คนฟังเม้มปาก น้ำตาคลอ ทุกอย่างทำไมถึงตกที่เธอทั้งหมด การที่คุณธานุภาพต้องการให้เขาแต่งงาน ก็เพราะตนเองไปมีผู้หญิงมากมาย เที่ยวใช้เงินปรนเปรอจนคนเป็นพ่อต้องเป็นห่วง ทั้งหมดทั้งมวลมันเกิดจากการกระทำของเขาทั้งนั้น แล้วมาโทษเธอได้ยังไง ที่สำคัญตอนนี้เรายังไม่ได้แต่งงานกันเสียหน่อย แต่เขากลับตีโพยตีพายหาทางทำร้ายเธออยู่ได้
“คุณไม่ต้องกลัวหรอก ฉันหาทางปฏิเสธแน่ คุณท่านไม่ได้เร่งรัด ในเมื่อท่านไม่ได้พูดเรื่องแต่งงาน ฉันก็ไม่คิดถามท่านว่าจะให้แต่งหรือไม่หรอกนะคะ” หญิงสาวกัดริมฝีปาก “แต่ทำไมคุณต้องทำร้ายฉันด้วย เราสองคนยังไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย บางทีคุณท่านอาจทำเพื่อให้คุณกลับมาบ้านบ้าง พอคุณมาหาท่านบ่อยๆ ท่านก็คงลืมไปเอง”
ชายหนุ่มกัดฟัน “ฉันรู้จักนิสัยพ่อดี ถ้าไม่ทำพ่อไม่พูดออกมาหรอก”
อะไรก็ไม่ได้ ไม่เชื่อสักอย่าง ให้หาเหตุผลร้อยแปดมาอธิบายก็คงไม่มีประโยชน์
“ถ้าเช่นนั้น ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดหรอกค่ะ ฉันทำเท่าที่ทำได้แล้ว” ดวงตาเรียวสวยกรอกไปมา ก่อนเอ่ยปาก “ฉันอยากให้คุณท่านยกเลิกงานแต่ง ฉันไม่เคยต้องการแต่งงานกับคุณ ยิ่งพอรู้จักนิสัยใจคอ ฉันยิ่งไม่เคยคิดอยากแต่ง แต่ถ้าหากคุณท่านขอร้องฉันก็จะทำ คนอย่างฉันใครมีบุญคุณต้องทดแทน ต่อให้มันสร้างความทรมานให้มากแค่ไหนก็ตาม” ไม่ใช่แค่ยายอิ่ม แต่กับคุณธานุภาพท่านดีกับหล่อน อยากให้ท่านสบายใจ
ธานต์เมธาขบกรามแน่น ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะไม่ยอมให้ความร่วมมือเลย
“ผู้หญิงอย่างเธอมันหาผู้ชายไม่ได้อีกแล้วหรือไง! ถึงได้จ้องมาจับฉัน เธอก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าฉันมีคู่หมั้นแล้ว มีคนที่ฉันรักแล้ว เธอยังกล้าจะแต่งงานกับคนที่มีคู่หมั้นแล้วอยู่อีกอย่างนั้นเหรอ!”
ต่อให้พูดอะไรออกไปก็คงไม่ฟัง หล่อนไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับเขา เพียงแต่เชื่อว่าการแต่งงานจะทำให้ยายที่จากไปมีความสุข ทว่าเวลานี้หล่อนอาจคิดผิด เพราะเขาร้ายกาจ หยาบคาย แถมยังหลอกล่อเธออย่างเลือดเย็น เขาไม่ได้รู้อะไรเลย ยังมีหน้ามาว่าว่าเหตุผลของหล่อนมันฟังไม่ขึ้นเสียอีก ชายผู้นี้ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกใคร เอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่เท่านั้น ยิ่งคิดกยิ่งรู้สึกโมโห เขาไม่มีค่าพอมาต่อว่าหล่อนให้เสียหาย ตวัดสายตามองสีหน้าไม่พอใจ
“ฉันไม่เคยคิดอยากจะแต่งงานกับคุณ ต่อให้มีคุณคนเดียวที่เป็นผู้ชายบนโลกนี้ก็ตาม แต่เพราะมันเป็นความต้องการของคุณท่าน ฉันจึงไม่อาจปฏิเสธได้ ในเมื่อคุณคิดว่าฉันเป็นคนเช่นนั้นก็ตามใจ เพราะคนอย่างคุณมันก็แค่ผู้ชายหลงตัวเองคนหนึ่ง!”เผลอพลั้งปากออกไปด้วยความโกรธ
กรามถูกขบแน่นมองดูคนใต้ร่างดวงตาวาว ปากดีนัก! ผู้หญิงคนนี้ ในเมื่อกล้าต่อปากต่อคำ ก็อย่าหวังว่าเขาจะปราณี เห็นทีต้องจัดการขั้นเด็ดขาดให้อยู่บ้านหลังนี้ต่อไปไม่ได้
“เธอไม่เข็ดเลยใช่ไหม! หรือว่าเธอชอบมัน เธอถึงได้พูดจายั่วให้ฉันโมโหแบบนี้ ผู้หญิงอย่างเธอช่างไร้ยางอายน่าสมเพชจริงๆ” น้ำเสียงเยาะเย้ยเหยียดหยาม สีหน้าแววตาบ่งบอกถึงการดูถูกดูแคลน
เพียะ!
ฟาดลงบนใบหน้าจนผิวแก้มแดงเป็นรอยมือ ธานต์เมธาหน้าชาความอดทนของเขาขาดผึง ชุดนอนตัวสวยถูกกระชากออกมาจากเรือนร่าง
“กรี๊ด!” หล่อนกรีดร้องยกมือขึ้นปิดเรือนร่างตนเอง
เรือนร่างสมส่วนผิวขาวเนียนละเอียดเผยต่อสายตา เขาชะงักขบกรามแน่น พยายามระงับอารมณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ เมินหน้าหนีสูดหายใจเข้าปอด แล้วหันกลับมาจ้องมองใบหน้าของคนปากดี ซึ่งกำลังซีดเผือด น้ำตาไหลรินออกมา
“ลองปากดีกับฉันอีกสิ คราวนี้ฉันจะไม่ให้มีอะไรติดตัวเธอเลยคอยดู!” เขาขู่
“คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชายคุณธานต์เมธา! คุณมันดีแต่รังแกผู้หญิง หน้าไม่อาย คุณใช้วิธีหยาบช้ามาทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง!” บริภาษเขาพลางดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือ
คำพูด ไม่ได้ทำให้อารมณ์ครุกรุ่นเย็นลงได้ มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเดือดมากขึ้น ดวงตาเรียวคมจ้องมองหญิงสาว
“ปากดีอีกแล้วนะ บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าปากดีอีก ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นแบบนี้!” มือดึงทึ้ง กระชาก บราเซียจนขาด มันเสียดสีกับผิวเนื้อจนเกิดรอยแดง
“กรี๊ด! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย!” แม้จะกรีดร้องดิ้นรนพยายามตะโกนลั่นเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครมาช่วยได้เลย
ร่างบางดิ้นรนน้ำตานอง หล่อนกำลังกลัว ผู้ชายคนนี้ทำอะไรก็ได้ตามต้องการโดยไม่สนใจเลยว่าใครจะเป็นยังไง จากการกระทำของเขา ทรวงอกอวบที่กำลังเผยต่อสายตาทำเอาเลือดในเดือด ความร้อนกำลังเพิ่ม มันเกิดจากความโกรธหรือความต้องการกันแน่เขาเริ่มรู้สึกไม่เข้าใจ
“จะปากดีอีกไหม ยังมีอีกชิ้นนะศศิรญาที่ฉันไม่ได้ถอด!”
ริมฝีปากถูกกัดจนเป็นห่อเลือด น้ำตาของหล่อนกำลังไหลออกมาไม่ขาด ทำไมต้องร้ายกาจกับหล่อนด้วย ทำไมต้องทำลายศักดิ์ศรี เขาน่าจะนึกถึงจิตใจหล่อนบ้าง หล่อนเป็นคนมีความรู้สึก แต่สิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี่มันช่างหยาบช้านัก หล่อนไม่ได้ทำอะไรผิด แต่กลับถูกกระทำราวกับตนเองเป็นคนร้าย
“ฉันเกลียดคุณ! ไอ้คนเลว!” ตัดใจตะโกนออกมา
“ยังไม่เลิกใช่ไหม! เธอวอนหาเรื่องเองนะ!” ชายหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ
จับชิ้นส่วนสุดท้ายส่งสายตาเย้ยหยัน หล่อนอ้าปากค้างจับมือเขาไว้ไม่ให้เทำตามต้องการ แต่เรี่ยวแรงน้อยกว่า
แควก!
