พริ้มเพราคิดตามที่เขาพูด ฉับพลันภาพของพัชญะกับผู้หญิงของเขาก็โผล่เข้ามาในหัว ความเจ็บที่คิดว่าจางหาย จู่ๆ ก็ผุดพรายขึ้นมาให้รู้สึก มิเพียงเท่านั้น ภาพของผู้ชายอีกคนก็แทรกเข้ามาด้วย มาร์คินเป็นใครกันล่ะ มีสิทธ์อะไรเข้ามาวุ่นวายในใจของเธอ
“คุณอยากไปต่อกับฉันจริงเหรอ”
“อือฮึ”
“งั้นไปเถอะ”
“ไปไหนดีล่ะคนสวย”
“ไปไหนก็ได้...ที่มีเตียง”
พริ้มเพราพูดออกไปแม้ใจประหม่า ไม่มีอะไรจะเสียแล้วล่ะ สนุกกับมันสักนิด เบื่อเมื่อไหร่ค่อยเลิก เธอโตแล้ว บรรลุนิติภาวะ และที่สำคัญ เธอโสด!
“พูดจริงเหรอ ทำไมถึงเลือกผมล่ะ” ย้อนถามด้วยไม่คิดว่าบุญจะหล่นทับขนาดนี้
“เพราะคุณหล่อ แค่นี้พอไหม”
“พอครับ เกินพอเลย หึๆ”
หนุ่มนิรนามในชุดแจ็กเกตหนังสีดำควงแขนพริ้มเพราออกไปจากหน้าบาร์
กมลศักดิ์กับกุ้งนางรีบตามไปติดๆ ส่วนมาร์คิน..เพิ่งมาถึง
บอสหนุ่มแลหาเลขาสาว พอเจอก็พยายามเดินแหวกผู้คนออกมาให้ทัน หล่อนออกไปกับใครก็ไม่รู้ เพื่อนของหล่อนหรือ แล้วหล่อนเมาหรือเปล่า มีสติหรือไม่ ให้ตายเถอะ! เขาไม่รู้อะไรเลย
“พริ้ม! พริ้มเพรา! พริ้ม!?” เสียงร้องเรียกแม้ดังแค่ไหนก็ยังเบากว่าเสียงดนตรี มาร์คินแทบเป็นบ้าแล้ว เขาฝ่าดงผู้คนออกมาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อตามพริ้มเพราให้ทัน เพื่อตามผู้หญิงบ้าคนนั้นให้ทัน!
นับว่าเป็นครั้งแรกที่พริ้มเพราทำเรื่องบ้าๆ ทั้งที่สติสัมปชัญญะครบถ้วน แต่นั่นไม่ทำให้เธอตื่นเต้นเท่ากับสิ่งที่รออยู่ ระหว่างที่อยู่บนรถคันหรูของชายในแจ็กเกตหนัง เขาขับรถด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างวางแหมะอยู่บนต้นขาของเธอ ถ้าเธอขัดขืนหรือปัดมือออก เขาจะหาว่าเล่นตัวไหม เธอไม่ได้จะไม่ไปนะ เธอยังไป แต่เอามือออกก่อนได้ไหม
“ขับมือเดียวอันตรายนะ เมาแล้วด้วย”
“ผมไม่เมา ผมชอบขาคุณจัง มันลื่นดี”
พริ้มเพราขนลุกซู่ นับหนึ่งถึงสิบแล้วยิ้มหวาน ถ้ามัวแต่ปอดแหกเธอคงไม่มีทางหลุดพ้น แล้วเธอก็จะกลายเป็นชะนีแก่ๆ ที่ชาตินี้เคยเสียตัวแค่ครั้งสองครั้ง น่าสมเพชที่สุด!
