ตอนที่ 7.4

2187 Words
“คุณหนูอัยย์ไม่มีเรียนหรือครับ” เสียของจินเอ่ยทักสาวน้อยที่กำลังนั่งทานข้าวเงียบๆ อยู่ในครัว อัยย์ส่ายหน้า หันไปส่งยิ้มบางให้จิน “มีเรื่องเกิดขึ้นกับซายูริ อัยย์ไม่มีกะจิตกะใจนั่งเรียนหรอกค่ะ” “คาวะติดต่อกลับมาหรือเปล่า” “ไม่ค่ะ อัยย์ตั้งใจว่าจะโทรหาอยู่เหมือนกัน คุณจิน... หายดีแล้วเหรอคะ” สายตาของอัยย์จ้องไปที่แขนซึ่งยังอยู่ในเฝือกของจิน “ดีขึ้นแล้วครับ ได้ยินว่าคุณหนูอัยย์อยู่กับหัวหน้าแม่บ้านตอนเตรียมนมให้ท่านซายูริ คุณหนูเห็นอะไรผิดสังเกตไหมครับ” อัยย์ชะงัก จู่ๆ ก็รู้สึกกลืนอาหารลำบาก มองสบสายตาคมกริบของจินนิ่งชั่วขณะ “คุณจิน... สงสัยอะไรอยู่หรือคะ” “ผมคิดว่าหัวหน้าแม่บ้านอาจจะกำลังคิดไม่ซื่อ” “มะไม่มั้งคะ หัวหน้าแม่บ้านออกจะเป็นคนดี” “คุณหนูอัยย์คิดแบบนั้นเหรอ” “ค่ะ ทำไมคุณจินสงสัยหัวหน้าแม่บ้านล่ะคะ ทั้งๆ ที่หัวหน้าแม่บ้านก็ทำงานอยู่ที่นี่มาตั้งนาน” อัยย์ทราบเรื่องที่จินเรียกหัวหน้าแม่บ้านไปคุยเป็นการส่วนตัวเช่นเดียวกับคนอื่นๆ  ได้ยินมาว่าหัวหน้าแม่บ้านถูกสงสัยอยู่คนเดียว อัยย์นึกเห็นใจแต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงดีเหมือนกัน  “ผมพูดไปตามหลักฐาน นอกจากหัวหน้าแม่บ้านก็ไม่มีใครเข้าใกล้แก้วนมเลย มีใครบ้างที่รู้ว่าหัวหน้าแม่บ้านเอานมไปวางไว้ในห้องนอน ถ้าไม่ใช่หัวหน้าแม่บ้านก็ต้องมีใครสักคนแอบตามขึ้นไป ยังไงซะ คนที่ทำก็ต้องวางแผนมาเป็นอย่างดี” อัยย์นิ่งเงียบ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว พยายามไม่ตื่นเต้นไปกับข้อสันนิษฐานของจินพลันริมฝีปากบางก็ฉีกยิ้มออกมาซื่อๆ “นั่นสิคะ อาจจะมีคนแอบตามไปอย่างที่คุณจินว่าก็ได้ เพราะอัยย์ไม่เชื่อว่าหัวหน้าแม่บ้านจะทำกับซายูริได้ลงคอ” ครื้ด!~ ครื้ด!~ “คุณเคนมะ โทรศัพท์สั่นหรือเปล่าคะ คุณเคนมะ” ฝ่ามือนุ่มๆ ตบลงบนแผ่นอกกว้างเปลือยเปล่าของชายหนุ่ม ที่เรียกแล้วเรียกอีกก็ไม่ยอมตื่น จนเธอทนไม่ไหวเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มาดู ต่อเมื่อเห็นชื่อคนที่โชว์หราอยู่บนจอก็ไม่กล้าที่จะกดรับสายโดยพละการ “คุณเคนมะคะ คุณท่านโทรมาค่ะ” “หืม” คำว่าคุณท่านกระตุ้นโสตประสาทเคนมะได้เป็นอย่างดี เขาปรือตาขึ้นอย่างงัวเงีย อ้าปากหาวหวอดๆ ก่อนจะเบิกตามองโทรศัพท์ที่หญิงสาวตรงหน้ายื่นให้  “พ่อมีอะไร” (แกอยู่ที่ไหนวะ ฉันโทรไปหลายสายทำไมถึงไม่ยอมรับ) “ฮ้าว ผมหลับอยู่” (ซายูริถูกวางยานอนหลับ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล แกเคยรู้บ้างไหม!) “หา!?” เคนมะอึ้งไปชั่วขณะ งงว่าพ่อพูดเรื่องอะไร เมื่อวานเขาอยู่กับเธอทั้งวันและเธอก็ยังดีๆ อยู่เลย “พ่อหมายความว่ายังไง แล้วซายูริเป็นยังไงบ้าง” ต่อให้ไม่สิเน่หาเต็มร้อยแต่อย่างน้อยเธอก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้น เคนมะย่อมมีความอยากรู้เป็นธรรมดา กระนั้นก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนใจอะไรมาก ซายูริหน้าตาน่ารัก สวยตรงใจเขาก็จริงแต่กลับมีนิสัยที่หยิ่งทะนงเกินไปทำให้เธอไม่มีเสน่ห์ เทียบกันแล้วอัยย์ยังดูเย้ายวนกว่า (ฉันเพิ่งให้ริเอะเอากระเช้าไปเยี่ยมไปที่โรงพยาบาล เห็นว่ายังไม่ฟื้น) “แม่เลขาคนสวยของพ่ออะนะ เสียดาย พ่อน่าจะโทรมาเร็วกว่านี้ผมจะได้ขับรถให้เธอ” (ไอ้! โว้ย เลิกทำตัวไร้สาระสักที ซูซาคุจำเป็นต้องมีคนสานต่อ ซึ่งก็คือแกเคยตระหนักถึงหน้าที่ตัวเองบ้างไหมห๊ะ) เคนมะชักสีหน้าเบื่อหน่าย เอานิ้วแคะหูข้างหนึ่งพลางกลอกตามองบน พูดจาตัดบทพ่ออย่างนึกรำคาญ “เออๆ ไว้ผมจะหาเวลาไปเยี่ยมว่าที่ลูกสะใภ้พ่อที่โรงพยาบาล แค่นี้นะ” (เฮ้ย! เคน...) เคนมะกดวางสายอย่างไม่ทุกข์ร้อน โยนโทรศัพท์ทิ้งไปที่ปลายเตียง ก่อนจะคว้าตัวสาวสวยข้างๆ มาเคล้าเคลียด้วยความหื่นกระหาย “อ๊ะ คุณเคนมะ เดี๋ยวคะ” สาวสวยที่ถูกกดลงใต้ร่างยกข้อมือขึ้นดันแผ่นอกล่ำๆ ของเขาเอาไว้ หากแต่เคนมะกลับดึงข้อมือนั่นมาจูบแทน พลางส่งสายตาร้อนแรงให้กับคู่ขาบนเตียง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนก็สาวใช้ในบ้านนั่นแหละ “เดี๋ยวอะไรล่ะ? เธอก็รู้ว่าฉันหยุดตัวเองไม่ได้เวลาอยู่ต่อหน้าคนสวยๆ” เขาปากหวานตลอด จนคนใต้ร่างแทบจะหลอมละลายไปเพราะความเขินอาย  “สาวน้อย มาสนุกกันดีกว่า” “อื้อ อ๊ะ คุณเคนมะ... อ๊ะอร๊างง” หลังจากนั้นเสียงครวญครางก็ดังสะท้อนแผ่วหวิวไปทั้งห้อง กลิ่นไอราคะคุกรุ่น บรรยากาศภายในห้องคล้ายถูกแผดเผาไปด้วยเพลิงปรารถนาที่ร้อนแรงของเคนมะ ก๊อกๆ "คุณเคนมะคะ" ประตูห้องถูกเคาะ เสียงมีอายุของแม่บ้านดังลอดเข้ามา คนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเงยหน้าขึ้นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ ตวัดสายตาขวางจัดไปทางประตู "คุณท่านโทรมาว่าให้ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ค่ะ" คนฟังผ่อนลมหายยาว กำลังจะโน้มหน้าลงไปหาเต้าเต่งตึงของสาวใช้ "ถ้าคุณไม่ออกจากบ้านภายในสิบนาที คุณท่านขู่ว่าจะเปลี่ยนสาวใช้เป็นผู้ชายทั้งหมด" "...!!!" โรงพยาบาล “นั่งเฝ้าไม่ห่างเลยนะ กลัวไม่ฟื้นเหรอ” เสียงยียวนดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องที่ถูกเปิดเข้ามา คาวะละสายตาจากใบหน้ามนบนเตียงหันไปมองแขกไม่ได้รับเชิญ “ริเอะ มาทำอะไร” “คุณซาโต้ให้ฉันเอาของมาเยี่ยมไข้ จะว่าไปก็น่าสงสารนะ ถ้านายยิงเธอตายไปซะตั้งแต่คืนนั้นก็คงไม่ต้องมาทรมานอยู่แบบนี้” ริเอะวางกระเช้าลงเดินเข้ามายืนซ้อนด้านหลังคาวะ ยกแขนขึ้นพาดไหล่แกร่ง โน้มหน้าอกลงบดเบียดกับหลังชายหนุ่มอย่างจงใจ “เห็นด้วยไหม” “ถอยออกไป” “ไม่เอาน่า อย่าเย็นชานักสิ ฉันมาเพราะหวังดีนะ ถ้าไม่อยากให้คนที่นายรักพลอยซวยไปด้วยก็รีบจัดการยัยเด็กนี่ซะ โอกาสมาถึงแล้ว” “หมายความว่ายัง! เธออยากพูดอะไร” “ว้ายคาวะ!” ชายหนุ่มหันไปกระชากแขนเล็กๆ ของนักฆ่าสาวอย่างรุนแรงจนร่างเธอถลำมาอยู่ข้างๆ ริเอะขมวดคิ้วตึงเครียดเพราะเจ็บ ครู่หนึ่งก็เปลี่ยนเป็นยิ้มยวน “อยากรู้เหรอ งั้นฉันจะบอก…” “พี่คาวะ!?” ยังไม่ทันที่ริเอะจะได้พูด ประตูห้องก็เปิดเข้ามาพร้อมกับร่างของอัยย์ที่ยืนอยู่หน้าประตู “อัยย์…” คาวะมองใบหน้าสับสนของน้องสาวแล้วรีบปล่อยข้อมือริเอะทันที  “ขะขอโทษนะคะ ไม่คิดว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย” อัยย์ส่งสายตาสงสัยไปที่ริเอะ ไม่ทราบว่าเธอเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่แล้วเมื่อสักครู่เหมือนจะมีเรื่องอะไรกันด้วย “มาเยี่ยมซายูริเหรออัยย์” “ค่ะ” “งั้นพี่ฝากด้วย ริเอะเธอมานี่” คาวะคว้าข้อมือริเอะเดินผ่านหน้าอัยย์ออกมา ริเอะส่งเสียงประท้วงคล้ายไม่พอใจ แต่ก่อนจะเดินผ่านอัยย์ออกมาจู่ๆ เธอก็รั้งข้อมือเอาไว้แล้วส่งยิ้มให้อัยย์ที่กำลังสับสน “เหนื่อยหน่อยนะสาวน้อย” “…..” อัยย์มองสบสายตาคมกริบของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจว่าเธอพูดเรื่องอะไร แต่แววตาที่จ้องมองมาราวกับล่วงรู้ทุกอย่างนั่นทำเอาอัยย์รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก มือกำสายกระเป๋าสะพายแน่น คาวะมองริเอะพูดกับอัยย์ครู่หนึ่ง ถึงจะรู้สึกแปลกๆ แต่ความไม่พอใจที่มีมากกว่าก็ทำให้เขากระชากแขนริเอะออกมาโดยไม่สนใจอะไรอีก “เฮ้!” ริเอะที่ถูกเหวี่ยงกระเด็นใส่ผนังตรงบันไดหนีไฟหันมาส่งสายตาเขียวขุ่นให้คาวะ “บอกจุดประสงค์ของเธอมา” “จุดประสงค์?” ริเอะหรี่ตาลง “ที่เธอพูดในห้องคืออะไร” “อ้อ นายก็ฉลาดนี่คาวะ น่าจะคิดได้เอง” “หมายความว่ายังไง!” คาวะคว้าไหล่ริเอะเข้ามาบีบแน่น ความโยกโย้ของอีกฝ่ายทำเอาเขาหัวเสีย ริเอะไม่ตอบ แสยะยิ้มมองสบสายตาคมกริบของคาวะอย่างไม่สะทกสะท้าน  “ริเอะ!” “หึ เอาเป็นว่าซายูริตายเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ถ้าเด็กนั่นไม่ฟื้นขึ้นมาเลย นายก็จะไม่ถูกคิดบัญชีที่ทำงานพลาด” “เธอรู้ตัวคนที่วางยาซายูริ?” “เรื่องนั้นนายน่าจะรู้ดีกว่าฉันนะคาวะเพราะนายอยู่ที่นั่น...” ริเอะแสยะยิ้มระหว่างแกะมืออีกฝ่ายออกจากไหล่ก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วเดินออกมา ทิ้งให้คาวะมองตามด้วยสายตาค้างคาใจ เขาไม่เข้าใจที่ริเอะพูดทั้งหมด แต่ก็พอเดาออกว่าเขาต้องเดือดร้อนถ้าหากซายูริยังมีชีวิตอยู่ บ้าเอ้ย! จะบอกว่าเขาตัดสินใจผิดที่ไว้ชีวิตซายูริงั้นเหรอ คาวะกัดฟันกรอด แววตาคมกริบมองออกไปนอกกระจกอย่างครุ่นคิดถึงสิ่งที่ริเอะพูด ขณะเดียวกัน ร่างสูงของเคนมะเดินอืดอาดออกจากลิฟต์ ต่อเมื่อเจอลูกน้องของซายูริที่นั่งเฝ้ายามอยู่ใกล้ๆ กับห้องพักฟื้นเขาก็เปลี่ยนท่าทีเป็นกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที  “คุณเคนมะ สวัสดีครับ” “อืม ฉันมาเยี่ยมซายูริ” “อ่อ เชิญครับ” พวกลูกน้องรีบผายมือเชิญอย่างไร้ข้อสงสัย เคนมะพยักหน้าแล้วเดินออกมาอย่างเคร่งขรึม เปิดประตูเข้าไปในห้อง... “ทำอะไรน่ะ” “ว้าย!” อัยย์สะดุ้งเฮือก ทำเข็มฉีดยาในมือหล่นพลั่ก! หันกลับไปมองหน้าอีกฝ่ายอย่างกระสับกระส่าย หัวใจสั่นระรัวไปหมด “คะคุณเคนมะ!” เธอตกใจสุดขีด ก้มลงมองเข็มฉีดยาบนพื้นเลิ่กลั่กก่อนจะนึกได้ว่าต้องรีบหนี  อัยย์หลับหูหลับตาวิ่งออกมาแต่ถูกเคนมะคว้าท่อนแขนเอาไว้ซะก่อน “จะไปไหน แล้วนั่นอะไร” “ปล่อยนะ! คุณเคนมะปล่อยอัยย์!” “อัยย์นี่เธอ...” “ปล่อย!”  