มันถูกกระชากออก ครูดผิวเนื้อ
“ไม่!” คนถูกกระทำกรีดร้อง น้ำตาไหลอาบแก้ม
เรือนร่างเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้า ธานต์เมธาหายใจหนัก ขบกรามข่มกลั้นอารมณ์ปรารถนา เขาต้องทำตามแผนอย่าได้หลงรูปกายเป็นอันขาด
“ปล่อยฉัน...ได้โปรด... อย่าทำแบบนี้เลย....” หญิงสาวพยายามอ้อนวอน
“เธอเห็นหรือยัง! ว่าคนอย่างเธอไม่มีอะไรจะสู้ฉันได้ อย่าได้ปากดีกับฉันอีก!”
หญิงสาวนิ่งเงียบหล่อนพูดอะไรไม่ออก อับอายเกินกว่าจะพูดอะไรออกไป เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องเจอกับความอับอายขนาดนี้ เรือนร่างไม่เคยให้ใครได้เห็น ทำไมต้องเป็นชายใจดำคนนี้ที่เห็นมันด้วย
“ถ้าความโชคดีของหล่อนคือการได้เจอธานุภาพ แล้วทำไมต้องมอบความโชคร้ายให้กับหล่อนโดยการเจอกับธานต์เมธาด้วย!” หญิงสาวคิดในใจอย่างเจ็บปวด
ศศิรญานิ่งหลับตาลงเวลานี้หากเขาต้องการทำอะไรก็ทำเถอะ อยากให้หล่อนอับอายมากกว่านี้ก็เชิญเลย ไม่ได้หวังอะไรอีกแล้ว คงแค้นมากเกลียดมากถึงทำลายศักดิ์ศรีหล่อนไม่มีชิ้นดี
“ไปบอกพ่อฉันซะว่าเธอจะไปจากที่นี่ แล้วก็ยกเลิกการแต่งงานบ้าๆนี้ซะ!” ธานต์เมธาสั่งเสียงกร้าว
เสียงเงียบทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสงสัย จ้องมองแต่ต้องชะงัก เมื่อเรือนร่างเปลือยเปล่าน่าหลงใหลมันทำให้ใจกระตุกขึ้นมา สังเกตสีหน้าแววตา ไม่เห็นอีกฝ่ายจะลืมตาขึ้นมา ใช้มือตบแก้มแผ่วเบา
“นี่เธอ!” เขาพยายามปลุก “ศศิรญา!”
แต่กลับไม่มีการตอบสนองใดๆ ธานต์เมธาฉุนกึกหล่อนกล้าดียังไงมาหลับเอาตอนนี้เนี่ย
“บ้าเอ้ย! มาหลับอะไรตอนนี้วะเนี่ย!” สบถออกมาด้วยความหงุดหงิด
เรือนร่างเย้ายวนยังคงทำให้กายเขาร้อนรุ่มไม่หาย ธานต์เมธาจ้องมองไปยังวงหน้าที่อาบด้วยน้ำตา ริมฝีปากบางที่กำลังเผยอขึ้นเล็กน้อยราวกับเชิญชวน ทรวงอกอวบอิ่มน่ามอง หรือแม้กระทั่งส่วนสำคัญที่เย้ายวนให้อยากเชยชม ใบหน้าก้มลงจุมพิตริมฝีปากจูบซับน้ำตา เมื่อดื่มดำจึงถอนริมฝีปาก เกลี่ยเส้นผมที่ปกปิดใบหน้าไว้ที่ข้างแก้ม สำนึกกลับมาธานต์เมธาชะงักกระชากผ้าห่มมาคลุมร่างหญิงสาวไว้
“เฮ้ย! คิดอะไรวะเนี่ย” บอกตนเองด้วยความหงุดหงิด