หลังเชยชมกล่าวคำหวานหูกับสาวงามทั้งแปดอยู่ครึ่งค่อนวัน ย่างเข้ายามซวีในที่สุดข้างกายของฟางจิ้งห้าวก็ไร้เงาสตรีที่ประโคมกลิ่นหอมฉุนพวกนั้นเสียที ยามฝีเท้าก้าวตรงไปยังห้องหนังสือในฝั่งตะวันตกของเรือนพำนักนั้น สีหน้าแววตาที่เผยให้เหล่าผู้คุ้มกันซึ่งแฝงตัวอยู่โดยรอบดูเยือกเย็นยิ่งนัก หาใช่บุรุษหนุ่มผู้ส่งสายตาชักชวนเหล่าสตรีให้มัวเมาแม้แต่น้อย
ก้าวเข้าสู่ห้องหนังสือ คนผู้หนึ่งนามเฉิงหมิงผู้มีหน้าที่จัดการงานสำคัญนอกจวนและจับตาดูการค้าขายของสกุลฟางพลันประสานมือคำนับอยู่เบื้องหน้า ในมือคล้ายจะเป็นม้วนภาพเขียนที่เพิ่งได้รับจากเมืองหลวงเมื่อไม่กี่ชั่วยามนี้
“มาถึงแล้วหรือ”
ดึงภาพเขียนในกระบอกไม้ไผ่ออกมาแล้วสีหน้าแววตาพลันลึกล้ำขึ้น จากนั้นส่งให้เฉิงไห่ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างกายตนทุกย่างก้าว ก่อนหน้านี้เฉิงไห่ก็เคยเห็นภรรยาเอกผู้แต่งเนื้อแต่งตัวด้วยสีสันแสบตาของตน “เจ้าว่า...หญิงสาวในภาพ เหมือนฮูหยินเอกที่เพิ่งพบหน้าหรือไม่”
คิ้วของเฉิงไห่ขยับเข้าหากัน “มีส่วนคล้ายคลึง แต่สตรีผู้นี้เป็นฮูหยินจริงๆ หรือ”
“ย่อมเป็นฮูหยิน”
เสียงพ่อบ้านผู้ดูแลเรือนดังขึ้น แม้ไม่มีโอกาสพบหน้าแต่ว่าทุกผู้คนที่ปรากฏตัวในเรือนย่ำแดนเซียนล้วนไม่มีทางพหลาดสายตาของเขาไปได้ หญิงสาวในภาพมิใช่สตรีอ่อนหวานที่แม่บ้านเหอซินเคยพบพานหรอกหรือ
“เหตุใดถึงได้แตกต่างกันเช่นนี้”
เฉิงไห่ยังขยับปากสงสัย
“ผู้คุ้มกันอย่างเจ้าช่างตาถั่วเสียจริง” เผยจุนในวัยห้าสิบปีเคาะหน้าผากของเฉิงไห่ไปทีหนึ่ง “ข้าไม่สมควรไว้วางใจให้เจ้าอยู่ข้างกายคุณชายแม้แต่น้อย”
“ท่านลุงเผย แต่สตรีที่ข้ากับคุณชายเห็น...”
“ล้วนเป็นภาพลักษณ์ภายนอก หากอยากรู้ว่าสตรีในภาพวาดกับคนที่อยู่ในเรือนแท้จริงเป็นเช่นใดนั้น คุณชายสามก็ไปดูให้เห็นกับตาเถิด เกรงว่าตอนนี้ด้วยคำพูดของคุณชาย ฮูหยินคงวางใจจนปลดเปลื้องภาพลักษณ์ที่ดูไม่เหมาะกับตนทิ้งไปแล้ว”
มุมปากของฟางจิ้งห้าวโค้งขึ้น “เหตุใดต้องรีบร้อนด้วยเล่า ปล่อยให้นางสูดดมเครื่องประทินโฉมกับเครื่องหอมไปอีกสักครึ่งเดือน มิใช่เป็นการลงโทษนางอีกทางหนึ่งหรอกหรือ”
คนสนิททั้งสามลอบสบสายตากัน ดูแล้วภายภาคหน้าเรือนย่ำแดนเซียนแห่งนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมดูอีกมาก
เมื่อตัดเรื่องเจียงซูเยว่ออกไป พ่อบ้านเผยจุนพลันรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจวน แต่ทุกอย่างยิ่งนิ่งสงบไร้ความเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ แววตาที่ทอดมองออกไปนอกห้องหนังสือนั้นก็ยิ่งล้ำลึกมากขึ้น
ผู้อื่นอาจเห็นว่าทุกชีวิตในสกุลฟางล้วนอยู่ด้วยกันอย่างรักใคร่ปรองดองดี แท้จริงหาได้เป็นเช่นนั้น
ทั้งพี่ชายใหญ่ที่ไปอยู่ทางเหนือ พี่ชายรองที่อยู่ทางใต้
มารดากับแม่เล็กทั้งสอง
ทุกผู้คนล้วนเก็บงำความคิดและมากแผนการกันทั้งนั้น
ไม่รู้ว่าฐานะภรรยาเอกของคุณชายสามที่เจียงซูเยว่ครอบครองอยู่นี้ สำหรับสตรีอ่อนแออย่างนางนั้นจะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่
แน่นอนว่ายังมีเรื่องความลับของคุณชายสามด้วย ผู้อื่นอาจได้ยินว่าฟางจิ้งห้าวมีคนสนิทที่ไว้วางใจสามคน นั่นคือเฉิงไห่ เผยจุน และเฉิงหมิง ทว่านอกจากสามคนนี้แล้วกลับไม่มีผู้ใดรู้ว่ายังมีคนอีกผู้หนึ่งซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ ขอเพียงคุณชายสามเรียกหาย่อมเผยตัวทันที ทว่าคนผู้นี้กลับมักเผยตัวในยามราตรีมืดมิดเท่านั้น
ย่อมดีแน่นอนเพราะตอนนี้ผู้ถูกกักบริเวณในเรือนพำนักชั้นในเพิ่งปลดเปลื้องเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดทิ้ง ก้าวลงไปในถังน้ำเพื่อชำระร่างกาย เครื่องประทินโฉม กับเครื่องหอมกลิ่นฉุนจมูกถูกน้ำชำระล้างจนหมดสิ้น ร่างงดงามที่จมลงใต้น้ำและลุกขึ้นมาไม่ว่าจะพบเห็นกี่ครั้งก็ล้วนทำให้หงหลินสูดหายใจ ในสายตาของหงหลิน ไม่มีสตรีใดงดงามและให้ความรู้สึกเฉกเช่นเซียนสาวได้เท่ากับคุณหนูสิบเอ็ดผู้นี้อีกแล้ว
เห็นคนที่ตนเพิ่งมอบความไว้วางใจให้อ้าปากค้างมองคุณหนูครั้งแล้วครั้งเล่า เสี่ยวถิงพลันเอ่ยปาก
“นายหญิงดูหงหลินเถิด เอาแต่เบิกตาอ้าปากค้างมองท่าน”
“นางคงไม่ชินกับการเห็นข้าเป็นเช่นนี้กระมัง”
“นายหญิงงามนัก” หงหลินว่า “งามกว่าทุกคนที่บ่าวเคยเห็น”
“เจ้าอยู่ในจวนสกุลเจียงมาตั้งหลายปี เหล่าพี่สาวน้องสาวของข้าล้วนงดงามมากไม่ใช่หรือ เหตุใดทุกครั้งยามเห็นข้าถึงได้มองจนโง่งมเช่นนี้เล่า”
“คุณหนูแต่ละคนงามคนละแบบ เพียงแต่นายหญิงเป็นแบบที่บ่าวชอบที่สุด”
“ดูเด็กคนนี้สิ” เสี่ยวถิงย่นจมูกใส่ “รู้จักเอาอกเอาใจนายหญิงแล้ว”
คุณหนูสิบเอ็ดงดงามเช่นนี้ ไม่ว่ายังไงหงหลินก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดไม่ใช้ความงามครอบครองหัวใจของคุณชายสามเล่า ได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีมิใช่ทำให้ชีวิตพบกับความสุขสงบหรอกหรือ การแต่งกายด้วยเครื่องประทินโฉมเหมือนหญิงแก่อายุสามสิบนั้นมองอย่างไรก็ดูไม่งาม และยิ่งไม่อาจได้รับความรักใคร่จากคุณชายสาม
“เจ้าคงกำลังสงสัยว่าเหตุใดคุณหนูถึงไม่แต่งเนื้อแต่งตัวเฉกเช่นทุกวันใช่หรือไม่”
หงหลินพยักหน้า
“นั่นเป็นเพราะ ไม่ใช่ทุกคนที่สมควรได้พบเห็นความงามเช่นนี้ คุณชายสามถูกจัดอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่สมควรพบเห็น”
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้นเล่า”
“เจ้ามองดูเถิด บรรดาสตรีที่อยู่ข้างกายคุณชายสาม มีใครไม่งดงาม มีใครไม่เหมือนเซียนบุปผาบ้าง แต่ละคนมิใช่นางฟ้านางสวรรค์มาจุติทั้งนั้นหรอกหรือ”
“ก็จริง”
“นายหญิงของเราหาใช่เทพเซียน และยิ่งไม่คิดใช้ความงดงามมัดใจผู้อื่น”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ได้ยินสองสาวใช้พูดคุยกัน เจียงซูเยว่พลันปิดตาลง ก็เป็นเช่นเสี่ยวถิงว่าตลอดชีวิตนี้ไม่คิดจะใช้ความงดงามมัดใจเขา และยิ่งไม่ยอมสิ้นเปลืองร่างกายและหัวใจเพื่อเขา
นางจะไม่มีวันยอมกลายเป็นสตรีโง่งมไร้สมองจนมอบความรักและลมหายใจไว้ในกำมือผู้อื่นเด็ดขาด