บทที่๕กลั่นแกล้งคนงาม

2134 Words
เรือนวาสนามากล้นยังเงียบสงบเช่นเคย เห็นฮูหยินใหญ่เอาแต่ทอดสายตามองไปยังทิศใต้ของจวน หรูหนานก็ได้แต่เทน้ำชาสงบใจให้ถ้วยหนึ่ง “ถึงอย่างไร คุณชายสามก็กลับมาแล้ว ฮูหยินอดทนอีกอีกสักหน่อยเถิด” “เจ้าว่า วันข้างหน้าห้าวเอ๋อจะทำเช่นไร” หรูหนานเห็นคุณชายทั้งหลายเติบโตมาด้วยสองตาตนเอง คุณชายใหญ่ คุณชายรอง คุณชายสามมีนิสัยเป็นเช่นไรนั้นย่อมรู้ดี สายตาที่หรูหนานมองบรรดาคุณชายทั้งสามมิได้แตกต่างจาก ฮูหยินใหญ่แม้แต่น้อย “ด้วยนิสัยของคุณชายสามนั้น อีกไม่นานคงยกสาวใช้ห้องข้างขึ้นมาเป็นอี๋เหนียงสองสามคนกระมัง” “มิเพียงสาวใช้ที่ถูกยกขึ้นมาหรอก อีกไม่เกินสามเดือน ห้าวเอ๋อต้องแต่งฮูหยินรอง ฮูหยินสามเข้ามาเป็นแน่” กวาดตาดูรายงานความเคลื่อนไหวของทุกร้านค้าทั่วเมืองเหยียนโจวแล้ว แม่บ้านดูแลจวนอย่างหรูหนานไม่อาจไม่ถอนใจ “นับตั้งแต่เข้าจวนมา ถึงอย่างไรสะใภ้สามคงเข้าใจแล้วว่า มิอาจใช้ชีวิตคู่กับคุณชายสามเพียงสองคน” “ชะตาชีวิตของเยว่เอ๋อคงมิแตกต่างจากข้าสินะ” หลินซือหรูได้แต่พึมพำ ในวัยที่ตนเพิ่งอายุสิบหกสิบเจ็ด ก็เคยมีความปรารถนาอยากเคียงข้างอยู่กับบุรุษที่ตนรัก สองคนรักใคร่ทะนุถนอมซึ่งกันและกัน แต่น่าเสียดายหลังแต่งเข้ามาได้เพียงครึ่งเดือน ฟางเฉิงเคอก็รับฮูหยินรอง ฮูหยินสามเข้ามา หญิงงามร้อยพันล้วนผ่านเข้ามาในชีวิตเขาคนแล้วคนเล่า เดิมทีนางคิดว่าเขาจะหยุดอยู่แค่นี้ แต่หลังห้าวเอ๋ออายุครบแปดปีก็มีฮูหยินสี่ ฮูหยินห้า สุดท้ายทำให้สตรีที่มอบใจให้เขาร่วมเดินทางไปปรโลกด้วยกันถึงสองคน หลินซือหรูไม่อยากให้เจียงซูเยว่ต้องมีชีวิตเช่นนี้ ทว่าห้าวเอ๋อกลับไม่ยอมเดินตามเส้นทางที่เลือกไว้ให้ ดังนั้นคงต้องลำบากให้บุตรสาวสกุลเจียงแบกรับทุกความเจ็บปวดที่ผ่านเข้ามาเพราะสตรีมากหน้าหลายตาพวกนั้น “จับตาดูสาวใช้ห้องข้างเหล่านั้นให้ดี อย่าให้ห้าวเอ๋อเลือกคนผิดเด็ดขาด” หรูหนานยอบกายรับ ในหัวจดจำไว้แล้วว่าสาวใช้อุ่นเตียงของคุณชายสามเป็นคนของผู้ใด ขอเพียงพวกนางไม่กระทำผิดร้ายแรง ย่อมสามารถมีชีวิตอยู่ในสกุลฟางอย่างสุขสงบ แต่ถ้าหากทำให้ฮูหยินใหญ่ผิดหวังละก็ นั่นนับว่าเป็นความโชคร้ายที่สุด ในจวนสกุลฟางแห่งนี้ มิรู้ว่ามีบ่าวชายหญิงถูกโบยตายไปกี่ร้อยคน ด้านหลังจวนซึ่งเป็นหุบเหวร้างนั้นมิใช่มีกลิ่นสาบพัดโชยขึ้นมาให้คนที่ผ่านไปแถวนั้นได้กลิ่นอยู่บ่อยๆ หรอกหรือ น่าเสียดายสถานที่อย่างสกุลฟางมีผู้คุ้มกันแน่นหนา เส้นทางเข้าออกมีเพียงเส้นทางเดียว ต่อให้ผู้ใดอยากตรวจสอบก็หาทำได้ง่ายๆ ไม่ อย่าว่าแต่ผู้อื่นเลยที่ไม่กล้าสอดมือเข้ามา แม้แต่คนในสกุลก็ยังไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยไร้การไตร่ตรอง ยามนี้ผู้ใดมากแผนการ มีความคิดล้ำลึกหรือว่าภายภาคหน้าจะกระทำการสิ่งใดนั้นเจียงซูเยว่ย่อมรู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านั้นยังไม่ข้องเกี่ยวกับตนมากนัก ความลับดำมืดของสกุลฟางนี้รู้น้อยลงสักหน่อย หรือไม่รู้เลยชีวิตย่อมยืนยาวขึ้น ตอนนี้สิ่งที่ทำให้ปวดหัวคือการมาเยือนของฟางจิ้งห้าวต่างหาก ไหนบอกว่าร่างกายไม่สบายห้ามออกจากเรือนมิใช่หรือ เหตุใดปล่อยให้นอนพักสบายใจเพียงข้ามวันเขากลับโผล่หน้ามารบกวนถึงที่นี่ได้ เห็นคุณหนูวุ่นวายรีบแต่งเนื้อแต่งตัว กลายเป็นร้านขายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเคลื่อนที่เฉกเช่นสาวใช้ห้องข้างทั้งแปดคนของคุณชายสามแล้ว เสี่ยงถิงกับหงหลินพลันลอบสบตากัน ดูๆ ไปแล้วคุณหนูสิบเอ็ดคล้ายกำลังสร้างความลำบากให้ตนเองมากกว่าทำให้ผู้อื่นไม่สบายตา บุรุษผู้มากหญิงงามอย่างคุณชายสามผู้นี้มีสตรีแต่งกายเช่นใดที่ไม่เคยพบเห็นบ้าง คุณหนูน่าจะกลับไปเป็นตัวของตัวเองจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงมากนัก เจียงซูเยว่ในวันนี้ยังไม่นึกอยากยอมแพ้ กระทั่งดูแล้วสีหน้าของตนซีดเซียวจนเหมือนผีตายซากถึงได้สูดหายใจทีหนึ่งแล้วรีบออกไปรับหน้าคนผู้นั้นตรงประตูชั้นใน “ข้าภรรยาคำนับท่านพี่” ท่าทางหญิงงามที่เจ็บป่วยเพราะมีโรครุมเร้ามาหลายปี กลับต้องทุ่มเทความรักให้บุรุษและหวังว่าจะได้รับการตอบแทนนี้จะอย่างไรก็ไม่เหมาะกับนิสัยใจคอแท้จริงของคุณหนูสิบเอ็ดแม้แต่น้อย การแสดงเช่นนี้แม้แต่สาวใช้ขั้นหนึ่งอีกสี่คนที่ยืนอยู่โดยรอบยังพากันเก็บรอยยิ้มไว้แทบไม่ทัน พวกนางรู้สึกว่านับวันนายหญิงจากสกุลเจียงผู้นี้ยิ่งดูน่ารักขึ้น คนน่ารักขึ้นในสายตาผู้อื่นกำลังเก็บงำความรู้สึกแท้จริง ฝืนยิ้มด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า “ร่างกายของข้าภรรยาไม่สู้ดี เหตุใดท่านพี่ถึงมาได้เล่า หากติดโรคจากข้าภรรยาไปย่อมทำให้ข้าภรรยารู้สึกผิด” หากเป็นสตรีอื่นกล่าวคำน่ารำคาญนี้ ฟางจิ้งห้าวคงคาดโทษด้วยสายตาไปแล้ว แต่กับสตรีที่นั่งฐานะภรรยาเอกของตน คำว่าข้าภรรยาที่ได้ยินซ้ำๆ ก็ชวนให้รู้สึกไม่เลวนัก มองใบหน้าที่ซีดเซียวไร้รอยสีชมพูสีแดงเช่นวันก่อน เขารู้สึกว่านางดูสบายตาขึ้น เพียงแต่หน้าที่พอกแป้งจนขาวซีดปิดบังเนื้อแท้ของผิวพรรณนี้จะอย่างไรก็ดูให้งดงามไม่ได้จริงๆ ไหนจะเสื้อผ้าสีเขียวปักลายดอกชิวอิงหลากหลายสีสันนี่อีก ดูแล้วไม่ต่างจากทุ่งหญ้าเขียวขจีที่มีดอกไม้ผุดขึ้นเป็นหย่อมๆ แต่ในเมื่ออุตส่าห์รีบร้อนแต่งกายเพื่อตนเช่นนี้ เขาย่อมไม่ทำให้นางเสียหน้า “ในเมื่อร่างกายของฮูหยินรักไม่สู้ดี สามีอย่างข้าย่อมต้องมาดูสักหน่อย เจ้าให้หมอมาตรวจดูอาการหรือยัง” เขาถามด้วยท่าทีเป็นห่วงเป็นใย หนำซ้ำยังประคองคนอ่อนแอขี้โรคไปนั่งบนเตียง ร่างกายของนางแข็งแรงดี ต้องพบท่านหมอทำไมเล่า กำลังจะหันไปหาเสี่ยวถิงแต่กลับได้ยินคำสั่งจากคนตรงหน้าเสียก่อน “เผยจุน ตามท่านหมอหยุนเข้ามา” เมื่อเรียกท่านหมอ สาวใช้ย่อมต้องรั้งม่านมุกลงบดบังเงาร่างของนายหญิง เพียงแต่รั้งได้เพียงข้างเดียวกลับต้องถอยห่างเพราะตอนนี้อีกฝั่งถูกคุณชายสามใช้ร่างสูงใหญ่ของตนขวางเอาไว้ เพียงชั่วกะพริบตาก็เห็นท่านหมอหยุน หยุนฝาง ซึ่งเป็นหมอประจำจวนสกุลฟางในวัยสี่สิบกลางๆ สะพายล่วมยาเข้ามา ทันทีที่ปลายนิ้วเยียบเย็นของท่านหมอแตะโดนข้อมือแผ่นหลังของเจียงซูเยว่หลั่งเหงื่อเย็นออกมาไม่หยุด ไม่เคยคิดฝันเลยว่าการโกหกของตนจะถูกจับได้ในเร็ววันเช่นนี้ แม้ไม่เห็นสีหน้าของนางเพราะถูกแป้งพอกไว้หนา แต่มือชื้นเหงื่อข้างหนึ่งซึ่งถูกตนกุมไว้นี้ทำให้ฟางจิ้งห้าวเก็บรอยยิ้มไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยแทบไม่ทัน หลังตรวจชีพจรแล้วหยุนฝางพลันเอ่ยปากเสียงดัง “คงเป็นเพราะฮูหยินต้องเดินทางอยู่บนรถม้าข้ามวันข้ามคืน ทำให้ร่างกายเหน็ดเหนื่อยสะสม ไหนจะพบกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมรอบตัวย่อมทำให้รู้สึกไม่สบายตัวอยู่บ้าง ระยะนี้ให้พักอยู่ในเรือน ดื่มยาบำรุง ค่อยๆ ปรับจากภายในอีกไม่นานย่อมหายเป็นปกติ” “อ้อ ต้องดื่มยาบำรุงกี่เทียบเล่า ฮูหยินรักของข้าจึงจะแข็งแรงเช่นเดิม” หยุนฝางลอบมองสีหน้าของคุณชายที่ตนรับใช้มาเกือบยี่สิบปี “ยานี้ต้องดื่มตอนเช้าหนึ่งชาม ตอนเย็นอีกหนึ่งชาม ใช้เวลาครึ่งปีก็นับว่าโรคของฮูหยินย่อมหายขาดแล้ว” ครึ่งปี! ในใจของเจียงซูเยว่ร่ำไห้แล้ว นางเกลียดยาขมๆ สีดำน้ำตาลนั่นที่สุด ไหนจะกลิ่นที่ยากสูดดมนั่นอีก เลวร้ายยิ่งกว่าเครื่องหอมที่พกติดตัวอยู่ในตอนนี้เสียด้วยซ้ำ ร่างกายของนางปกติดี หาได้เจ็บไข้ได้ป่วยแม้แต่น้อย แต่พอจะอ้าปากต่อต้านกลับทำได้เพียงรับคำอย่างว่าง่าย “ต้องลำบากท่านหมอหยุนแล้ว” แม้เพียงชั่วกะพริบตา แต่ฟางจิ้งห้าวก็ทันสังเกตเห็นสีหน้าแววตาที่ย่ำแย่ของภรรยาเอกจากสกุลเจียงผู้นี้ เขาอยากหัวเราะแต่กลับต้องตีหน้าสุขุมแสดงความเห็นอกเห็นใจ แถมยังไม่หวงวาจาน่าฟังอีกด้วย “ฮูหยินรักอดทนดื่มยาบำรุงตามท่านหมอหยุนแนะนำเถิด เป็นเช่นนี้ข้าถึงจะไม่ปวดใจเพราะเอาแต่ห่วงใยเจ้า” ห่วงกับผีน่ะสิ! เดิมทีก็ไม่ชอบคำหวานหูอยู่แล้ว มาถึงวันนี้ยิ่งนึกเกลียดเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า โดยเฉพาะพอคิดได้ว่าคนผู้นี้เคยใช้คำหวานปลอบโยนสาวงามมานับพันคน คงเพราะเขาปากหวานเอาใจใส่ผู้อื่นเก่งใช่หรือไม่ เหล่าสาวงามทั้งนอกและในจวนถึงได้พากันหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น ถึงในหัวจะคิดเช่นนั้น ริมฝีปากอิ่มกลับเผยรอยยิ้มบางเบาแถมยังเชื่อฟังแต่โดยดี “ข้าภรรยาทราบแล้ว ท่านพี่วางใจเถิด ข้าภรรยาจะดูแลร่างกายให้ดี” “ฮูหยินรักว่าง่ายเช่นนี้ ข้าวางใจนัก” เขามิเพียงลูบหลังมือเนียนข้างนั้น แต่ยังทอดสายตาลึกซึ้งมองใบหน้าเล็กที่ซีดเซียว เห็นนางแสดงท่าทีอ่อนแอ จึงรั้งอยู่ข้างกายระยะหนึ่ง มองหญิงงามกินข้าว ฝืนดื่มยาบำรุงขมๆ จนหมดถ้วยถึงได้หันไปกำชับบรรดาสาวใช้ข้างกายให้ดูแลนายหญิงของเรือนดีๆ กำชับอีกสองคำจึงหมุนกายจากไป พ้นประตูเรือนชั้นในมาแล้วคงมีเพียงเฉิงไห่ที่เห็นว่าสีหน้าของคุณชายสามนั้นนับว่าเบิกบานยิ่ง พอคล้อยหลังเขาเจียงซูเยว่พลันกัดฟันสั่ง “หงหลิน ไปรับยาที่ต้องดื่มในครึ่งเดือนนี้มาจากท่านหมอหยุน บอกว่า...บอกว่าพวกเราจะต้มเอง ไม่ต้องลำบากท่านหมอหรอก” “เจ้าค่ะ” หงหลินรับคำ เร่งฝีเท้าไปยังโรงหมอที่อยู่ทางทิศเหนือของจวนอย่างรีบร้อน แต่ว่าด้วยเส้นทางที่ลาดชันและยาวคดเคี้ยว ไหนจะพื้นที่กว้างขวางของจวนสกุลฟาง ทำให้เสียเวลาไปสองชั่วยามถึงได้กลับมาในสภาพเหงื่อไหลท่วมตัว จิบชาเย็นชืดลงคอแล้วยอบกายต่อหน้านายหญิงด้วยแววตารู้สึกผิด “ยาเล่า ได้มาหรือไม่?” นางจะเอามาทำลาย หงหลินส่ายหน้า ดวงตาสองข้างแดงก่ำ ท่าทางเหมือนสาวน้อยถูกผู้อื่นรังแกมา “ท่านหมอหยุนบอกว่า ยาทุกหม้อจะให้สาวใช้นำมาส่งทุกเช้าเย็น พวกเราไม่ต้องนำมาต้มเอง บอกว่า...บอกว่า...เรื่องนี้คุณชายสามเป็นคนกำชับไว้ เพราะเกรงว่าหากพวกเรานำยามาต้มจะทำให้เสียคุณค่าทางยาไปได้ ยาทุกหม้อจึงต้องให้ท่านหมอหยุนกับบ่าวในโรงหมอเป็นคนจัดการ” ฟางจิ้งห้าว! คนไม่พอใจตะโกนลั่นอยู่ในอก หลังจากสงบใจลงแล้วถึงได้มองไปรอบๆ พลางยกมุมปากขึ้นสั่งการ “เสี่ยวถิง ภายในเรือนของเราดูแห้งแล้งไร้สีสันยิ่งนัก ให้คนไปยกอ่างบัวกับกระถางต้นไม้มาสักสองสามกระถางเถิด” เสี่ยวถิงย่นหัวคิ้วแล้วรีบหมุนกายออกไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนช่วงเช้าของวันนี้เรือนชั้นในของเรือนย่ำแดนเซียนจะวุ่นวายโกลาหลยิ่ง แน่นอนว่าได้ยินข่าวนี้แล้ว คนอดกลั้นมาระยะหนึ่งถึงกับแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง ทำเอาเหล่าผู้ติดตามที่แฝงตัวอยู่โดยรอบพากันผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดูท่าระยะนี้บริเวณทิศใต้ของจวนสกุลฟางคงสงบไปอีกหลายวัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD