เปรมวดีเงยหน้าขึ้นจากเอกสารในมือก่อนจะลุกขึ้นบิดตัวไปมาแก้เมื่อย หลังจากที่นั่งอ่านเอกสารเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจโฮมสเตย์อยู่หลายชั่วโมง เธอเคยคิดว่าตัวเองบ้าพลัง ทำงานไม่มีวันหยุดอยู่ แล้วนี่แม่ของเธอยังมีพลังงานเหลือใช้มากกว่าเธอด้วยซ้ำ
“เมื่อยก็ให้เด็กในร้านนวดให้ซิคะหนูแป๋ม” เสียงพี่น้อยทักเมื่อเห็นเปรมวดีบีบนวดต้นคอตัวเอง หญิงสาววัยสามสิบต้นๆ วางขนมไทยซึ่งเป็นของว่างพร้อมน้ำมะตูมหอมกรุ่นให้หญิงสาว
“มันไม่เมื่อยขนาดนั้นหรอกค่ะ” เปรมวดียิ้มทะเล้นแล้วรับน้ำมะตูมขึ้นจิบ “ได้น้ำมะตูมฝีมือพี่น้อยก็หายเหนื่อยแล้ว”
“ช่างพูดจริงนะ” พี่น้อยหัวเราะอารมณ์ดีไปด้วย แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ญาติแท้ๆ กับเปรมวดีแต่ก็อดเอ็นดูหญิงสาวเหมือนน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองไม่ได้
“งานเยอะเหรอคะ”
“งานใหม่ของคุณแม่” เปรมวดีหยิบขนมชั้นเข้าปาก “แม่อยากทำโฮมสเตย์”
“โฮมสเตย์? ที่ไหนเหรอคะ”
“จะที่ไหนก็บ้านแม่ที่สมุทรสงครามไงคะ”
“อ้าว!ก็เราทำแล้วไม่ใช่เหรอ” พี่น้อยทำหน้างง “จะทำเพิ่มหรือคะ”
“ก็ทำนองนั้น” เปรมวดีพยักหน้ารับ ตั้งแต่โอนงานสปาแห่งนี้ให้เธอดูแลเต็มตัวแม่ก็ไปมุ่งทำเรื่องโฮมสเตย์ซึ่งดัดแปลงบ้านของตนเองได้ห้องพักสามหลังน้อยๆ
“แต่แม่เค้าอยากชวนคนในหมู่บ้านมาทำเป็นเรื่องเป็นราวนะคะ อีกสองวันจะมีอบรมผู้ประกอบการธุรกิจโฮมสเตย์ แม่ก็เลยอยากให้แป๋มไปอบรมเอาความรู้มาจัดการโฮมสเตย์ที่หมู่บ้านให้เป็นระบบมากกว่านี้”
“คุณอาขยันจริงๆ นะคะ” พี่น้อยชื่นชมอย่างจริงใจ “คงไม่อยากเห็นหนุ่มสาวละทิ้งหมู่บ้านมุ่งหน้าสู่เมืองก็เลยหางานให้คนที่นั่นทำ”
“ก็ทำนองนั้นแหละคะ” เปรมวดียิ้มภูมิใจกับแม่ตัวเอง “น่าจะได้รับรางวัลสตรีดีเด่นเน๊าะ”
“นั้นซิคะ” พี่น้อยหัวเราะคิกคัก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เชิญค่ะ” เปรมวดีร้องบอกเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องทำงาน หญิงสาววัยไล่เลี่ยกับเธอสวมชุดไทยซึ่งเป็นชุดฟอร์มพนักงานในร้านรุ้งงามสปาก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
“มีแขกมาหาคุณแป๋มค่ะ”
“แขก? วันนี้แป๋มไม่ได้นัดใครนี่” เปรมวดีทำหน้างงแต่ก็ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องรับรองลูกค้า
“แขกจริงคะ หล่อมากด้วย” หญิงสาวคนเดิมทำหน้าเคลิ้มฝันขณะเดินตามเจ้านายออกมา
แล้วภาพชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มในชุดสูทสีขรึมก็ปรากฏในสายตาของเปรมวดีหญิงสาวอ้าปากค้างไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอถึงที่นี่! ทั้งที่คืนนั้นเธอก็ไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ เอ๊ย!ไม่ใช่ ! ไม่ได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์หรือที่อยู่ไว้ให้เขา
“คะ...คุณ...คุณคานัน”
“สวัสดีครับคุณแป๋ม”
คานันยิ้มที่มุมปากน้อยๆ แต่อดแปลกใจกับสีหน้าประหลาดใจของหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้ และที่น่าประทับใจมากว่า เพราะเจ้าของร่างสมส่วนอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีขาวกับผ้านุ่งผืนยาวลายดอกสีสดใส เรือนผมยาวสลวยมวยขึ้นเหนือท้ายทอยใบหน้าฉาบเครื่องสำอางบางๆ ชุดนี้ดูเป็นตัวของตัวเองมากกว่าครั้งที่เจอในผับริมถนนเสียอีก เขารู้สึกว่าหญิงสาวช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของหัวใจของยิ่งนัก
“สวัสดีค่ะ” เปรมยกมือไหว้แล้วหันไปสั่งเด็กให้ยกน้ำและของว่างมาเสิร์ฟ “มาทำไมคะ เอ๊ย!มาถูกได้ไงคะ”
“เผอิญคุณอารยาวานผมให้เอาผ้าจากบาฮาเนียมาให้คุณแป๋มครับ” เขายิ้มบางๆ ทำให้ใบหน้าคมเข้มดูอ่อนโยนลง
“ฉันนึกว่าคุณกลับไปแล้วเอ๊ย! คุณเสร็จงานกลับไปแล้ว” เปรมวดีนึกอยากตีปากตัวเองที่พูดเร็วไปนิด
“งานผมยืดเยื้อไปหน่อย ความจริงคุณอารยาส่งผ้าถึงหลายวันแล้วแต่ผมเพิ่งสะดวกเอามาให้คุณวันนี้ ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกคะ แล้วทำไมไม่ใช้คนอื่นมาละคะ หรือว่าต้องให้เซ็นรับสินค้า” หญิงสาวอดแขวะไม่ได้ มือเรียวยกแก้วชาเขียวขึ้นจิบแต่ท่าทางของเธอกลับเรียกเสียงหัวเราะจากอีกฝ่าย
“คุณพูดเหมือนไม่อยากเห็นหน้าผม”
พรวด!!!
“ว้าย! หนูแป๋มทำไมทำเป็นเด็กแบบนี้ละคะ”
พี่น้อยตกใจที่เห็นเปรมวดีพ่นน้ำพรวดใส่เสื้อของชายหนุ่ม เธอรีบวางถาดของว่างไว้ที่โต๊ะแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเสื้อให้หนุ่มอาหรับ แต่เปรมวดีดึงผ้าผืนนั้นมาเช็ดให้แทน
“เดี๋ยวแป๋มจัดการเองคะพี่น้อย ฝากพี่น้อยดูแลร้านด้วย” หญิงสาวฉีกยิ้มเมื่อเห็นพี่น้อยพยักหน้ารับอย่างงุนงงแล้วเดินออกไป มือเรียวก็กระชากเนกไทของเขาอย่างแรงทำให้คนตัวสูงต้องก้มลงตามแรงดึงจนใบหน้าแทบจะชิดกับอีกฝ่าย
“เราต้องคุยกัน! ข้างนอก”
เปรมวดีดึงแขนคนตัวใหญ่ออกมาจากร้านอย่างรวดเร็วโดยที่คานันก็ไม่ฝืนเพียงแต่มีสายตาหลายคู่ที่จับจ้องอาการแปลกๆของหญิงเจ้าของร้าน หลายคนหัวเราะคิกคักเพราะไม่บ่อยนักที่จะเห็นเปรมวดีหน้าแดงจัดยิ่งกว่าลูกตำลึงสุกเสียอีก
“คุณจะพาผมไปไหนเหรอ ผมไม่ได้ขับรถมานะ” เขาถามไม่เป็นกังวลนัก
“ฉันไม่พานายไปฆ่าหรอกน่า ขึ้นรถเถอะ”
เมื่อคานันขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว เปรมวดีก็พารถยนต์ขนาดเล็กของตนมุ่งหน้าไปร้านอาหารชานเมือง บรรยากาศเงียบสงบทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
“คุณแป๋มรู้ได้ไงว่าผมกำลังหิว” คานันถามล้อๆ ปล่อยให้หญิงสาวสั่งอาหาร เรื่องอาหารการกินเขาไม่เรื่องมากนัก
อาจเพราะคุ้นเคยมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่ฝึกทหารก็เป็นได้
“นายนั่นแหละที่มาหิวพร้อมฉัน” ‘แต่ของฉันมันโมโหหิวเฟ้ย!!!’
