เมื่อถึงเวลามาวินก็พาจินันยากลับบ้านด้วยพาหนะคู่ใจ ระหว่างทางหญิงสาวพยายามถามถึงเหตุผลของการไปส่งแต่ชายหนุ่มไม่ตอบกลับอมยิ้มกวนตีนแล้วยักคิ้วใส่ สร้างความประหลาดใจให้เธอไม่น้อยที่ได้เห็นมุมน่ารัก ๆ ในตัวเขาจึงหัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆๆๆๆ คุณมาร์ทำแบบนี้เป็นด้วยเหรอ”
“แบบไหน” มาวินไม่เข้าใจจริง ๆ เหตุใดตุ๊กตาหน้ารถของเขาถึงได้หัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล
“ก็ทำหน้ากวนตีนเหมือนเมื่อกี้ไง”
“ทำไม คนอย่างผมจะทำแบบนั้นไม่ได้เหรอ”
“ด้ายยยยย แต่มันขัดกับบุคลิกของคุณมาร์ จีน่าถึงขำ”
“ผมเป็นคนหลายบุคลิก อีกหน่อยคุณจะรู้เอง”
“จีน่าจะรอดูนะคะ พ่อคนหลายบุคลิก”
“หึ เลิกหัวเราะแล้วตั้งใจบอกทางด้วย”
“เจ้าค่ะ จีน่ารับทราบพร้อมปฏิบัติ”
“ดี ทำตัวน่ารัก ๆ แบบนี้ไปตลอดนะ” เขาเอื้อมมือไปขยี้หัวของเธอเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยว สร้างความสุขใจให้จินันยาไม่น้อย
หล่อนจึงใช้โอกาสนี้อ้อนขอความรัก เอามือทั้งสองข้างขึ้นมาประกบแล้วทำตาวิ้ง ๆ ใส่อย่างน่ารักพร้อมด้วยประโยคเว้าวอนหวานหยดย้อย
“จีน่าน่ารักขนาดนี้ คุณมาร์รักจีน่าหรือยังคะ”
“ยัง” เขาตอบทีเล่นทีจริงแล้วยิ้มตรงมุมปากโดยไม่ได้มองหน้าคนถาม
“โอ๊ะ สั้น ๆ แต่เจ็บชะมัด”
จินันยาได้ยินแบบนั้นก็รีบแสดงสีหน้าสลดราวกับว่ากำลังอยู่หน้ากล้องแล้วแสร้งทำเป็นเจ็บปวด ทั้งที่จริงไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะเชื่อในฝีมือตนเองว่าสามารถทำให้คนข้าง ๆ ตกหลุมรักได้ในไม่ช้า และรักแบบโงหัวไม่ขึ้นด้วย หรือไม่ตอนนี้เขาอาจจะรักแล้วก็ได้แต่ปากแข็งไม่ยอมบอกก็เท่านั้นเอง
ถ้าไม่รู้สึกอะไรจะไปที่บ้านของหล่อนทำไม จริงไหม
หญิงสาวคิดเข้าข้างตัวเอง
ระหว่างทางสองหนุ่มสาวหยอกล้อกันไปมาตลอดทาง ถ้าคนที่ไม่รู้จักมาเห็นทั้งคู่ปฏิบัติต่อกันต้องคิดว่าจินันยากับมาวินคือคู่รักอย่างแน่นอน เพราะมีไอแห่งความสุขบินวนรอบ ๆ ตัวและเปล่งประกายเจิดจรัส โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่ดูออกเลยว่า ตกหลุมรักฝ่ายชายจนถอนตัวไม่ขึ้น
ถ้าเทียบกันระหว่างบ้านของตนเองกับบ้านของเธอ ไม่มีความแตกต่างกันมากนัก ทั้งฐานะและชาติตระกูล มาวินคิดในขณะที่เดินตามจินันยาเข้ามาในห้องอาหาร ซึ่งมีสมาชิกของครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งพ่อ แม่ และพี่ชาย เมื่อลูกสาวคนเล็กปรากฏตัว จิรัช ผู้เป็นพี่ชายก็รีบลุกจากเก้าอี้ไปกอดน้องสาวทันทีด้วยความคิดถึงเพราะไม่เจอกันหลายวัน โดยไม่ทันสังเกตคนที่เดินตามหลังมา
“เป็นยังไงบ้างน้องรักของพี่”
“คิดถึงพี่จิที่สุดเลย”
“คิดถึงแต่ไม่กลับบ้าน มันน่าน้อยใจนัก”
“โอ๋ ๆ อย่างอนนะ นี่น้องก็กลับมาแล้วไง”
“วันนี้ไม่งอนก็ได้” เขาว่ายิ้ม ๆ พร้อมกับขยี้หัวน้องสาวด้วยความเอ็นดู ถึงแม้หล่อนจะอายุยี่สิบกว่า แต่สำหรับพี่ จินันยาคือน้องน้อยในสายตาเสมอ
“เออ ทุกคนขา วันนี้จีน่าพาแขกมาด้วยค่ะ” หญิงสาวผละจากพี่ชายแล้วเดินไปยืนข้าง ๆ มาวินเพื่อแนะนำเขาให้คนในครอบครัวรู้จัก
จิรัชเพิ่งสังเกตเห็นแขกหนุ่มจึงทำหน้าขรึมหวงน้องขึ้นมาแล้วมองมาวินตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ของตนเองตามเดิม
“นี่คุณมาวินค่ะทุกคน คุณมาร์คะ นั่นคุณพ่อ คุณแม่ แล้วก็พี่ชายของจีน่า”
“สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า คุณพี่”
“สวัสดีจ้ะคุณมาวิน เชิญนั่ง ๆ ทำตัวตามสบายนะคะ ใช่ไหมจ๊ะพ่อ พี่จิ” มารดาของหญิงสาวเป็นคนกล่าวพร้อมกับขอความเห็นจากสามีและลูกชายที่ดูเหมือนไม่ค่อยพอใจที่ลูกสาวพาผู้ชายเข้าบ้าน
“อืม/อืม” ตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนกันเลยทั้งพ่อทั้งลูก ทำให้มาวินขำในใจ บ้านนี้เขาหวงลูกสาวมากแน่ จากนั้นก็เดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่ว่างข้าง ๆ จินันยาซึ่งเดินไปนั่งก่อนแล้ว
“เป็นอะไรกัน” น้ำเสียงห้วน ๆ ถูกเปล่งออกมาจากลำคอของพี่ชายที่เริ่มหวงน้องมากขึ้น แถมยังมองมาวินแบบไม่เป็นมิตรเพราะกลัวน้องสาวโดนหลอก เนื่องจากจินันยาไม่มีประสบการณ์เรื่องความรัก อาจจะถูกพวกคิดไม่ซื่อหลอกเจาะไข่แดงแล้วก็ทิ้ง
“ไม่ใช่แฟนหรอกพี่จิ จีน่ากับคุณมาร์กำลังศึกษานิสัยใจคอกันอยู่ ก่อนจะตกลง”
“ไม่ใช่แฟนแต่พามาที่บ้านเนี่ยนะ คุณพ่อดูลูกสาวคุณพ่อสิครับ”
“นั่นน่ะสิลูก ไม่ใช่แฟนแล้วหนูพามาที่บ้านของเราทำไม”
“คือหนูกำลังจีบคุณมาร์อยู่ค่ะ ก็เลยชะ.../ผมอยากมาเห็นบ้านว่าที่แฟนน่ะครับ ก็เลยมาส่งจีน่า” หล่อนยังไม่ทันพูดจบเขาก็พูดแทรกด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ไม่เกรงกลัวสายตาของจิรัชกับจิรัน พ่อของว่าที่แฟนแม้แต่น้อย
“เอ๊ะเดี๋ยวนะ เมื่อกี้หนูพูดว่าอะไรนะลูก แม่ฟังไม่ถนัด”
คุณมารีน่าถามลูกสาวที่นั่งกะพริบตาปริบ ๆ มองคนข้างกายแบบมึนงง เธอเหมือนจะได้ยินว่าลูกสาวไปจีบชายหนุ่ม แต่ไม่มั่นใจจึงถามอีกครั้ง
“ใช่ค่ะคุณแม่ หนูชอบคุณมาร์ก็เลยตามจีบ ตอนนี้รอคุณมาร์เปิดใจ” เพราะถูกสอนให้เปิดเผย หล่อนจึงกล้าพูดความจริงกับพ่อแม่แล้วก็พี่ ไม่อายที่จะพูดว่าตนเองจีบผู้ชายเนื่องจากมันเป็นเรื่องจริง
“หนูจีบผู้ชาย/น้องจีบผู้ชายคนนี้/จีน่าลูก”
สามคนพ่อแม่ลูกได้ยินที่ลูกสาวพูดเต็มสองหูถึงกับอุทานตกใจพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะพ่อกับพี่ที่อึ้งหนักกว่าแม่เสียอีก
จินันยาจึงพยักหน้าหงึก ๆ ตอกย้ำคำพูดของตนเอง มาวินเห็นแบบนั้นก็ยิ้มขำ ครอบครัวนี้เลี้ยงลูกสาวได้ดีจริง ๆ ซื่อสัตย์กับความรู้สึกและไม่โกหกพ่อแม่พี่น้อง จึงพูดในส่วนของตนเองบ้าง
“ที่ผมมาวันนี้เพราะอยากจะทำความรู้จักกับครอบครัวของน้อง และจะมาขออนุญาตคุณพ่อกับคุณแม่แล้วก็พี่ชายด้วย เผื่อผมต้องไปกินข้าว ดูหนัง หรือไปกันสองต่อสอง เกิดเป็นข่าวขึ้นมาทุกคนจะได้ไม่ตกใจ”
“เอาละ ๆ ใครจะจีบใครก่อนไม่ต้องสนใจ เอาเป็นว่าพวกเรารับรู้ตอนนี้จีน่ากำลังศึกษาดูใจกับคุณมาวิน กินข้าวเถอะ เรื่องความรักปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต เนอะพ่อ พี่จิด้วย”
มารดาของหญิงสาวเอ่ยทำลายความเครียดและชอบใจในตัวมาวินไม่น้อยที่เข้าตามตรอกออกตามประตู ขนาดไม่ได้เป็นแฟนกันยังมาแนะนำตัวให้เกียรติลูกสาว
“แต่คุณแม่ครับ น้องยังเด็ก ไม่ควรจะมีแฟน จริงไหมครับคุณพ่อ”
“จริง! ว่าแต่คุณเถอะ ทำงานทำการอะไร หน้าตาคุ้น ๆ อยู่นะ”
“ผมเป็นประธานบริษัท Y ครับ”
“อ้อ ลูกชายของคุณมาคัส หยาง ใช่ไหม”
“ใช่ครับคุณลุง”
“โอ๊ยยย คนกันเอง ถึงว่าหน้าตาคุ้น ๆ จริงไหมแม่” จากที่ไม่ถูกชะตากลับชอบขึ้นมาทันทีเนื่องจากเป็นลูกหลานของคนรู้จัก คุณจิรันเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วมากจนลูกชายที่มองอยู่พูดไม่ออกเพราะงงกับพ่อตัวเอง
แค่เป็นลูกของคนตระกูลหยางไม่เห็นต้องทำหน้าบานเลย พ่อนะพ่อ
จิรัชค้อนพ่อกับแม่ก่อนจะตักข้าวใส่ปากเคี้ยวเงียบ ๆ แล้วสังเกตพฤติกรรมของมาวิน
“จริงค่ะ หน้าตาหล่อเหลาเหมือนคุณมาคัสเลย”
“ตามสบายเลยหลานชาย ลุงกับป้าขอฝากน้องด้วยนะ บางทีก็ชอบทำตัวเป็นเด็ก อย่าเพิ่งเบื่อละ”
“ครับคุณลุง”
“กินข้าวตามสบายนะคะ คนกันเอง”
“ครับคุณป้า”
จากนั้นบทสนทนาที่ดูเหมือนจะตึงเครียดก่อนหน้านี้ก็หายไปหลังจากที่รู้ว่าชายหนุ่มคือลูกหลานตระกูลหยาง พ่อแม่ของหญิงสาวต้อนรับขับสู้ผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้ม สั่งให้จินันยาตักนั่นตักนี่ให้มาวินไม่หยุด สร้างความดีใจให้เธอไม่น้อยที่พ่อกับแม่ชอบเขา ต่างจากพี่ชายที่ถึงแม้จะรู้ว่ามาวินเป็นใครก็ยังทำหน้าบึ้งมองแขกหนุ่มเพียงหางตา เพราะไม่ชอบที่มีผู้ชายมาเกาะแกะน้องสาวตน แม้ว่าจินันยาจะเป็นฝ่ายตามจีบก่อนก็ตาม
หลังจากรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จและได้คุยทำความรู้จักกันเรียบร้อยก็ถึงเวลาที่มาวินต้องขอตัวกลับบ้าน หญิงสาวจึงเดินมาส่งชายหนุ่มที่รถโดยมีพี่ชายแอบเดินตามคุมและซ่อนตัวอย่างแนบเนียนเพื่อไม่ให้น้องสาวรู้ตัวเพราะกลัวหล่อนจะอึดอัด จิรัชหวงน้องมาก เขากลัวว่าไอ้คุณมาวินจะทำมิดีมิร้ายน้องสาวตนเลยตามมาปกป้อง ถ้าเห็นอะไรที่ไม่ดีเขาจะรีบเข้าไปหาจีน่าทันที
“หายงอนหรือยัง” ก่อนขึ้นบนรถ ชายหนุ่มหันมาถามหญิงสาว
“มาบ้านของจีน่าเพราะอยากง้อเรื่องเมื่อคืนเหรอ” หล่อนถึงบ้างอ้อว่าทำไมเขาอยากมาส่ง ที่แท้ก็… มาง้อ
“อืม ทำคนแถวนี้งอนก็ต้องง้อ” มาวินพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่คนฟังกลับใจละลาย
“หายแล้วค่ะ หายตั้งนานแล้ว ขอบคุณนะคะที่มาบอกพ่อกับแม่แล้วก็พี่จิ”
“ผมกลัวว่าเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วเป็นข่าวเดี๋ยวพวกท่านจะตกใจ มาแนะนำตัวเลยดีกว่า แต่ดูเหมือนพี่ชายคุณจะหวงน้องสาวนะ หวงมากด้วย ดูสิ แอบอยู่หลังเสา กลัวผมจะทำอะไรคุณงั้นสิ” เขากระซิบข้างหูเธอ
“พี่จิก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ จีน่าถึงไม่มีแฟนสักที เห็นไหม ทำไมจีน่าถึงจีบคุณมาร์”
“อืม ๆ น่าสงสารจริง ๆ งั้นผมกลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวมันจะดึก อย่าลืมนะอีกสองวันต้องไปหัวหิน”
“ค่า ไม่ลืมหรอก จีน่าเป็นมืออาชีพ”
“ผมไปนะ แล้วเจอกัน”
“เดี๋ยวก่อน”
“ครับ” เขากำลังจะขึ้นรถแต่เธอเรียกไว้เสียก่อนจึงหันมา แล้วเกิดอาการตัวแข็งไปชั่วขณะเมื่อโดนหญิงสาวขโมยจูบแบบไม่ทันตั้งตัว
“จุ๊บ ฝันดีนะคะ” หล่อนเอ่ยแบบเขิน ๆ ก่อนจะตกใจกับเสียงของพี่ชายที่ดังมาแต่ไกล
“จีน่าาาาาาาาาาา”
เสียงคำรามของคนหวงน้องดังขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นภาพบาดตา น้องสาวที่รักเขย่งเท้าขึ้นไปจูบปากผู้ชายต่อหน้าต่อตา ก่อนจะวิ่งด้วยความเร็วแสงมาคว้าตัวน้องสาวเข้าบ้านแล้วปล่อยให้มาวินยืนอยู่คนเดียวตามลำพัง ชายหนุ่มยืนอึ้งอยู่หลายนาทีกว่าจะรู้สึกตัวและเผลอยิ้มออกมาเมื่อคิดถึงริมฝีปากนุ่ม ๆ ของคนใจกล้า จากนั้นก็เอามือขึ้นมาจับที่ปากแล้วคาดโทษเจ้าหล่อนไว้ในใจ
“เจอกันคราวหน้า โดนเอาคืนแน่จีน่า”