คนเป็นพ่อยิ้มเยาะ แล้วตวัดสายตามองคู่หมั้นบุตรชาย “ดีที่แกยังไม่คิดอยากฆ่าพ่อแกให้ตายเพื่อสมบัติ”
“ผมไม่ใช่คนแบบนั้นครับพ่อ” เขาระบายลมหายใจ ความเครียดทวีหนักขึ้น “ผมแค่ไม่อยากทำในสิ่งที่พ่อต้องการเท่านั้น พ่อก็รู้ว่าผมไม่ชอบการถูกบังคับ”
นภาลักษณ์คันปากยิบๆ อยากจะเถียงใจแทบขาดแต่ติดว่าจะต้องมีปัญหากับธานุภาพทำให้ได้แต่นั่งเงียบ ยิ่งได้ยินคำปรามาสของธานุภาพแล้วทำให้หล่อนแทบอยากจะฆ่าชายแก่คนนี้ให้ตาย
“อยากตายนักเหรอไอแก่ เดี๋ยวฉันจะสงเคราะห์ให้ค่อยดูเถอะอย่าให้โอกาสฉันมาถึงแล้วกัน!!”นภาลักษณ์คิดในใจ
“ถ้าแกไม่อยากให้ฉันบังคับ ก็ทำตัวให้มันดีกว่านี้ พ่อบอกแกแล้วใช่ไหมมีเรื่องเดียวที่พ่อไม่ชอบ นั่นคือ... ผู้หญิงที่แกควงทุกคน ถ้าแกคิดจะให้เงินกับผู้หญิงแบบนี้ ฉันว่าแกเอาเงินบริจาคการกุศลยังดีกว่าเลย”
นภาลักษณ์กำมือแน่น กัดริมฝีปากจนห้อเลือด ด่าทอกระทบกระแทกหล่อนดีเหลือเกินนะ อย่าให้ถึงทีบ้างก็แล้วกัน
“เรื่องนี้ผมว่าเราคุยกันแล้ว ผมไม่ได้ให้เงินกับผู้หญิงที่ผมควงมากอย่างพี่พ่อเข้าใจหรอกนะครับ ผมให้เท่าที่พอให้ได้” เขาอธิบาย
ธานุภาพไม่อยากโต้เถียง ถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วสบตาลูก
“จบเรื่องนี้ แกอยากใช้เงินทำอะไรฉันจะไม่เข้าไปก้าวก่ายอีกแล้ว เรื่องที่ฉันต้องการให้หนูญาไปทำงานด้วยเป็นอันตกลง คงมีเรื่องคุยกับแกเท่านี้ พาผู้หญิงของแกออกไปซะเจ้าธานต์ ฉันไม่อยากเรียกพระมาทำพิธีไล่สิ่งอัปมงคลแล้วถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องพามาที่นี่อีก!”
“เอ๊ะ! คุณพ่อคะ มันไม่มากไปเหรอคะ ทำไมทำกับนภาแบบนี้ นภากับธานต์เรารักกัน แล้วตอนนี้เราก็หมั้นกันแล้วด้วย!” นภาลักษณ์ไม่พอใจก่อนจะลุกขึ้นยืนกอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี
“หึ” ธานุภาพทำเสียงขึ้นจมูก “หมั้นอย่างนั้นเหรอฉันไม่รับรู้ด้วยหรอกนะ เพราะฉันไม่ยอมรับเธอนภาลักษณ์!” ธานุภาพไม่อยากพูดอะไรที่ตนเองรู้มามากไปกว่านี้
“หนูญา พาพ่อไปหน่อยลูก...” หันมาบอกหญิงสาวน้ำเสียงอ่อนลง
ร่างบางเดินเข้ามาเข็นรถของธานุภาพออกไป ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล นภาลักษณ์มองผู้หญิงอีกคนด้วยความริษยา ทำไมถึงได้รับความเอ็นดูจากไอ้แก่นี่นักนะ กัดฟันแน่นหันมาทางคู่หมั้น
“นภาไม่ยอมนะคะธานต์ ยังไงธานต์ก็ต้องพูดกับพ่อคุณนะคะ แบบนี้นภาก็แย่นะสิคะ!” นภาลักษณ์โวยวาย
“คุณก็เห็นนภา ผมพูดอะไรได้ที่ไหนกัน เพราะแม่ตัวดีนั้นคนเดียวที่ทำให้พ่อผมเปลี่ยนไปแบบนี้ เห็นทีต้องจัดการขั้นเด็ดขาดแล้ว!” ขบกรามแน่นแววตากร้าวแข็ง
“คุณจะจัดการกับมันยังไงคะธานต์?” นภาลักษณ์ถามด้วยความสงสัย
“ผมมีไม้เด็ดแล้วกัน!” ชายหนุ่มตอบแล้วยิ้มอย่างผู้กำชัยชนะ
นภาลักษณ์เหลือบมองด้วยความลังเล จะปล่อยให้เขาจัดการกับศศิรญาดีหรือเปล่า ก็แม่นั้นสวยบาดตาขนาดนั้น แล้วผู้ชายอย่างเขาก็เจ้าชู้ไม่ใช่ย่อย แบบนี้หล่อนกลัวว่าจะส่งแมวไปหาปลาย่างล่ะสิไม่ว่า
ธานต์เมธาขับรถส่งคู่หมั้นที่คอนโดก่อนวกกลับมาที่บ้าน ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นานระหว่างขับรถกลับมา คงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดไม่เช่นนั้น หล่อนคงทำให้เดือนร้อนอยู่เรื่อย แล้วยิ่งตอนนี้บิดาเข้าข้างผู้หญิงคนนั้นยิ่งกว่าอะไรดี มีหวังคงได้ถูกจับแต่งงานกับหล่อนจริงๆ เป็นแน่ แต่อย่าหวัง! ว่าคนอย่างธานต์เมธาจะยอมให้มันเป็นไปตามความต้องการของบิดาง่ายๆ
“อยากแต่งกับฉันดีนัก! ฉันจะสนองเธอให้ถึงใจเลยศศิรญา!” ชายหนุ่มนึกเข่นเขี้ยวในใจ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นในยามราตรีกาลร่างบางค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง หลังจากพยายามข่มตาให้หลับไปอย่างยากเย็น หญิงสาวเหลือบไปดูนาฬิกา น่าแปลก... เวลาแบบนี้ ใครเป็นคนมาปลุกหล่อนกัน ลงจากเตียงยืนอยู่หน้าประตู มือกำลูกบิดประตูไว้ก่อนเปิดมันออก ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดลงทันที ดึงประตูคิดปิดแต่อีกฝ่ายกลับรั้งไว้ไม่ยินยอม
“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก ไม่ต้องกลัว” เขาเอ่ยกับเสียงเบา สีหน้าเป็นปกติ
รู้สึกแปลกใจที่เขาไม่ได้ก้าวร้าวหรือดูถูกหล่อนเหมือนทุกวัน แววตาไม่มีอะไรเคลือบแฝง
“แล้วคุณมาทำอะไรคะ?”
“สร้อยของเธอ ฉันคิดว่าฉันเจอมันแล้ว” เขาบอก
“จริงเหรอค่ะ!” หญิงสาวร้องออกมาสีหน้ายินดี
“อืม”
“แล้วอยู่ไหนล่ะคะ คุณเอามาด้วยหรือเปล่า?”
“ไม่ได้เอามาอยู่ที่ห้องฉัน อยากได้ก็ตามไปเอาเอง!” ธานต์เมธาเดินนำห่างออกไป
หญิงสาวลังเลไม่กล้าเดินตามเขาไป แต่สร้อยเส้นนั้นสำคัญกับหล่อนมาก เลยตัดสินใจตามไป สองร่างหยุดยืนหน้าห้องเขาเอื้อมเปิดประตูเดินนำเข้าไป
“เข้ามาสิ” ชายหนุ่มบอก
“ไม่ดีกว่าค่ะ ญาขอยืนรอหน้าห้องนะคะคุณช่วยไปหยิบมาให้หน่อยได้ไหม”
“ถ้าไม่เข้ามาก็ไม่ต้องเอา!” เขาบอกก่อนรั้งประตูมาปิด
คนตัวเล็กตกใจรีบแทรกกายเข้าไปในห้อง ด้วยเกรงว่าตนจะไม่ได้ของรักแสนสำคัญคืน พออยู่ด้านในศศริญากวาดสายตามองหาสร้อยทันที
“สร้อยอยู่ที่ไหนคะ?” หล่อนถาม เมื่อไม่เห็นวี่แวว
“นั้นไง!” ธานต์เมธาชี้ไปที่สร้อยสีเงินบนหัวเตียงของเขา
ศศิรญามองสร้อยแล้วยิ้มออกมาด้วยความดีใจ สร้อยเส้นนั้นมันเป็นสมบัติที่หล่อนกำลังตามหา เดินเข้าหาแล้วกอบกุมมันไว้ในมือด้วยความรักและหวงแหน
“คราวนี้เธอได้ระเห็จออกจากบ้านแน่!” เขาคิดในใจ
ชายหนุ่มเดินตรงมาใกล้ ในขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งหันหลังชิดหัวเตียงเพื่อสวมสร้อยคอของตนเองอย่างรีบร้อน โดยไม่ทันรู้ตัวเลยว่าอันตรายใกล้มาถึงตัวแล้ว ร่างสูงหย่อนก้นนั่งลงแล้วค่อยๆ เขยิบเข้าหา หญิงสาวเริ่มรู้สึกถึงความไหวยวบบนเตียง เหลียวมองเพียงสบตา จึงรู้ว่าระยะห่างระหว่างกันมันแทบไม่มี ตะเกียกตะกายหนีด้วยความตกใจ แต่ช้าไปเมื่อมือหนารวบเอวบางไว้ก่อนพาตัวเองหนีได้ทัน
