White Talk
“มึงแน่ใจเหรอว่าจะทำจริงๆ
ผมเอ่ยถามมิดไนท์ที่ถือธูปเทียนแพไว้ในมือเดินเข้ามาในร้านเหล้าที่ไอ้เมล่อนทำงานอยู่ ตอนนึ่งสองทุ่มแต่คนดูหนาตาแทบจะแทรกตัวเข้าไปหน้าเวทีไม่ได้
“กูว่ามึงนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนดีกว่า”
ผมหันไปบอกไอ้ไนท์มันจึงนั่งลงพร้อมกวาดสายตามองหาเมล่อนไปด้วย
“มึงว่าเมจะหายโกรธกูป่าววะ”
ผมไม่ตอบได้แต่ถอนหายใจยาว ไอ้เมเล่นประกาศกร้าวว่าจะไม่ยอมให้อภัยไอ้ไนท์เด็ดขาดแต่ผมไม่กล้าที่จะบอกมัน เพราะมองแล้วไอ้ไนท์มันดูจริงจังกับการง้อเมมาก
“กูไม่รู้”
ไม่รู้ก็บ้าแล้ว ผมกับเมเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ส่วนไอ้ไนท์ก็เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่มัธยม สถานะผมตอนนี้คือคนกลางที่เอนเอียงไปทางไหนก็ไม่ได้สักทาง อีกอย่างไอ้ไนท์ก็เคยพลาดสร้างความแค้นเคืองให้เมไว้ ผมว่าคงยากที่รายนั้นจะยอมคืนดีด้วย อย่าว่าแต่คืนดีเลยแค่หน้าไอ้ไนท์มันยังไม่อยากจะมอง
ผมนั่งอยู่กับไอ้ไนท์เพียงสักพักเสียงโทรศัพท์มันก็ดังขึ้น มือหนาล้วงเข้าไปในกางเกงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย
“อะไร”
อย่าหาว่าผมยุ่งเลยนะ แต่เสียงผู้หญิงที่เล็ดลอดออกมาทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟัง ไอ้ไนท์มีสีหน้าเคร่งเครียดมันกดตัดสายและยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าตามเดิม
“เป็นไรวะ”
ผมเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่มันกลับส่ายหน้าและยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียว ระหว่างนั้นเสียงไมค์ก็ดังขึ้นทำให้เราสองคนหันมองพร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย เมล่อนนั่งประจำที่ก่อนตั้งขาไมค์และเริ่มดีดกีต้าร์ด้วยเพลงช้าๆ เสียงหวานปนห้าวดังขึ้นเป็นเนื้อเพลงภาษาอังกฤษสะกดผู้คนให้โยกตัวตามจังหวะเพลง
“เมร้องเพลงเพราะว่ะ”
ไอ้ไนท์เอ่ยคล้ายละเมอ สายตามันจับจ้องที่ร่างบางข้างหน้านิ่งจนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ ยิ่งนึกถึงตอนที่มันทำให้ไอ้เมเสียใจผมก็ยิ่งรู้สึกขุ่นเคือง ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นที่ทำกับเมแบบนั้นบอกเลยว่าไม่รอดตีนผมแน่ แต่เพราะเป็นไอ้ไนท์เพื่อนรัก ผมจึงไม่อยากมีเรื่องด้วย
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเสียงเพลงก็จบลงพร้อมเสียงปรบมือเกลียวกราว ไอ้เมมีพรสวรรค์ด้านดนตรีและการร้องเพลงเป็นอย่างมาก อีกอย่างมันก็หน้าตาดีด้วยจึงทำให้ตอนนี้มันได้รับดอกกุหลาบมากมายทั้งแบบดอกเดี่ยวๆและช่อโตๆ
“ไอ้พวกนั้นจะจีบเมเหรอวะ”
ดูก็รู้ว่าใช่แน่ๆ อย่างที่ผมบอกว่าไอ้เมมันสวย ยิ่งร้องเพลงเพราะเล่นกีต้าร์ได้ก็ยิ่งมีเสน่ห์ ไม่แปลกที่ใครๆก็ชอบมัน แต่จริงๆบ้านมันก็หน้าตาดีกันทั้งบ้านโดยเฉพาะพี่กล้วยหอม รายนั้นน่ะสวยจนดาราบางคนต้องชิดซ้ายไปเลย
Melon Talk
อ่า ให้ตายสิวะ นี่มันวันอะไรของฉันวะเนี่ย ระหว่างที่กำลังรับดอกไม้มากมายจากลูกค้าสายตาฉันก็สะดุดเข้ากับร่างสูงที่ลุกเดินตรงมาทางนี้และที่สำคัญในมือเขามีธูปเทียนแพ...ซวยแล้วไงล่ะ
“เม”
ดวงตาเขาเป็นประกาย แต่แววตาฉันน่าจะมีแต่ความว่างเปล่าส่งไปให้ ก็คนเลิกกันมาเป็นปีเพิ่งมาสำนึกได้มันก็สายไปแล้วป่ะ
“มาทำไม”
ฉันเอ่ยถามเสียงห้วน ไม่สนใจว่าเขาจะมีสีหน้าจืดเจื่อนแค่ไหน
“ไนท์มาง้อ”
เหอะ ฉันแค่เสียง อยากจะหัวเราะดังๆด้วยซ้ำไป ที่ผ่านมามีเวลามากมายให้ต้องง้อแต่เพิ่งมาตอนนี้ ตอนที่ฉันหมดรักอย่างสมบูรณ์แบบแล้วเนี่ยนะ
“แล้วน้ำเน่าอะไรนั่นอ่ะ”
“เลิกแล้ว”
“อ๋อ เลิกแล้ว ไม่น่าล่ะ ทำไมถึงกลับมา ที่แท้ก็ไม่เหลือใครแล้วนี่เอง”
ถ้าไม่เลิกกันแล้วก็คงไม่กลับมาหรอก อยากจะรู้จริงๆว่ากินอะไรเป็นอาหารถึงได้มั่นหน้าว่ากลับมาแล้วฉันจะลดตัวกลับไปคบด้วย คงลืมไปแล้วมั้งว่าเคยทำอะไรไว้กับฉันบ้าง
“เม ฟังไนท์ก่อนนะ”
“ไม่ดีกว่า พอดีมีนัดว่ะ”
ฉันถือกีต้าร์ลงจากเวทีไม่สนใจมิดไนท์อีกต่อไป คนอย่างฉันเจ็บแล้วจำ ใครทำอะไรไว้ฉันก็ไม่เคยลืม จะว่าฉันเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นก็ได้นะเพราะมันเป็นเรื่องจริง
“เม ฟังไนท์ก่อน ไนท์ขอโทษ”
ข้อมือฉันถูกคว้าเอาไว้ตอนที่เดินมาถึงหน้าห้องน้ำพอดิบพอดี
“ปล่อย”
“ฟังไนท์ก่อน”
ฉันถอนหายใจระงับอารมณ์หงุดหงิดที่เริ่มก่อตัว มิดไนท์ดื้อด้านกว่าที่ฉันคิด ทั้งๆที่เดินหนีแล้วยังหน้าด้านเดินตามมาอีก
“จะพูดอะไรว่ามา”
ฉันบิดมือออกก่อนจะยกแขนขึ้นกอดอกยืนพิงผนังพร้อมจ้องหน้าเขาไปด้วย เชือมั๊ยครั้งหนึ่งฉันเคยใจเต้นแรงเพียงแค่เห็นใบหน้าหล่อเหลาของมิดไนท์ แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดเดียว...นี่สินะที่เขาเรียกว่าหมดpassionแล้ว
“ไนท์อยากขอโทษ อยากขอโอกาส”
ฉันปัดธูปเทียนแพในมือเขาจนกระเด็นตกลงไปถังขยะ มิดไนท์มองตามสิ่งที่อยู่ในนั้นด้วยแววตาสิ้นหวังแต่แปลกที่ฉันไม่รู้สึกสงสารเขาสักนิดเดียว ถึงเขาจะทำหน้าเหมือนหมาโดนเจ้าของทิ้งมากแค่ไหนก็ตามฉันเลยสงสารไม่ลงอาจเป็นเพราะว่าเขาเคยทำกับฉันมากกว่านี้ก็ได้...