“แวะที่ไหนดีคะ” ถามเพราะอยากให้เสร็จเรื่องไวๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว จบเร็วจบไวจะได้กลับบ้านนอน
“คุณรีบเหรอ”
เธอยักไหล่แทนคำตอบ “คุณชื่ออะไร”
“คชา”
“ว้าว...ชื่อหล่อเชียว”
“แล้วหล่อไหมล่ะ หึๆๆ” เขาเย้า
พริ้มเพราอดหัวเราะไม่ได้ มุกฝืดๆ ของเขาช่วยลดความประหม่าได้หน่อยหนึ่ง
“แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”
“เรียกฉันว่าพริ้...พริ้งค่ะ ฉันชื่อพริ้ง”
สารถีมุ่นคิ้วนิดๆ ชื่อนั้นฟังดูไม่เข้ากับหล่อนสักเท่าไหร่
“ชื่อฉันเพราะละสิ”
“ก็...เอ่อ...ก็ดีครับ งั้นผม...แวะข้างหน้านะ”
พริ้มเพราพยักหน้า แลเห็นป้ายไฟบอกทางวูบวาบแล้วตาแทบถลน บันเทิงล่ะอีพริ้ม! เกิดมาเพิ่งเคยเข้าม่านรูด!
รถของหนุ่มนิรนามเลี้ยวเข้าม่านรูดได้ไม่ทันไร รถของกุ้งนางกับกมลศักดิ์ก็แล่นเข้ามาจอดริมฟุตบาทข้างหน้า
“เอาไงดีแก ตามไม่ตาม” กุ้งนางถามก่อน อีกฝ่ายทำท่านึก
“ฉันโทรเข้าไปดีไหมวะ ถามมันว่าโอเคหรือเปล่า ถ้ามันโอเค เราค่อยกลับ”
“เออๆ โทรเลย โทรๆๆ”
ในขณะที่กมลศักดิ์กำลังต่อสายหาพริ้มเพรา เจ้าตัวก็กำลังกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ ตรงหน้าคือประตูห้องในโรงแรมม่านรูด บรรยากาศน่าขนลุกสุดๆ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคนสวย อย่าบอกนะว่าเพิ่งเคยมา”
“ฮะ!? บ้าน่ะสิ กะอีแค่ม่านรูด ฉันมาจนพรุนแล้ว ฮ่าๆๆ” หัวเราะกลบเกลื่อนแล้วก้าวลงจากรถ สองขาสั่นพั่บๆ แต่พยายามฝืนสุดชีวิต คชาตามลงมา เขาเข้ามาโอบเอว และจ้องตานิ่งๆ ราวกับว่าตัวเองคือเปลวไฟในขณะที่เธอเป็นเทียนที่พร้อมจะถูกเผา
“เรามาสนุกด้วยกันเถอะคนสวย”
พริ้มเพราเดินตามเขาเข้าไปอย่างว่าง่าย โทรศัพท์ที่สั่นครืดๆ ในกระเป๋าทำให้เธอต้องล้วงมันออกมา เพื่อนรักต่อสายมาหา เธอทำได้แค่ตัดสายทิ้ง
เพื่อนอยู่กับผู้ชาย พวกนางจะโทรมาเพื่อ!?
ภายในรถคันที่จอดอยู่
“อีพริ้ม! อีเลว! รับโทรศัพท์บ้างสิวะ เผื่อโดนฆ่าปาดคอฉันจะได้เรียกกู้ภัยทัน”
“อีกิ๊บ! นั่นปากเหรอ อย่าพูดเป็นลางสิ”
“เออๆ ฉันขอโทษ ดูนังพริ้มสิ ได้ผู้ชายแล้วลืมเพื่อน เอาไงดียะ” กมลศักดิ์ถามรัวๆ กุ้งนางไม่รู้จะทำไงดีเหมือนกัน
ไม่ใช่แค่กุ้งนางกับกมลศักดิ์ที่กำลังกังวลเรื่องพริ้มเพรา แต่กับอีกคนที่จอดรถอยู่ห่างออกไปก็เป็นห่วงพริ้มเพราไม่แพ้กัน มาร์คินพยายามต่อสายหาหล่อน แต่หล่อนไม่รับสายเลย