“ว้าย!” หล่อนกรีดร้องดิ้นรน
ร่างบางถูกกดตรึง ใบหน้าหญิงสาวซีดเผือดลงด้วยความกลัว ร่างกายสั่นเทา คนใจร้ายยิ้มเยาะแล้วจ้องมอง
“คุณจะทำอะไร !” ถามเขาเสียงสั่นเครือ
“แล้วเธอคิดว่าฉันจะทำอะไรเล่า ไหนๆ เราก็จะต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ยังไงมันก็ต้องเกิด ถ้ามันจะเกิดก่อนแต่งจะเป็นไรไป” เขาตอบน้ำเสียงเนิบช้า แฝงไว้ด้วยความน่ากลัว
คนถูกกระทำอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ต้องทำร้ายกันขนาดนี้ด้วยเหรอ เราสองคนยังไม่ได้แต่งงานกันด้วยซ้ำ ทำไมต้องหลอกหล่อนให้มาที่นี่เพื่อหาทางแก้แค้นเอาคืนกันแบบนี้
“คุณทำร้ายฉันไม่ได้นะคะ!” หญิงสาวร้องบอก เสียงสั่น
“ทำไมจะทำไม่ได้! มีความสุขนักใช่ไหม ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ เธอพูดอะไรกับพ่อฉัน พ่อถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้!” สีหน้าดุดันขึ้น น้ำเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจ คนใต้ร่างหวาดผวา
คำต่อว่ามันไม่ใช่ความจริง หล่อนไม่เคยพูดเรื่องเขากับคุณท่าน ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน นิสัยใจคอเป็นเช่นไรก็ไม่เคยทราบ จะพูดใส่ร้ายกับคุณท่านได้ยังไง
“ฉันไม่เคยพูดอะไรกับคุณท่านเลยนะคะ”
“เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเธอหรือยังไง! เธอไม่เห็นหรือว่าพ่อทำยังไงกับฉันบ้าง เธอเป็นใครถึงได้กล้ามาทำให้พ่อลูกทะเลาะกันแบบนี้ เธอไม่มีจิตสำนึกบ้างหรือไง!”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณกับคุณท่านจะทะเลาะกัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย” หญิงสาวพยายามอธิบาย
“เธอนี่น่าแปลก ทำไมพ่อให้ฉันแต่งงานกับเธอเธอถึงไม่ปฏิเสธ ถ้าเธอมีความบริสุทธิ์ใจจริงทำไมไม่ปฏิเสธพ่อฉันไป!”
ริมฝีปากบางสั่นระริก หล่อนน้ำท่วมปากพูดไม่ออกและไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เขาเข้าใจได้ เพราะสิ่งที่หล่อนทำทุกอย่างมันทำเพื่อความสบายใจของยายเท่านั้นเอง แต่เขาคงจะยอมรับกับคำตอบแบบนี้ไม่ได้
“ฉันแค่...” หญิงสาวพูดไม่ออก
“ตอบมาสิ!”เขาเร่ง
“เพราะนี้เป็นความตั้งใจสุดท้ายที่ฉันจะทำให้กับผู้มีพระคุณค่ะ ยังไงคุณก็คงไม่เข้าใจกับสิ่งที่ฉันทำหรอก!” หญิงสาวกัดริมฝีปาก แล้วสูดหายใจเข้าปอด “แล้วอีกอย่าง ฉันถามคุณท่านแล้ว ถามย้ำเรื่องงานแต่ง แต่ท่านยังยืนยันเหมือนเดิม คุณจะให้ฉันทำยังไง”
“ปฏิเสธสิ ยืนกรานไป ทำไม่ได้หรือไง” ชายหนุ่มเริ่มเดือด มันไม่เข้าท่าสักนิดกับคำตอบแบบนี้ “เธอเองก็ไม่ชอบฉันอยู่แล้ว พ่อคงไม่บังคับให้แต่งงานกับฉันแน่ถ้าเธอไม่ยินยอม”