อัยย์ยังดิ้นไม่หยุด แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ไม่กล้าโวยวายเสียงดังเพราะกลัวพวกที่อยู่ข้างนอกได้ยินแล้วกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิม เคนมะหรี่ตามองท่าทางร้อนรนของคนตรงหน้าก่อนเลื่อนสายตาไปมองเข็มฉีดยาที่หล่นอยู่บนพื้น โดยไม่ต้องพูดก็เข้าใจได้ทันทีว่าอัยย์พยายามจะทำอะไร เคนมะทั้งอึ้งและก็คาดไม่ถึง ไม่คิดว่าใบหน้าซื่อๆ อย่างอัยย์จะทำเรื่องร้ายแรงแบบนี้ได้ลงคอ หนำซ้ำ... ซายูริยังเป็นเพื่อนของเธออีกด้วย น่ากลัวจริงๆ คำว่ารู้หน้าไม่รู้ใจมันเป็นแบบนี้นี่เอง  “ใจเย็นๆ อัยย์” “ไม่! ปล่อย อัยย์จะไปหาพี่คาวะ” อัยย์ไม่ฟัง เวลานี้เธอคิดถึงแต่หน้าพี่ชาย คาวะเท่านั้นที่จะพาเธอหนีไปจากที่นี่ได้ “ตั้งสติหน่อยผมไม่ได้จะทำอะไรคุณเลยนะอัยย์” น้ำเสียงทุ้มยะเยือกทำอัยย์ชะงัก มองสบสายตาคมกล้าของเคนมะอย่างสับสนระคนคลางแคลงใจ เขาพูดจริงงั้นเหรอ จะเชื่อได้ยังไงก็ในเมื่อเคนมะคือคู่หมั้นซายูริ อัยย์สูดหายใจลึก รีบส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อในคำพูดของอีกฝ่าย ลนลานแกะมือเขาออกจากแขน แต่เคนมะกลับยิ่งบีบแน่นกว่าเดิมแถมยังรั้งตัวเธอเข้าไปใกล้มากขึ้น “อึก...” อัยย์กลั้นหายใจเฮือกเมื่อใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาหาจนปลายจมูกคมสันแทบจะชนกับจมูกของเธอ หัวใจของอัยย์เต้นไม่เป็นส่ำ จับจ้องสายตาเคนมะอย่างหวาดหวั่น เดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “ผมจะช่วยเก็บเป็นความลับให้แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน” “มะหมายความว่ายังไงคะ” “เอาเป็นว่า... ผมจะไม่บอกใครว่าคุณทำอะไรกับซายูริ” อัยย์นิ่งอึ้ง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมเข้มที่ราวกับไร้ก้นบึ้งของเคนมะอย่างสับสน  เมื่อเห็นอัยย์สงบลงเคนมะก็ปล่อยมือจากเธอ เขายิ้มมุมปากให้หญิงสาว ก่อนเดินไปเก็บเข็มฉีดยาบนพื้นขึ้นมายัดใส่กระเป๋าเสื้อท่ามกลางสายตาประหลาดใจของอัยย์ “แค่นี้ก็ไม่มีหลักฐานแล้ว” เคนมะเอียงคอเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร “คุณเคนมะ” อัยย์จ้องรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเคนมะแววตาสั่นไหว บอกไม่ถูกว่าตอนนี้เธอรู้สึกยังไง รู้แค่เพียงว่าเธอได้ถูกรอยยิ้มชั่วร้ายของเขาควบคุมเข้าให้แล้ว “ให้ผมไปส่งที่บ้านแล้วเราก็มาแลกเปลี่ยนกันระหว่างทางดีไหมครับ” “.....”  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD