บทที่ 10 บุคคลอันตราย

1425 Words
ธานต์เมธากลับมาจากบริษัทพร้อมกับนภาลักษณ์ คู่หมั้นสาวที่เดินเฉิดฉายเข้ามาทำท่าราวกับนางพญาก็ไม่ปาน ก่อนหายเข้าไปในห้องนอนของเจ้านายอีกคนในบ้าน สาวใช้จ้องมองแล้วเบ้ปากกันยกใหญ่ “น่าเกลียดจริง! จริ๊ง! ผู้หญิงอะไร มาบ้านผู้ชายแทนที่จะไปไหว้พ่อไหว้แม่เขา กลับเข้าห้องหายกันไปนานสองนาน” น้าสอางค์เอยออกมาอย่างเหลืออด “เออ ฉันก็ว่ายังงั้นแหละนังอางค์ ผู้หญิงอะไรไร้ยางอายไม่มีสามัญสำนึกเอาเสียเลย!” สาวใช้อีกคนเห็นด้วย “ทั้งป้า ทั้งนังอางค์ พอเถอะ อย่าไปนินทาเจ้านายมันน่าเกลียด!” น้าสำรวยพูดแทรกขึ้นมาบ้าง “ฉันไม่ได้นินทาเจ้านายนะพี่สำรวย ฉันนินทายัยยางมะตอยนั้นต่างหาก!” “เออใช้! นังอางค์มันพูดถูกไอ้รวย พวกข้าไม่ได้นินทาเจ้านายนะโว้ย ยัยยางมะตอยนั้นไม่ใช่เจ้านายพวกข้า!” “มันก็จริง แล้วทำไมไปเรียกคุณนภาลักษณ์ ว่ายางมะตอยกันเนี่ยน่าเกลียดจริงๆ เลยพวกป้านี้!” “เอ้า! ก็หน้าไง! หน้าหนาเหมือนยางมะตอยเลยวะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะอย่างคึกครื้นในครัวทำให้ศศิรญาอยากเดินมารวมวงด้วย “หัวเราะอะไรกันคะ บอกญาได้ไหม” ศศิรญาเดินยิ้มหวานเข้ามาในครัว “แล้วคนนี้ล่ะป้า ให้ฉายาว่าอะไร?”สำรวยแซว “คนนี้นางฟ้า ของฉันหยะ!!” สอางค์สอดขึ้นมา “เฮ้ย! สำหรับป้าก็นางฟ้าวะ ข้าจะบอกพวกเอ็งไว้เลยนะไอ้รวย นังอางค์ คนอย่างหนูญานะ ใครไม่ชอบก็บ้าแล้ว!” “มีคนไม่ชอบป้า!” สำรวยย้อน “ใครวะ?” “ก็คุณธานต์ไง!” สำรวยกระซิบกระซาบ บรรดาบ่าวไพร่ในบ้าน กำลังมองมา คนถูกมองขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “มีอะไรกันหรือเปล่าคะ มองหน้าญาแปลกๆ?” “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่มองว่าคุณญาสวย...” สอางค์รีบแก้ เพราะไม่อยากให้เจ้านายคนใหม่มารับรู้เรื่องนี้ “น้าสอางค์ ล้อเล่นกับญาอยู่ได้ พอดีญาว่างๆ จะมาช่วยทำกับข้าวค่ะ มาค่ะมีอะไรให้ญาช่วยไหม” ศศิรญารีบเดินเข้าไปช่วยหยิบจับอุปกรณ์ในครัว ตอนนี้หล่อนไม่มีใคร อย่างน้อยก็มีคุณท่านและบรรดา ป้าๆ น้าๆ ที่เอ็นดู คอยให้กำลังใจเป็นอย่างดี กับข้าวจากในครัวถูกลำเลียงสู่โต๊ะอาหาร ธานต์เมธาและนภาลักษณ์เดินลงมาจากห้องแล้วนั่งลงประจำที่ ศศิรญามองเห็นคู่หมั้นเขา เลยหยุดเท้าเดินกลับเข้าครัว ไม่มีใครถามว่าเป็นอะไรเพราะต่างรู้ดีขึ้น ธานุภาพออกมาจากห้องนอนของตนเอง เลื่อนรถเข็นไปบริเวณโต๊ะอาหาร เขามองบุตรชายและผู้หญิงอีกคน แววตาเยือกเย็น “สอางค์” ธานุภาพเรียกสาวใช้ “ค่ะคุณท่าน” “หนูญาล่ะไปไหน ไปตามมาทานข้าวด้วยกันสิ” “ค่ะ” สอางค์รับคำ แล้วเดินเข้าครัวเพื่อตามหา สอางค์ก้าวมาหา กุมมือบีบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ ตอนนี้หล่อนรู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังออกศึกก็ไม่ปาน รู้ตัวว่าคราวนี้ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว หญิงสาวค่อยๆ เดินออกมาจากห้องครัวไปที่โต๊ะอาหาร “หนูญามานั่งสิลูก.....” เสียงทักของธานุภาพทำให้ทั้งสองหันไปมองทันที ทันทีที่ได้เห็นหน้าของศศิรญาความริษยามันก็พุดขึ้นมา ในความคิดของนภาลักษณ์แล้ว ผู้หญิงที่บิดาของธานต์เมธาเลือก น่าจะเป็นหญิงสาวหน้าตาจืดชืด เนื้อตัวดำคล้ำหรือสกปรกมอมแมม แต่ทุกอย่างตรงกันข้าม ผู้หญิงคนนี้สวยหวานหน้าตาคมคายไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเด็กบ้านนอกไร้การศึกษาอย่างที่ธานต์เมธาพูด ร่างบางค่อยๆ เดินไปนั่งเคียงข้างธานุภาพ ดวงตาเรียวหลุบมองต่ำเพราะไม่กล้าสบตากับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จำต้องทานข้าวอย่างฝืดคอ ทั้งๆ ที่ธานุภาพดูจะชอบอาหารที่หล่อนทำ รวมถึงชายหนุ่มตรงหน้าที่ดูเจริญอาหารมากเลยทีเดียว ไม่นานนักมื้ออาหารแสนอึดอัดก็จบลง คนเป็นพ่อเหลือบมองลูก แล้วหันไปยิ้มให้ว่าที่สะใภ้ “หนูญา... แล้วแกด้วยเจ้าธานต์ตามฉันไปที่ห้องรับแขก” ธานุภาพสั่งก่อนเลื่อนรถเข็นออกไป ศศิรญาเดินตามคุณท่าน รวมถึงชายหนุ่มด้วยแต่ สำหรับนภาลักษณ์แล้วหล่อนเกาะแขนเขาไม่ปล่อย เรื่องอะไรที่ธานุภาพคุยวันนี้หล่อนต้องรับรู้ด้วยให้ได้ “นั่งลงสิ” ธานุภาพเอ่ยเมื่อเห็นว่าทั้งสองเข้ามาในห้องพร้อมกันแล้ว ธานุภาพมองเลยไปยังนภาลักษณ์ที่ถือสิทธิ์ตามมาด้วย เจ้าหล่อนนั่งลงบนโซฟาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่คนอย่างเขาก็ไม่ได้ใส่ใจผู้หญิงคนนี้สักเท่าใดนัก “แกอยากพาผู้หญิงของแกมาด้วยฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ขอบอกไว้ก่อนก็แล้วกันว่าอย่าได้พูดอะไรออกมาจากปากให้ฉันรำคาญก็แล้วกัน!” เขาเตือนบุตรชาย แววตาแข็งขึ้น นภาลักษณ์เม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ เชิดหน้าขึ้นราวกับต้องการท้าทายอีกฝ่าย “เอาล่ะฉันจะเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ฉันจะให้หนูญาไปทำงานเป็นเลขาของแก” “อะไรนะพ่อ!” ธานต์เมธาเอยออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจไม่ต่างจากสีหน้าของนภาลักษณ์ “ทำไม หรือว่าไม่ได้?” “ไม่มีทางพ่อ! เรียนจบมาแค่ไหนก็ไม่รู้ บริษัทเราไม่ใช้ที่เด็กจบ ปอหก จะมาทำงานได้นะพ่อ แล้วแม่คนดีของพ่อ เรียนจบมาแค่ไหนกันเชียว!!” หันหน้ามองแล้วเหยียดยิ้ม ศศริญารู้สึกไม่พอใจกับท่าทางของเขาเช่นนี้จริงๆ “หนูญา จบ ปวส. มา ทำไมจะทำงานในบริษัทเราไม่ได้!” จบแค่นี้จะไปทำอะไรได้ ขนาดปริญญาโทเขายังไม่อยากรับเลย ถ้าเกรดไม่ดี นี่แค่ ปวส. จะให้มาทำงานเป็นเลขาเขาตลกสิ้นดี “ไม่ครับพ่อ ยังไงผมก็ไม่ยอมเด็ดขาด!” ชายหนุ่มยืนยันหนักแน่น “ฉันเรียกแกมาพูดวันนี้ ไม่ได้ต้องการถามความเห็นของแกว่าได้หรือไม่? แต่ฉันต้องการสั่งให้แกทำเท่านั้น เพราะเวลานี้ฉันเป็นเจ้าของบริษัทอยู่ ถ้าแกไม่อยากทำตามที่ฉันสั่งแกก็รอให้ฉันตายไปก่อนแล้วกัน!” ประชดบุตรชายน้ำเสียงแข็งกร้าว “พ่อ! นี่มันเรื่องงานนะครับ ทำไมต้องเอาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พ่อกล้าเอาบริษัทมาเดินพันหรือไง!” ลมหายใจหนักระบายออกมา หันมองตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาเดือดร้อนแล้วนึกหมั่นไส้ “หนูญาปเป็นเลขาแกนะเจ้าธานต์ แกคิดว่าเขาจะไปเป็นประธานบริษัทหรือไงฮะ! ถึงพูดออกมาราวว่าเขาจะทำให้บริษัทเราเจ๊งอย่างนั้นแหละ!” ชายกลางคนย้อนเสียงเครียด ศศิรญานั่งก้มหน้าฟังการโต้เถียงของทั้งสองฝ่ายด้วยความรู้สึกไม่สบายใจสักเท่าใดหล่อนไม่อยากถูกเกลียดไปมากกว่านี้ ยิ่งเขาเพิ่มระดับความรู้สึกเกลียด โกรธ ต่อหล่อนมากเท่าไหร่ เมื่อถึงเวลานั้นเขาต้องเรียกร้องให้ชดใช้แน่นอน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หญิงสาวรู้สึกกลัวที่สุด “โถ่พ่อ! พ่อจะเข้าข้างผู้หญิงคนนี้ไปถึงไหน ผมเป็นลูกของพ่อนะ ไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้! ทำไมพ่อต้องบังคับผมแบบนี้ด้วยเล่า!” คนถูกบังคับเริ่มหัวเสีย “แกรู้ไว้เลยนะเจ้าธานต์ ฉันไม่ต้องการให้แกได้ผู้หญิงที่ดีแต่เปลือก ฉันเป็นพ่อแกนะ! อะไรดีไม่ดีทำไมคนอย่างฉันจะไม่รู้ ฉันมีลูกคนเดียว และฉันจะไม่ยอมให้หน้าไหนมาปลอกลอกแกเป็นอันขาด เพราะฉะนั้นถ้าแกยังเห็นฉันเป็นพ่อของแกอยู่จงทำตามคำสั่งของฉันไม่อย่างนั้น แกก็ฆ่าฉันให้ตายซะจะได้สมใจแกไง!” ความรู้สึกคนเป็นพ่อ ลูกไม่มีทางเข้าใจ เห็นอยู่ตรงหน้าว่าผู้หญิงที่ลูกชายควงไม่ดี แต่ทว่าตนเองกลับทำอะไรไม่ได้ ปล่อยให้ปลอกลอกไปวันๆ อะไรก็ดี ทำไมถึงโง่เรื่องผู้หญิงนัก เขาไม่เข้าใจเลย “พ่อ!”ธานต์เมธาเรียกบิดาของตนเองด้วยเสียงอันดัง ยกมือกุมขมับตัวเองด้วยความหงุดหงิดใจ “พ่ออย่าพูดแบบนี้ได้ไหม ผมไม่ได้สารเลวขนาดนั้น!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD