นางเอกสาวเห็นมาวินเดินมาพร้อมกับจินันยาจึงรีบเข้าไปทักทายด้วยใบหน้าไร้เดียงสา ทำเป็นบังเอิญเจอแต่ในความเป็นจริงคือตั้งใจเข้ามาเจอ สร้างความขุ่นเคืองใจให้นางร้ายอย่างจินันยาไม่ใช่น้อย แต่ก็ต้องปรับสีหน้าปรับอารมณ์ทำเป็นทักทายกลับตามมารยาท
“น้องไข่มุกจะไปไหนคะ”
“ไข่มุกว่าจะไปเดินเล่นแถวนี้สักหน่อยค่ะ พอดีเห็นคุณมาวินกับพี่จีน่าก็เลยเข้ามาทักทาย ว่าแต่ทั้งสองคนกำลังจะไปไหนคะ ไข่มุกขอไปด้วยได้ไหม”
“เราสองคนกำลังจะไปเดินเล่นกัน สองคน ค่ะ” จินันยาเน้นคำว่าสองคนเพื่อให้อีกคนรู้ตัว แต่...
“เดินกันแค่สองคนมันเหงา ไข่มุกไปด้วยดีกว่า คุณมาวินไม่ขัดข้องนะคะ”
“ไม่ขัดข้องครับ” คำตอบของเขาทำให้จินันยาหันมามองด้วยความไม่ชอบใจเอามาก ๆ แต่ก็ไม่พูดมันออกมา
“เย้ คุณมาวินใจดีที่สุด ทั้งหล่อ ทั้งใจดี แบบนี้แฟนรักตายเลย”
“ผมยังไม่มีแฟนครับ แค่กำลังคุย ๆ กันอยู่” เขาบอกตามความจริงพร้อมกับชำเลืองมองคนที่คุยด้วย
“ว้าววว ไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ อย่างคุณมาวินจะไม่มีแฟน”
“ขอโทษนะคะ จะคุยกันอีกนานไหม จีน่าจะได้ไปก่อน เมื่อยตีน อุ๊ย เมื่อยเท้า”
น้ำเสียงของเธอคล้ายมีความโมโหเจืออยู่ทำให้มาวินเสียวสันหลังวาบเหมือนตัวเองทำอะไรผิด ก็มันเป็นเรื่องจริง เขากับหล่อนยังไม่ได้เป็นแฟนจะให้ตอบไข่มุกว่าเป็นแฟนได้อย่างไร มาวินคิดในขณะที่มองหน้าจินันยา ทางด้านนางเอกสาวก็แอบยิ้มสะใจที่มาวินตอบตรง ๆ ก่อนจะยิ้มหวานเอาใจรุ่นพี่ในวงการบันเทิงแล้วชวนทั้งสองคนไปเดินเล่นพร้อมกัน
ตลอดริมชายหาดมีคนสนใจทั้งสามคนอยู่มากเพราะเป็นดาราและผู้ชายก็หล่อ ไข่มุกชวนมาวินคุยตลอดไม่เว้นช่องว่างให้จินันยาพูดแทรก สร้างความน้อยใจให้หญิงสาวไม่น้อยที่ชายหนุ่มไม่สนใจตนเอง เธอเริ่มกลัวขึ้นมาจับใจเมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันเหมือนคู่รักก็ไม่ปาน
จนสุดท้ายหล่อนไม่อาจมองภาพตรงหน้าได้จึงหยุดเดิน จากนั้นก็ตัดสินใจหันหลังเพื่อกลับไปพักผ่อน ตัดใจไม่เดินแล้วริมชายหาด
ตุ้บ
“โอ๊ย/คุณ”
หญิงสาวไม่ทันมองว่ามีคนเดินอยู่ข้างหลังจึงชนเข้ากับร่างบึกบึนเต็ม ๆ ทำให้ร่างบอบบางของตัวเองตกไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายแปลกหน้าแบบไม่ทันตั้งตัว
เสียงร้องของจินันยาเรียกความสนใจจากคนที่เดินนำไปก่อนได้เป็นอย่างดี มาวินเห็นภาพนั้นแล้วควันแทบออกจากหู รู้สึกหัวร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกจึงก้าวเท้ายาว ๆ เข้าไปหาทั้งคู่อย่างรวดเร็วแล้วดึงจินันยามากอดเสียเอง
“คุณเป็นอะไรรึเปล่าจีน่า”
“อ้อ เปล่าค่ะ ๆ จีน่าไม่ทันมองเลยเดินชนคุณคนนี้ จีน่าต้องขอโทษด้วยนะคะ” หล่อนถูกมาวินดึงออกมาจากอ้อมกอดของผู้ชายที่เดินชนแบบงง ๆ ก่อนจะตอบคำถามของเขาแล้วหันไปขอโทษคู่กรณี
“ไม่เป็นไรครับ ผมผิดเองที่เดินตามคุณมา”
“คุณเดินตามจีน่ามา?”
