ตอนที่ 7.3

1803 Words
คาวะบอกให้หัวหน้าแม่บ้านพาอัยย์กลับไปพักผ่อนที่บ้าน ส่วนซายูริเขาจะดูเอง ทั้งหัวหน้าแม่บ้านและอัยย์ต่างมีท่าทีขัดขืนด้วยเป็นห่วงซายูริแต่ก็สู้แรงกดดันจากคาวะไม่ได้ ยอมกลับไปในที่สุด เมื่ออยู่ตามลำพัง ชายหนุ่มเดินมาดึงเก้าอี้ข้างเตียงออกนั่ง จ้องมองใบหน้าที่กำลังหลับใหลของซายูริ ผิวของเธอขาวซีด เนียนละเอียดทุกตารางนิ้วจนเขาอดใจไม่ไหวยกนิ้วขึ้นมาลูบไล้แก้มนวล  “ซายูริ...” เสียงกระซิบแหบพร่าดังอยู่ข้างใบหู หางตาของซายูริปรากฏหยาดน้ำใสๆ ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ คาวะกลั้นหายใจชั่วขณะก่อนจะถอยออกห่าง จู่ๆ ก็รู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมา คิดว่าเธอคงจะเกลียดชังเขามาก แค่ได้ยินเสียงน้ำตาก็ไหล ถึงแม้เขาอาจจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ซายูริน้ำตาซึมจริงๆ แต่แค่ลองคิดแบบนั้นในอกข้างซ้ายของคาวะก็ปวดหนึบขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล  เขาทิ้งตัวลงบนโซฟาภายในห้องแล้วจ้องมองเธออยู่ห่างๆ ระหว่างนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่ไม่คาดคิด “จิน?” คาวะขานชื่อเจ้าของร่าง มองชุดลำลองที่อีกฝ่ายสวมด้วยความประหลาดใจอยู่ในที จินมองเตียงที่ซายูรินอนอยู่ก่อนจะตวัดสายตาไปทางเสียงเรียก  “คาวะ” ด้านหลังของจินมีลูกน้องเดินตามเข้ามาด้วย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างจินหันไปบอกลูกน้องให้ออกไปรอข้างนอกก่อนจะเดินมาหยุดข้างๆ เตียงซายูริ “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในบ้านได้ยังไง” จินมองใบหน้าไม่ได้สติของซายูริอย่างรู้สึกเจ็บใจ ถ้าเขาอยู่ใกล้ๆ เธอเรื่องร้ายๆ นี่ก็คงจะไม่เกิดขึ้น  “ซายูริโดนยานอนหลับ” คาวะบอกสั้นๆ แต่เรื่องนั้นจินทราบจากลูกน้องแล้ว  “มันเป็นใคร รู้ตัวคนทำหรือเปล่า” “หัวหน้าแม่บ้านน่าสงสัยสุด เพราะเป็นคนนำนมไปให้ซายูริ แต่... ก็ไม่แน่เพราะแม่บ้านนำนมไปไว้ในห้องนอน ซายูริไม่ได้ดื่มทันที เธอดื่มนมหลังจากนั้นราวครึ่งชั่วโมง” “นายทราบได้ยังไง” “ผมอยู่กับซายูริตลอด” จินนิ่งเงียบ เพ่งมองใบหน้าเรียบสนิทของคาวะครู่หนึ่งก่อนจะดึงสายตามาที่ใบหน้าซีดเซียวของซายูริ ครุ่นคิดอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องที่ได้รับรายงานจากลูกน้อง ข้อสงสัยในตัวหัวหน้าแม่บ้าน รวมถึงคำให้การของคาวะ  “นี่ไม่น่าใช่ฝีมือแม่บ้าน มันโจ่งแจ้งเกินไป” จินเอ่ยอย่างสุขุม แม้จะเกิดเรื่องขึ้นกับซายูริแต่สิ่งหนึ่งที่ยังติดอยู่ในใจของจินคือเรื่องที่เขาเคยคุยกับคาวะก่อนหน้านี้ที่โรงพยาบาล  จินสงสัยว่าคาวะคือฮารุและขอให้คาวะตรวจ DNA เพื่อความชัดเจน แต่คาวะกลับหัวเราะเยาะและหาว่าจินเพี้ยนซะเอง  ถึงแบบนั้นคำทักท้วงของจินก็รบกวนจิตใจคาวะอยู่ดี เขาถึงเข้าไปที่ห้องทำงานผู้นำซูซาคุเมื่อมีโอกาส หาหลักฐานและข้อมูลที่เชื่อมโยงกันแต่ยังไม่ทันเจอซายูริก็ดันโผล่เข้ามาซะก่อน คาวะเดาท่าทางของซายูริออก ตอนที่อยู่โรงพยาบาลเธอถามเขาว่าอยากเห็นหน้าผู้นำซูซาคุใกล้ๆ หรือเปล่า แปลว่าเธอก็แอบคิดเช่นเดียวกันว่าเขาคือพี่ชายที่หายสาบสูญคนนั้น คาวะรู้สึกขัดใจอย่างบอกไม่ถูก แค่คิดในอกของเขาก็ร้อนรุ่มขึ้นมาแปลกๆ และอยากจะยืนยันให้แน่ใจเช่นเดียวกัน หากแต่อีกใจก็กลัวที่จะพิสูจน์ ยอมรับว่ามีบางอารมณ์ที่เขารู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศของซูซาคุจนน่าใจหาย แต่ไม่ว่าพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ในความทรงจำของคาวะมีแค่ช่วงเวลาที่เขาอยู่กับครอบครัวของอัยย์เท่านั้น ฉะนั้นเขาจึงอยากกำจัดความรู้สึกสับสนเหล่านั้นทิ้งด้วยการข่มเหงซายูริ ถ้าเธอเป็นน้องสาวของเขาจริงมันต้องมีความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจแทรกซึมอยู่บ้าง แต่นี่กลับไม่มีเลย เขาออกจะสนุกและติดใจร่างกายที่ไร้เดียงสาของเธอด้วยซ้ำ “ยังไงก็นับว่าโชคดีที่นายอยู่ด้วย” จินพูดหลังจากบรรยากาศในห้องเข้าสู่ความเงียบ คาวะไม่โต้ตอบคำใด ยืนนิ่งอยู่กับที่ “เรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้นายได้เก็บเอาไปคิดบ้างหรือเปล่า” “เรื่องไหน” คาวะรู้ว่าจินหมายถึงอะไรแต่ก็จงใจทำเหมือนนึกไม่ออกเพราะไม่อยากรื้อฟื้นให้รำคาญใจอีก เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะเป็นเด็กคนนั้นเด็ดขาด “ไหนๆ ก็อยู่โรงพยาบาลด้วยกันแล้ว ดึงผมสักเส้นของนายออกมาให้หมอตรวจจะเป็นไรไป” จินรวบรัด  “ไร้สาระ เลิกพูดเรื่องนี้สักทีเถอะน่าลุง” คาวะชักสีหน้าใส่ชายวัยเพียงสี่สิบต้นๆ “กลัวงั้นเหรอ” “แล้วทำไมลุงถึงคิดว่าผมเป็นฮารุ ไอ้เด็กนั่นตกน้ำตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ หรือลุงเที่ยวทักผู้ชายทุกคนที่เจอเป็นเรื่องปกติ” “แค่นายคนเดียวคาวะ” “....” “ประวัติของนายคลุมเครือ ไม่คิดบ้างเหรอ” “ก็แค่เด็กกำพร้าที่ถูกทิ้ง ไม่มีอะไรเกินไปกว่านั้น” คาวะตัดบทแล้วเดินออกจากห้องทันที ปล่อยให้จินจมอยู่กับความคาดหวังลมๆ แล้งๆ คนเดียว ผ่านไปข้ามวันซายูริยังไม่ฟื้น จินให้ลูกน้องที่ไว้ใจได้จัดเวรยามที่โรงพยาบาลอย่างแน่นหนาก่อนกลับไปสืบหาความจริงที่บ้าน  “รถพร้อมแล้วครับคุณจิน” ลูกน้องคนสนิทเปิดประตูเข้ามาแจ้งข่าว  จินหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องก่อนหันมาจ้องคาวะที่อยู่ในห้องตลอดเวลา “ฝากท่านซายูริด้วย ยังไงก็คิดซะว่าท่านซายูริคือน้องสาวคนหนึ่งของนายแล้วกัน” “....” จินพูดทิ้งท้ายแต่จี้ใจดำคาวะอย่างรุนแรง ก่อนเดินตามหลังลูกน้องออกจากห้องทั้งที่แขนข้างที่โดนยิงยังไม่หายดี หมอไม่อนุญาตให้จินออกจากโรงพยาบาลด้วยซ้ำแต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับซายูริทำให้จินไม่อาจนิ่งนอนใจได้อีกต่อไป  จินรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลและอาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบสังหารในคืนนั้น ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ ก็แสดงว่ามีคนในเป็นไส้ศึก  บ้าจริง! จินไม่อยากคิดแบบนั้น แต่คนที่ใส่ยานอนหลับได้ก็มีแต่คนที่อยู่ในบ้านซูซาคุเท่านั้น จินสั่งให้สอบสวนทุกคนอย่างละเอียด ช่วงเวลาที่เกิดเรื่องใครทำอะไรอยู่ที่ไหน รวมถึงถามหาแก้วนมที่ซายูริดื่มด้วย “อะเอ๊ะ แก้วนมเหรอคะ...” สาวใช้คนหนึ่งสะดุ้งโหยง เงยขึ้นมองใบหน้าเคร่งขรึมของจินเลิ่กลั่ก เอ่ยต่อด้วยเสียงแหบแห้ง “แก้วนมที่อยู่ในห้องทำงาน ฉัน... ฉันเก็บไปล้างแล้วค่ะ” “ว่าไงนะ!” “ขะขอโทษค่ะ! ฉันเห็นมันสกปรกก็เลย” “รู้หรือเปล่าว่านั่นคือการทำลายหลักฐาน!” จินตวาดกร้าว สาวใช้สะดุ้งเฮือกทันที รีบก้มหน้าลงอย่างหวาดหวั่น ไม่ใช่แค่สาวใช้แต่ทุกคนต่างก้มหน้ามองพื้นกันหมด ไม่มีใครกล้าเงยขึ้นมาสบตาจินที่กำลังโกรธจัดแม้แต่คนเดียว  “คุณจินคะ อย่าเพิ่งเอ็ดสาวใช้เลยค่ะ ป้าคิดว่าถ้ามีคนจงใจทำร้ายท่านซายูริจริงคงไม่ทิ้งรอยนิ้วไว้บนแก้วให้จับได้หรอกมั้งคะ” หัวหน้าแม่บ้านเอ่ยขึ้นหลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้มาสักพัก ตั้งแต่ถูกคาวะกล่าวหาเธอก็เสียสติไปพักหนึ่ง แต่หลังจากกลับมาสงบสติอารมณ์ที่บ้านหนึ่งคืนก็ทำให้ใจเย็นลงและมองอะไรกว้างขึ้นกว่าเดิม จินนิ่งเงียบ จริงอย่างที่แม่บ้านบอก คนร้ายคงไม่ทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้แต่อย่างน้อยมันก็คือหลักฐานชิ้นสำคัญ อีกอย่างที่จินไม่พอใจคือการที่สาวใช้ทำอะไรโดยพละการต่างหาก น่าจะคิดได้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรแตะต้อง “ก็มีเหตุผล ถ้าคนร้ายฉลาดพอคงไม่ทิ้งรอยนิ้วมือ...” จินจงใจเอ่ยขึ้นต่อหน้าทุกคนเพื่อดูท่าทีก่อนจะขอคุยกับหัวหน้าแม่บ้านเป็นการส่วนตัว “ท่านซายูริสั่งให้อิฉันเอานมไปวางไว้ที่ห้องนอนแทนค่ะ ตอนแรกก็เอามาเสิร์ฟที่นี่แต่เธอไม่ยอมให้อิฉันเข้ามา” แม่บ้านเอ่ยหลังจากที่อยู่กับจินตามลำพัง “ท่านซายูริสั่งให้เอาไปไว้ที่ห้องนอนเหรอ” “ค่ะ” “แปลก ทำไมต้องให้เอาไปไว้ที่ห้อง”  “อิฉันก็สงสัยเหมือนกันค่ะ แต่เธอเหมือนจะดุถ้าอิฉันไม่ทำตาม” “คาวะก็อยู่ในห้องตอนนั้นใช่ไหม” “คะ?” คำถามของจินทำให้หัวหน้าแม่บ้านสะดุดและหยุดคิดชั่วขณะ “จะว่าไปก็เหมือนจะมีคนอื่นอยู่ในห้องด้วย แต่อิฉันไม่ได้เข้ามาค่ะ เอานมไปไว้ที่ห้องนอนแล้วก็กลับลงไปสั่งงานเด็กๆ ที่ข้างล่าง” “แล้วมีใครอยู่บนนี้อีกหรือเปล่า” “ไม่เห็นใครเลยค่ะนอกจากคุณหนูอัยย์ที่เดินขึ้นบันไดมาพร้อมกัน” แม่บ้านบอกไปตามตรงๆ หาได้ติดใจสงสัยอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจินถามอะไรมาเธอก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หากแต่ถ้ายังหามือใครดมไม่ได้ก็คงไม่แคล้วตกเป็นผู้ต้องหาไปตามระเบียบ เพราะฉะนั้นหัวหน้าแม่บ้านจึงอยากจับตัวคนร้ายให้ได้เร็วที่สุด “อืม ไปได้แล้ว อ้อ... และอย่าบอกใครล่ะว่าเราคุยอะไรกัน” “เอ๊ะ!? เอ่อเข้าใจแล้วค่ะ อิฉันจะเก็บเรื่องที่คุยนี้ไว้เป็นความลับ” หัวหน้าแม่บ้านพยักหน้ารับอย่างหนักแน่นก่อนก้มหน้าเดินผ่านจินออกไป แม้จะไม่รู้ว่าจินได้เบาะแสอะไรจากการซักถามเมื่อสักครู่แต่หัวหน้าแม่บ้านเชื่อว่าจินต้องมีเหตุผลสักข้อที่สั่งให้เธอเก็บเรื่องที่คุยกันเป็นความลับ และก็เป็นอย่างที่จินคิดหลังจากหัวหน้าแม่บ้านออกมาทุกคนก็รุมถามเธอเป็นการใหญ่ว่าคุยอะไรกับจิน รู้ตัวคนร้ายไหม หรือสงสัยใครเป็นพิเศษ หัวหน้าแม่บ้านจึงได้แต่ส่ายหน้าและบอกว่าคุณจินสงสัยตน ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้ทุกคนหายแตกตื่นและหากมีคนร้ายอยู่ในบ้านจริงๆ มันก็จะได้ตายใจไปด้วย  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD