง ก็วาดกระบี่เมฆาเคลื่อนเข้าใส่พวกมัน ที่ไม่ทันแม้แต่จะได้กะพริบตา
สามคนถึงกับทรุดล้มลงกับพื้น เลือดที่ลำคอพุ่งกระฉูดเป็นสายน้ำหลาก เพราะคมมีดเมฆาเคลื่อนนั้นบางแต่คมกริบแถมยังแข็งแรง หาอาวุธใดเปรียบได้ยาก อีกทั้งพลังข้อมือของหยางต้าหลงทั้งหนักแน่น ว่องไว ลงกระบี่ครั้งเดียวตายไปสาม