“ครับ ผมเป็นแฟนคลับคุณจีน่า”
“อ้าว จริงเหรอคะ”
“จริงครับ ผมชอบคุณตั้งแต่เรื่องแรกที่เล่นละครเลย”
“ขอบคุณมากนะคะ เจอคนมาบอกชอบแบบนี้เขินจัง”
“ผมชื่อดินแดนนะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” แฟนคลับของจินันยายื่นมาเพื่อทักทายหญิงสาวตามธรรมเนียมฝรั่ง แต่เธอไม่ทันได้ส่งมือไปทักทายก็มีมือใหญ่ ๆ ของผู้ชายอีกคนเข้าไปจับตัดหน้าพร้อมกับบีบอย่างแรงเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง แล้วเอ่ยแนะนำตัวโดยที่ดินแดนยังไม่ได้ถาม
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมมาวิน”
“เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“ผมกับจีน่าต้องขอตัวก่อนนะครับ เรามีนัดกัน” เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบดึงมือของจินันยาไปตามทางที่เดินมาอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้นางเอกสาวยืนไม่พอใจอยู่กับดินแดนแต่ไม่แสดงอาการใด ๆ ก่อนจะยิ้มให้ชายหนุ่มแล้วเดินไปอีกทาง
ส่วนดินแดนเมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนเองหมายปองไปกับชายอื่นหัวใจก็เจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูก สีหน้าดุร้ายขึ้นมาทันตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วกำมือแน่นอย่างคนมีความแค้น
“ผมไม่ยอมแพ้หรอก จีน่า” ประโยคบอกเล่าที่เจือไปด้วยความมุ่งมั่นดังขึ้น หลังจากสงบสติอารมณ์ตัวเองสำเร็จแล้วแหงนหน้าขึ้นไปมองฟ้า เขาชอบจินันยามาตั้งแต่เธอเข้าวงการบันเทิงจนตอนนี้ก็ยังชอบ และไม่ใช่แค่ชอบธรรมดา ชอบจนอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ อุตส่าห์ตามหล่อนมาถึงที่นี่เพื่อสารภาพรักแต่ก็ไม่มีโอกาส เห็นทีเขาต้องลงมือทำอะไรบางอย่างเสียแล้ว
ทางด้านเมษาเมื่อทำภารกิจขัดขวางไม่ให้จิรัชเป็นกขคน้องสาวตัวเองสำเร็จก็ยิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิใจ แล้วเอ่ยปากชวนชายหนุ่มไปกินอาหารทะเลด้วยกันเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ทำให้เขาหน้าหงิกหน้างอ ชายหนุ่มไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเพราะโกรธคนข้างกายที่ทำให้ตัวเองเสียเวลา จึงโดนหญิงสาวลากไปที่ร้านอาหารอย่างไม่เต็มใจนัก
“มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง คุณจิอยากกินอะไรสั่งได้เต็มที่เลย”
“หึ ตบหัวแล้วลูบหลัง”
“เปล๊า ใครทำ ไม่มี้ ฉันตอบแทนคุณไงที่ช่วยเลือกซื้อของตั้งนาน”
“อืม ผมจะพยายามเชื่อก็แล้วกัน เอาละไหน ๆ คุณก็จะเลี้ยง งั้นผมไม่เกรงใจนะ”