“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าเราใจตรงกัน”
“ห๋า!” เปรมวดีอ้าปากค้างไม่คิดว่าเขาจะเล่นมุขนี้ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตายเธอก็ได้แต่กัดฟันกรอดๆ
“ร้านนี้บรรยากาศดีกว่าในโรงแรมเสียอีก” คานันยอมรับว่าชอบร้านเล็กๆ แบบนี้มาก
“ชีวิตคุณอยู่แต่ในโรงแรมหรือไง อุ๊บ!” หญิงสาวยกมือปิดตัวเองอย่างเพิ่งนึกได้ ก็เธอไม่อยากคิดอะไรที่เกี่ยวกับโรงแรมเลยนะซิ
“ก็มันจำเป็นนี่ครับมีแต่เรื่องประชุมงาน แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่ต้องอยู่คนเดียว” เขายิ้มกริ่มออกมานึกแปลกใจที่กล้าพูดแบบนี้
“งั้นก็หัดไปประชุมที่อื่นซิ”
“นั้นนะซิครับ” คานันพยักหน้ารับ “ผมถึงคิดจะปรึกษาคุณแป๋มอยู่ ผมอยากย้ายสถานที่ประชุมออกไปต่างจังหวัดอากาศดีๆ แต่ไม่เอาไกลกรุงเทพนักนะครับ”
“จริงเหรอ” คราวนี้เธอเป็นฝ่ายจ้องหน้าเขาเต็มๆ ตา
“ใช่ครับ” คานันพยักหน้าอีกครั้ง “ผมว่า...ถ้าค่าใช้จ่ายมันพอๆ กันกับที่เราจัดสัมมนาในโรงแรมหรูหราห้าดาว ถ้าเราลองเปรียบไปประชุมงานต่างจังหวัดแล้วใช้ค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกันดีกว่าไหม?”
“นี่!พ่อเศรษฐีน้ำมัน พูดจาขี้เหนียวจัง” คราวนี้เปรมวดีหัวเราะออกมาบ้าง “เหตุผลสวยๆ กว่านี้มีไหม”
“ผมเบื่อรถติด มองไปทางไหนก็มีแต่ตึกกับตึก” เขาสารภาพ
“ค่อยฟังดูดีหน่อย” เปรมวดีพยักหน้ารับ “โอเคฉันจะช่วย คุณบอกมาว่าต้องการอะไรบ้าง”
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรถือว่าตอบแทนที่คุณแบกผ้ามาส่งก็แล้วกัน”
“คุณแป๋มจะเปิดร้านขายผ้าหรือครับ”
“ทำไมเหรอ” หญิงสาวหัวเราะเสียงใส เป็นจังหวะเดียวกับที่อาหารถูกยกมาเสิร์ฟ
“ก็เห็นผ้าเยอะมาก” เขารู้ว่าเธอชอบผ้าพื้นเมืองตั้งแต่ครั้งแรกที่ต้องไปช่วยหิ้วข้าวของที่เปรมวดีกับคุณอารยาไปชอปปิ้งแล้ว
“เปิดร้านเลยเหรอ? เป็นความคิดที่ดีเหมือนกันนะ” หญิงสาวตักกุ้งในชามแกงส้มใส่จานข้าวของคานัน “ฉันว่าจะตัดเสื้อผ้าใส่เอง แต่คุณพูดมาแบบนี้ก็เข้าท่าดี”
ไม่รู้ว่าเพราะรสชาติอาหารที่ถูกปาก บรรยากาศที่ผ่อนคลายหรือว่าทุกอย่างรวมตัวกันอย่างลงตัว ทำให้เปรมวดีไม่อยากพูดถึงเรื่องที่อยากลืมทั้งที่ตั้งใจจะพูด และที่สำคัญ คู่กรณีของเธอก็ไม่มีท่าทีอยากรื้อฟื้นเรื่องน่าอายในวันนั้น แต่หญิงสาวก็อดเอะใจไม่ได้ว่า ตัวเธอถึงไม่สวยขนาดดาราหนังแต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่นัก ทำไมไม่มีอะไรติดใจให้เขาประทับใจเลยหรือไงนะ
หรือเขาจะเป็นเกย์?.