คาวะบอกให้หัวหน้าแม่บ้านพาอัยย์กลับไปพักผ่อนที่บ้าน ส่วนซายูริเขาจะดูเอง ทั้งหัวหน้าแม่บ้านและอัยย์ต่างมีท่าทีขัดขืนด้วยเป็นห่วงซายูริแต่ก็สู้แรงกดดันจากคาวะไม่ได้ ยอมกลับไปในที่สุด
เมื่ออยู่ตามลำพัง ชายหนุ่มเดินมาดึงเก้าอี้ข้างเตียงออกนั่ง จ้องมองใบหน้าที่กำลังหลับใหลของซายูริ ผิวของเธอขาวซีด เนียนละเอียดทุกตารางนิ้วจนเขาอดใจไม่ไหวยกนิ้วขึ้นมาลูบไล้แก้มนวล
“ซายูริ...”
เสียงกระซิบแหบพร่าดังอยู่ข้างใบหู หางตาของซายูริปรากฏหยาดน้ำใสๆ ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ คาวะกลั้นหายใจชั่วขณะก่อนจะถอยออกห่าง จู่ๆ ก็รู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมา คิดว่าเธอคงจะเกลียดชังเขามาก แค่ได้ยินเสียงน้ำตาก็ไหล
ถึงแม้เขาอาจจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ซายูริน้ำตาซึมจริงๆ แต่แค่ลองคิดแบบนั้นในอกข้างซ้ายของคาวะก็ปวดหนึบขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
เขาทิ้งตัวลงบนโซฟาภายในห้องแล้วจ้องมองเธออยู่ห่างๆ ระหว่างนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่ไม่คาดคิด
“จิน?”
คาวะขานชื่อเจ้าของร่าง มองชุดลำลองที่อีกฝ่ายสวมด้วยความประหลาดใจอยู่ในที
จินมองเตียงที่ซายูรินอนอยู่ก่อนจะตวัดสายตาไปทางเสียงเรียก
“คาวะ”
ด้านหลังของจินมีลูกน้องเดินตามเข้ามาด้วย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างจินหันไปบอกลูกน้องให้ออกไปรอข้างนอกก่อนจะเดินมาหยุดข้างๆ เตียงซายูริ
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในบ้านได้ยังไง”
จินมองใบหน้าไม่ได้สติของซายูริอย่างรู้สึกเจ็บใจ ถ้าเขาอยู่ใกล้ๆ เธอเรื่องร้ายๆ นี่ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
“ซายูริโดนยานอนหลับ” คาวะบอกสั้นๆ แต่เรื่องนั้นจินทราบจากลูกน้องแล้ว
“มันเป็นใคร รู้ตัวคนทำหรือเปล่า”
“หัวหน้าแม่บ้านน่าสงสัยสุด เพราะเป็นคนนำนมไปให้ซายูริ แต่... ก็ไม่แน่เพราะแม่บ้านนำนมไปไว้ในห้องนอน ซายูริไม่ได้ดื่มทันที เธอดื่มนมหลังจากนั้นราวครึ่งชั่วโมง”
“นายทราบได้ยังไง”
“ผมอยู่กับซายูริตลอด”
จินนิ่งเงียบ เพ่งมองใบหน้าเรียบสนิทของคาวะครู่หนึ่งก่อนจะดึงสายตามาที่ใบหน้าซีดเซียวของซายูริ ครุ่นคิดอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องที่ได้รับรายงานจากลูกน้อง ข้อสงสัยในตัวหัวหน้าแม่บ้าน รวมถึงคำให้การของคาวะ
“นี่ไม่น่าใช่ฝีมือแม่บ้าน มันโจ่งแจ้งเกินไป” จินเอ่ยอย่างสุขุม แม้จะเกิดเรื่องขึ้นกับซายูริแต่สิ่งหนึ่งที่ยังติดอยู่ในใจของจินคือเรื่องที่เขาเคยคุยกับคาวะก่อนหน้านี้ที่โรงพยาบาล
จินสงสัยว่าคาวะคือฮารุและขอให้คาวะตรวจ DNA เพื่อความชัดเจน แต่คาวะกลับหัวเราะเยาะและหาว่าจินเพี้ยนซะเอง
ถึงแบบนั้นคำทักท้วงของจินก็รบกวนจิตใจคาวะอยู่ดี เขาถึงเข้าไปที่ห้องทำงานผู้นำซูซาคุเมื่อมีโอกาส หาหลักฐานและข้อมูลที่เชื่อมโยงกันแต่ยังไม่ทันเจอซายูริก็ดันโผล่เข้ามาซะก่อน คาวะเดาท่าทางของซายูริออก ตอนที่อยู่โรงพยาบาลเธอถามเขาว่าอยากเห็นหน้าผู้นำซูซาคุใกล้ๆ หรือเปล่า แปลว่าเธอก็แอบคิดเช่นเดียวกันว่าเขาคือพี่ชายที่หายสาบสูญคนนั้น
คาวะรู้สึกขัดใจอย่างบอกไม่ถูก แค่คิดในอกของเขาก็ร้อนรุ่มขึ้นมาแปลกๆ และอยากจะยืนยันให้แน่ใจเช่นเดียวกัน หากแต่อีกใจก็กลัวที่จะพิสูจน์ ยอมรับว่ามีบางอารมณ์ที่เขารู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศของซูซาคุจนน่าใจหาย แต่ไม่ว่าพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ในความทรงจำของคาวะมีแค่ช่วงเวลาที่เขาอยู่กับครอบครัวของอัยย์เท่านั้น ฉะนั้นเขาจึงอยากกำจัดความรู้สึกสับสนเหล่านั้นทิ้งด้วยการข่มเหงซายูริ ถ้าเธอเป็นน้องสาวของเขาจริงมันต้องมีความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจแทรกซึมอยู่บ้าง แต่นี่กลับไม่มีเลย เขาออกจะสนุกและติดใจร่างกายที่ไร้เดียงสาของเธอด้วยซ้ำ
“ยังไงก็นับว่าโชคดีที่นายอยู่ด้วย”
จินพูดหลังจากบรรยากาศในห้องเข้าสู่ความเงียบ คาวะไม่โต้ตอบคำใด ยืนนิ่งอยู่กับที่
“เรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้นายได้เก็บเอาไปคิดบ้างหรือเปล่า”
“เรื่องไหน” คาวะรู้ว่าจินหมายถึงอะไรแต่ก็จงใจทำเหมือนนึกไม่ออกเพราะไม่อยากรื้อฟื้นให้รำคาญใจอีก เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะเป็นเด็กคนนั้นเด็ดขาด
“ไหนๆ ก็อยู่โรงพยาบาลด้วยกันแล้ว ดึงผมสักเส้นของนายออกมาให้หมอตรวจจะเป็นไรไป” จินรวบรัด
“ไร้สาระ เลิกพูดเรื่องนี้สักทีเถอะน่าลุง” คาวะชักสีหน้าใส่ชายวัยเพียงสี่สิบต้นๆ
“กลัวงั้นเหรอ”
“แล้วทำไมลุงถึงคิดว่าผมเป็นฮารุ ไอ้เด็กนั่นตกน้ำตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ หรือลุงเที่ยวทักผู้ชายทุกคนที่เจอเป็นเรื่องปกติ”
“แค่นายคนเดียวคาวะ”
“....”
“ประวัติของนายคลุมเครือ ไม่คิดบ้างเหรอ”
“ก็แค่เด็กกำพร้าที่ถูกทิ้ง ไม่มีอะไรเกินไปกว่านั้น”
คาวะตัดบทแล้วเดินออกจากห้องทันที ปล่อยให้จินจมอยู่กับความคาดหวังลมๆ แล้งๆ คนเดียว
ผ่านไปข้ามวันซายูริยังไม่ฟื้น จินให้ลูกน้องที่ไว้ใจได้จัดเวรยามที่โรงพยาบาลอย่างแน่นหนาก่อนกลับไปสืบหาความจริงที่บ้าน
“รถพร้อมแล้วครับคุณจิน” ลูกน้องคนสนิทเปิดประตูเข้ามาแจ้งข่าว
จินหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องก่อนหันมาจ้องคาวะที่อยู่ในห้องตลอดเวลา
“ฝากท่านซายูริด้วย ยังไงก็คิดซะว่าท่านซายูริคือน้องสาวคนหนึ่งของนายแล้วกัน”
“....”
จินพูดทิ้งท้ายแต่จี้ใจดำคาวะอย่างรุนแรง ก่อนเดินตามหลังลูกน้องออกจากห้องทั้งที่แขนข้างที่โดนยิงยังไม่หายดี หมอไม่อนุญาตให้จินออกจากโรงพยาบาลด้วยซ้ำแต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับซายูริทำให้จินไม่อาจนิ่งนอนใจได้อีกต่อไป
จินรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลและอาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบสังหารในคืนนั้น ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ ก็แสดงว่ามีคนในเป็นไส้ศึก
บ้าจริง! จินไม่อยากคิดแบบนั้น แต่คนที่ใส่ยานอนหลับได้ก็มีแต่คนที่อยู่ในบ้านซูซาคุเท่านั้น
จินสั่งให้สอบสวนทุกคนอย่างละเอียด ช่วงเวลาที่เกิดเรื่องใครทำอะไรอยู่ที่ไหน รวมถึงถามหาแก้วนมที่ซายูริดื่มด้วย
“อะเอ๊ะ แก้วนมเหรอคะ...” สาวใช้คนหนึ่งสะดุ้งโหยง เงยขึ้นมองใบหน้าเคร่งขรึมของจินเลิ่กลั่ก เอ่ยต่อด้วยเสียงแหบแห้ง “แก้วนมที่อยู่ในห้องทำงาน ฉัน... ฉันเก็บไปล้างแล้วค่ะ”
“ว่าไงนะ!”
“ขะขอโทษค่ะ! ฉันเห็นมันสกปรกก็เลย”
“รู้หรือเปล่าว่านั่นคือการทำลายหลักฐาน!”
จินตวาดกร้าว สาวใช้สะดุ้งเฮือกทันที รีบก้มหน้าลงอย่างหวาดหวั่น
ไม่ใช่แค่สาวใช้แต่ทุกคนต่างก้มหน้ามองพื้นกันหมด ไม่มีใครกล้าเงยขึ้นมาสบตาจินที่กำลังโกรธจัดแม้แต่คนเดียว
“คุณจินคะ อย่าเพิ่งเอ็ดสาวใช้เลยค่ะ ป้าคิดว่าถ้ามีคนจงใจทำร้ายท่านซายูริจริงคงไม่ทิ้งรอยนิ้วไว้บนแก้วให้จับได้หรอกมั้งคะ”
หัวหน้าแม่บ้านเอ่ยขึ้นหลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้มาสักพัก ตั้งแต่ถูกคาวะกล่าวหาเธอก็เสียสติไปพักหนึ่ง แต่หลังจากกลับมาสงบสติอารมณ์ที่บ้านหนึ่งคืนก็ทำให้ใจเย็นลงและมองอะไรกว้างขึ้นกว่าเดิม จินนิ่งเงียบ จริงอย่างที่แม่บ้านบอก คนร้ายคงไม่ทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้แต่อย่างน้อยมันก็คือหลักฐานชิ้นสำคัญ อีกอย่างที่จินไม่พอใจคือการที่สาวใช้ทำอะไรโดยพละการต่างหาก น่าจะคิดได้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรแตะต้อง
“ก็มีเหตุผล ถ้าคนร้ายฉลาดพอคงไม่ทิ้งรอยนิ้วมือ...” จินจงใจเอ่ยขึ้นต่อหน้าทุกคนเพื่อดูท่าทีก่อนจะขอคุยกับหัวหน้าแม่บ้านเป็นการส่วนตัว
“ท่านซายูริสั่งให้อิฉันเอานมไปวางไว้ที่ห้องนอนแทนค่ะ ตอนแรกก็เอามาเสิร์ฟที่นี่แต่เธอไม่ยอมให้อิฉันเข้ามา”
แม่บ้านเอ่ยหลังจากที่อยู่กับจินตามลำพัง
“ท่านซายูริสั่งให้เอาไปไว้ที่ห้องนอนเหรอ”
“ค่ะ”
“แปลก ทำไมต้องให้เอาไปไว้ที่ห้อง”
“อิฉันก็สงสัยเหมือนกันค่ะ แต่เธอเหมือนจะดุถ้าอิฉันไม่ทำตาม”
“คาวะก็อยู่ในห้องตอนนั้นใช่ไหม”
“คะ?” คำถามของจินทำให้หัวหน้าแม่บ้านสะดุดและหยุดคิดชั่วขณะ “จะว่าไปก็เหมือนจะมีคนอื่นอยู่ในห้องด้วย แต่อิฉันไม่ได้เข้ามาค่ะ เอานมไปไว้ที่ห้องนอนแล้วก็กลับลงไปสั่งงานเด็กๆ ที่ข้างล่าง”
“แล้วมีใครอยู่บนนี้อีกหรือเปล่า”
“ไม่เห็นใครเลยค่ะนอกจากคุณหนูอัยย์ที่เดินขึ้นบันไดมาพร้อมกัน”
แม่บ้านบอกไปตามตรงๆ หาได้ติดใจสงสัยอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจินถามอะไรมาเธอก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หากแต่ถ้ายังหามือใครดมไม่ได้ก็คงไม่แคล้วตกเป็นผู้ต้องหาไปตามระเบียบ เพราะฉะนั้นหัวหน้าแม่บ้านจึงอยากจับตัวคนร้ายให้ได้เร็วที่สุด
“อืม ไปได้แล้ว อ้อ... และอย่าบอกใครล่ะว่าเราคุยอะไรกัน”
“เอ๊ะ!? เอ่อเข้าใจแล้วค่ะ อิฉันจะเก็บเรื่องที่คุยนี้ไว้เป็นความลับ”
หัวหน้าแม่บ้านพยักหน้ารับอย่างหนักแน่นก่อนก้มหน้าเดินผ่านจินออกไป แม้จะไม่รู้ว่าจินได้เบาะแสอะไรจากการซักถามเมื่อสักครู่แต่หัวหน้าแม่บ้านเชื่อว่าจินต้องมีเหตุผลสักข้อที่สั่งให้เธอเก็บเรื่องที่คุยกันเป็นความลับ
และก็เป็นอย่างที่จินคิดหลังจากหัวหน้าแม่บ้านออกมาทุกคนก็รุมถามเธอเป็นการใหญ่ว่าคุยอะไรกับจิน รู้ตัวคนร้ายไหม หรือสงสัยใครเป็นพิเศษ หัวหน้าแม่บ้านจึงได้แต่ส่ายหน้าและบอกว่าคุณจินสงสัยตน ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้ทุกคนหายแตกตื่นและหากมีคนร้ายอยู่ในบ้านจริงๆ มันก็จะได้ตายใจไปด้วย