“ยินดีเลยค่ะ เมษาคนนี้พร้อมจ่าย”
“ดี คุณพร้อมจ่ายผมก็พร้อมสั่ง”
เขามองหล่อนด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะดูเมนูที่มีอาหารหลากหลาย จากนั้นก็ชี้นิ้วสั่งแบบไม่เกรงใจจริง ๆ เพราะราคาอาหารแต่ละจานที่เขาเลือกแพง ๆ ทั้งนั้น ไม่ต่ำกว่าห้าร้อยบาทบอกเลย
คราแรกเมษาก็ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่หรอก พอมองดูราคาของอาหารที่ถูกสั่งใบหน้าก็เริ่มซีดลงเรื่อย ๆ เกือบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ โชคดีที่ชายหนุ่มหยุดสั่งเสียก่อน หล่อนจึงไม่ปล่อยโฮออกมากลางร้านให้อับอายขายขี้หน้าชาวบ้านชาวช่อง
และสิ่งที่เมษากังวลก็เกิดขึ้นจริง ๆ เมื่อเช็กบิลแล้วราคาอาหารพุ่งไปเกือบเจ็ดพันซึ่งหล่อนไม่พกเงินมาขนาดนั้น หยิบบัตรเครดิตออกมาจ่ายก็ไม่ได้เพราะวงเงินเต็ม
ไม่น่าเลย หล่อนไม่น่าสงสารผู้ชายตรงหน้าเลยจริง ๆ
ชาวนากับงูเห่าชัด ๆ เมษาคิดในขณะมองชายหนุ่มหยิบธนบัตรในกระเป๋าจ่ายให้ก่อน เนื่องจากหล่อนมีเงินไม่พอ
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวฉันโอนเงินคืน” หล่อนพูดแต่ตาไม่มองคู่สนทนาเพราะมัวสนใจเงินในบัญชีที่มีอยู่น้อยนิด มนุษย์เงินเดือนจะเหลือกี่บาทกันเชียว แค่ตัวเองก็แทบจะไม่เหลือ เธอคิดว่าเขาจะสั่งอาหารทะเลทั่วไปถึงใจกล้าขอเลี้ยงข้าว
“ไม่ต้องหรอก ผมไม่อยากได้เงิน”
น้ำเสียงแบบนี้ รอยยิ้มแบบนี้ ทำให้เมษาตัวเย็นวาบอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ
“ละ แล้วคุณจิรัชต้องการอะไร”
“คู่ควง มะรืนนี้ผมมีงานต้องไปแต่ยังไม่มีคู่ควง คุณต้องมาเป็นคู่ควงให้ผม”
“แค่ควงไปงานอย่างเดียวใช่ไหมคะ ไม่มีอย่างอื่น” หล่อนถามเพื่อความแน่ใจ ระแวงชายหนุ่มขึ้นมาทันที
“อย่างอื่นของคุณนี่คือ?” เขารู้แต่แกล้งไม่รู้ ทำให้หญิงสาวหน้าร้อนผ่าว กระดากปากที่ต้องเอ่ยแต่ก็ต้องพูดออกมา
“กะ ก็เรื่องอย่างว่า แบบ ๆ แบบนั้นอะ”
“ฮ่า ๆๆๆ คิดไกลไปนะคุณ ผมไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก เห็นผมแบบนี้แต่ผมก็เลือก”
“คุณจิรัช! คุณนี่มัน ชิ ไม่คุยด้วยแล้ว กลับ”
“กลับก็กลับ”
เมษาลุกออกจากโต๊ะโดยมีจิรัชเดินตามออกมาอย่างอารมณ์ดีผิดกับก่อนหน้านี้ลิบลับ ต่างจากเมษาที่มีอาการหน้าบูดเพราะโดนชายหนุ่มกลั่นแกล้ง หล่อนจึงเก็บความแค้นครั้งนี้เอาไว้ในใจ มีโอกาสเมื่อไรจะเอาคืน สิบปีก็ยังไม่สายกับการล้างแค้น
เมื่อกลับมาถึงห้องพักต่างคนก็ต่างแยกย้ายเข้าห้องของตัวเองที่อยู่ตรงข้ามกันโดยไม่มีใครรู้ว่าจินันยากับมาวินกลับมาตั้งนานแล้ว และกำลังสร้างสงครามอยู่ในห้องของดาราสาว
“แผงอกล่ำ ๆ ขาว ๆ แบบนั้น ชอบสินะถึงได้ไปซบไม่ยอมออกมา” น้ำเสียงประชดประชันแฝงไปด้วยความหึงหวงของมาวินดังขึ้นมาหลังจากเงียบกันอยู่สักพัก
เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมถึงได้รู้สึกไม่ชอบผู้ชายคนนั้นทั้ง ๆ ที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงสิบนาที ยิ่งแววตาของดินแดนที่มองจินันยาก็ยิ่งไม่ชอบ ผู้ชายด้วยกันดูออก
“ก็ชอบนะคะ อุ่นดี” หล่อนสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างประชดเช่นกัน อยากจะหนีไปให้พ้นก็ทำไม่ได้เมื่อโดนชายหนุ่มกอดเอาไว้ทั้งตัว คนอะไรแรงเยอะชะมัด สะบัดยังไงก็ไม่หลุด รู้ตัวอีกทีก็นั่งแหมะอยู่บนตักของเขาเรียบร้อยแล้ว แถมนั่งกันอยู่ในท่าล่อแหลมอีกด้วย ดีนะตรงนี้เป็นแค่โซฟา ถ้าเป็นเตียงละก็ไม่อยากจะคิด
“หึ อกของผมก็อุ่น” พูดธรรมดากลัวหล่อนจะไม่รู้จึงดึงหัวของหญิงสาวมาแนบที่อกอย่างเอาแต่ใจ
“คนบ้า ปล่อยนะ”
“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวอย่างอื่นตื่น” มาวินไม่ได้ขู่แต่พูดจริง ๆ เพราะปืนใหญ่ที่หลับใหลก่อนหน้านี้ทำเหมือนกำลังจะตื่น ถ้าคนบนตักยังดิ้นขลุกขลัก ๆ อยู่แบบนี้เขาก็ไม่รับรองความปลอดภัย
“อะไรตื่น ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง จีน่าโกรธคุณมาร์ ไม่อยากคุยด้วย ไม่อยากมองหน้า กลับห้องตัวเองไปเลย”
หล่อนขืนตัวออกจากอกอุ่น ๆ ของเขาแล้วเงยหน้าขึ้นมาจ้องตาอย่างไม่เกรงกลัวและพูดในสิ่งที่อยู่ในใจ มาวินจะได้ออกจากห้องเสียที แต่สิ่งที่คิดกับความเป็นจริงมันต่างกันเมื่อชายหนุ่มทำในสิ่งที่หล่อนไม่เคยคิดมาก่อน
“ผมขอไถ่โทษก่อนแล้วจะไป”
“ไถ่โทษยะ อื้อ… อืม”
จินันยาอ้าปากถามยังไม่จบประโยคก็โดนคนเอาแต่ใจไถ่โทษด้วยการปิดปาก สร้างความตกใจให้หล่อนไม่น้อย มือทั้งสองข้างอยากจะผลักไสแต่ก็อ่อนแรงเหลือเกิน จึงวางแหมะอยู่บนอกแล้วปล่อยให้ชายหนุ่มทำตามอำเภอใจ ส่งลิ้นร้อน ๆ เข้ามาเกี่ยวพันครั้งแล้วครั้งเล่าจนเกือบจะหายใจไม่ออก แต่โชคดีที่เขาถอนปากออกก่อน ไม่อย่างนั้นหล่อนต้องขาดอากาศหายใจเป็นแน่
“ยกโทษให้ผมหรือยัง ถ้ายังผมจะจูบอีก”
สายตาที่เขามองมาบวกกับน้ำเสียงอ้อนแหบพร่าทำให้เธอแทบจะละลาย อยากจะโกรธไปอีกนาน ๆ แสนนานแต่ก็กลัวบทลงโทษจึงพยักหน้าหงึก ๆ ด้วยความจำยอม แต่มีเหรอคนอย่างมาวินจะทำตาม ปากหวาน ๆ ของคนบนตักอร่อยยิ่งกว่าอาหารมิชลินห้าดาวเสียอีก ต้องกินต่อถึงจะถูก
“ยอมแล้ว ๆ ยกโทษให้แล้วค่ะ”
“หึ ๆ ถึงคุณยอมผมก็จะจูบ”
“คุณมาร์ ไม่ อื้ม”