บทที่3. ‘ถอด’ เมื่อกี้เขาพูดว่าเขาถอดเสื้อผ้าเธอใช่ไหม!

2277 Words
เปรมวดีลืมตาตื่นพร้อมอาการเวียนศีรษะราวกับจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ และเพราะอาการแบบนี้ทำให้เธอได้แต่นอนลืมตาอยู่บนเตียงนอนหนานุ่มสีขาวสะอาดตา พยายามคิดอยู่ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต? “ฉันจะไม่กินเหล้าอีกแล้ว” เปรมวดีงึมงำกับตัวเองรู้สึกลำคอแห้งผากราวกับเป็นกระดาษทราย นึกโทษอดีตคนรักรายที่สิบสองที่เธอทำให้กลายเป็นนางเมรีขี้เมาไปเสียนี่ “ดื่มได้แต่อย่าให้มันหนักนัก” “!?!” เปรมวดีลุกพรวดขึ้นจากเตียงอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงผู้ชายอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อลุกขึ้นนั่งเธอจึงรู้ว่าร่างกายของตนเองไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น! มือเรียวต้องรีบคว้าผ้าห่มขึ้นคลุมอกอิ่มทันทีและเมื่อเหลียวมองรอบข้างจึงรู้ว่าห้องที่นอนอยู่นี่ไม่ใช่ที่บ้านของเธอ แต่มันเป็นที่ไหนก็ไม่รู้!!! “โอ๊ย!ปวดหัว” หญิงสาวยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมขมับ อาการปวดหนึบๆ ที่ศีรษะทำให้เธอต้องซบหน้าลงกับเข่า ‘วันนี้มันศุกร์ 13 หรือไงนะ’ “จิบชามะนาวหน่อยไหม หรือดื่มอะไรร้อนๆ ช่วยแก้อาการเมาค้างได้ดี” น้ำเสียงที่คุ้นหูผสมสำเนียงการพูดภาษาไทยแปร่งๆ ทำให้หญิงสาวกล้าเงยหน้าขึ้นมา แล้วดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นใบหน้าคมเข้มของชายอาหรับอยู่ใกล้ๆ ชายที่เธอไม่คิดว่าเขาจะมาถึงเมืองไทย “คานัน” “ดีใจที่ยังจำกันได้” ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก เขาอยากเข้าไปประคองร่างเนียนนุ่มให้นั่งสบายๆ แต่รู้ดีว่าไม่เหมาะนักจึงได้แต่ว่างถ้วยชามะนาวไว้ที่โต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงนอน เขาก้าวถอยหลังออกมาอีกสองสามก้าวไปนั่งอยู่ที่โซฟาไม่ไกลนัก แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกหงุดหงิดกับตนเองกับอารมณ์ที่ยังระอุอยู่ภายใน ก็การที่มีหญิงสาวและสวยหลับใหลอยู่ในห้องนอนเดียวกันมันไม่ใช่เรื่องดีเอาเสียเลย บางที...นี่อาจเป็นเรื่องที่เขาคิดผิดพลาดมากที่สุดก็เป็นได้ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเขาไม่รู้จักบ้านของเธอ “คุณมาเมืองไทยเมื่อไหร่กัน” เปรมวดีพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตนเอง เธอควรจะอ้าปากถามเขาไหมว่าทำไมเธอถึงได้อยู่ในชุดแรกเกิดอย่างนี้! แต่ท่าทางสบายๆ นิ่งๆ ของเขาทำให้เธอไม่กล้าขยับปากถามเรื่องที่สงสัย หรือที่จริง! เธออาจจะหวาดกลัวคำตอบก็เป็นได้ “สัปดาห์หนึ่งได้แล้วครับ” เขาเอ่ยตอบพลางเสมองไปทางอื่น ไม่อยากมองเนินอกที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนนั้นเลย “ผมมาดูงานแทนท่านราเฟย์” “เหรอคะ” เปรมวดียกถ้วยชาขึ้นจิบ ความร้อนที่ไหลผ่านลำคอทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง “เสื้อผ้าของคุณเพิ่งมาส่งเมื่อครู่ เมื่อคืนคุณเมาหนักมากแล้วก็อาเจียนใส่เสื้อผ้าตัวเอง ผมก็เลยต้องถอดออกให้พนักงานไปซักแห้งมาให้” “หา!” ‘ถอด’ เมื่อกี้เขาพูดว่าเขาถอดเสื้อผ้าเธอใช่ไหม!!! “เอ่อ...” เขาทำหน้าอึกอัก “ไม่ต้องห่วงนะครับ เรื่องนี้ผมจะไม่พูดกับใครเป็นอันขาด” เคล้ง!!! มือเรียวที่จับถ้วยชาอยู่ถึงกับไร้เรียวแรงจนเผลอปล่อยถ้วยชาตกพื้น ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วกลับซีดหนักลงกว่าเดิม ชายหนุ่มเจ้าของห้องพักรีบลุกขึ้นมาเพื่อดูอาการของหญิงสาวทว่าเมื่อเห็นมืออีกข้างที่เคยจับชายผ้าห่มขึ้นคลุมอกปล่อยมันร่วงลงมาจนเกือบจะเห็นปานสีเบจบนยอดอกเขาต้องชะงักเท้าทันที กริ๊งงงงงงง เสียงโทรศัพท์ในห้องพักดังขึ้นราวกับเป็นเสียงไซเรนช่วยชีวิต คานันสบถเป็นภาษาบาฮาเนียนก่อนหมุนตัวเดินไปรับสาย เช้านี้เขามีประชุมกับตัวแทนการค้าสาขาในเมืองไทย เขาเกือบลืมไปแล้วถ้าไม่สั่งให้พนักงานของโรงแรมโทรมาเตือนเขา ‘ไม่ต้องห่วงนะครับ เรื่องนี้ผมจะไม่พูดกับใครเป็นอันขาด’ มันหมายความว่าไงนะ!!! เปรมวดีนึกอยากกระโดดตึกให้มันรู้แล้วรู้รอด เมื่อคืนมันต้องเป็นเรื่องเลวร้ายระดับแปดริกเตอร์ก็ได้ โอเค! ผู้ชายอาจไม่คิดอะไรกับเซ็กส์ข้ามคืน โดยเฉพาะผู้หญิงก๋ากั๋นที่ไปเมาหัวราน้ำในผับตามลำพัง แต่ต้องไม่ใช่เธอ!!! และที่สำคัญ เขาคือ ‘คานัน’ องครักษ์ของราเฟย์-สามีของอารยา-เพื่อนรักของเธอ และที่สำคัญที่สุดเขาคือ ‘ผู้ชาย’ สิ่งมีชีวิตที่เธอตั้งใจจะไม่เข้าใกล้อีก! “ขอโทษนะครับ” คานันเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง “ผมมีประชุมด่วนต้องรีบไป ถ้ายังไงจะให้รูมเซอร์วิชขึ้นมาดูแลคุณนะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะเชิญตามสบาย” เปรมวดีฝืนยิ้มหวานออกมา “ครับ” คานันนึกแปลกใจที่เห็นหญิงสาวยิ้มเป็นปกติราวกับไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนใจอะไรเลย หรือว่าเธอจะเคยชินกับการตื่นขึ้นมาด้วยร่างกายเปลือยเปล่าในสถานที่อื่นที่ไม่ใช่ห้องนอนของตนเอง?!? แล้วไอ้ที่เขากังวลมาตลอดคืนว่าจะอธิบายให้เธอเข้าใจยังไงดีถึงเหตุผลที่ต้องพาเธอมาพักในห้องเขาแบบนี้มันคือความคิดมากของเขาคนเดียวหรือไงนะ หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อชายหนุ่มในชุดสูทสุดหรูก้าวออกไปแล้ว อาการปวดหนึบที่ศีรษะทำให้เธอล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ดวงตากลมโตจ้องมองเพดานห้องก่อนไล่ไต่ลงมาที่ผ้าม่านเนื้อดีเข้ากับโซฟากำมะหยี่สีดำรวมถึงเตียงนอนกว้างและนุ่มกำลังดี “เตียงใหญ่ขนาดนี้ใครจะนอนคนเดียว” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง อยากจะหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่แล้วรีบออกไปให้เร็วที่สุด แต่อาการเมาค้างทำให้เธอปิดเปลือกตาอีกครั้งการพยายามฝืนจะลุกขึ้นทำให้เธอยิ่งทรมานกับอาการปวดหัว เมื่อได้อยู่คนเดียวบนเตียงกว้าง สมองก็เริ่มกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม “ฝันเหรอ...คงฝันไปซินะ” เปรมวดีบอกกับตัวเองเมื่อหวนคิดถึงภาพในความฝันก่อนลืมตาตื่น มันเป็นภาพเหตุการณ์ครั้งที่สองที่ได้ไปเยือนบาฮาเนียดินแดนแห่งฟ้าจรดทราย และเป็นครั้งแรกที่เธอถูกต้อนรับราวกับเจ้าหญิงจะพูดว่าไงดีนะ! มีเพื่อนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง! หรือคบเพื่อนดีเพื่อนพาไปหาผล! แต่ถึงยังไงเธอก็ไม่เคยมีความคิดจะฉกฉวยเอาความโชคดีของเพื่อนมาใช้ นอกจากคนที่สนิทกันมากๆ แล้วเธอไม่ได้บอกใครเลยที่อารยากลายเป็นพระชายา แต่เรื่องเดียวที่เธอยังพึ่งพาเพื่อนรักอยู่ก็คือเธอจะฝากอารยาซื้อผ้าพื้นเมืองส่งมาให้ ช่วยไม่ได้นี่นะ! เธอติดใจลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์แถมสีสันสดใส โดยเฉพาะเนื้อผ้าที่พลิ้วไหวใส่แล้วไม่ร้อนนี่แหละที่เธอโปรดปรานและยิ่งนำมาตัดเย็บสไตล์สาวโบฮีเมียนแล้วยิ่งสวยเก๋กว่าใครเสริมความเลิศด้วยเครื่องประดับจำพวกเครื่องเงินยิ่งเป็นของชาวเขายิ่งเข้ากัน “ตายแล้ว วันนี้ฉันก็มีนัดนี่นะ” เปรมวดีลุกพรวดขึ้นจากเตียงนอนพาร่างกายที่เปลือยเปล่าเข้าไปอาบน้ำชำระความเหนื่อยล้า น้ำฝุ่นผ่านฝักบัวทำให้รู้สึกสดชื่นจนอาการเมาค้างละลายไปกับสายน้ำ เมื่อออกมาจากห้องน้ำพร้อมเสื้อคลุมสีขาวท้องไส้เธอก็ร้องปั่นป่วนมือเรียวจึงเร่งใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย เธอยกหูโทรศัพท์ของโรงแรมให้ช่วยเรียกแท็กซี่ให้ เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะทิ้งโน้ตถึงเจ้าของห้องดีหรือเปล่า ถ้าเขียนเบอร์โทรของเธอทิ้งไว้เขาจะเข้าใจว่ายังไง? ก็เขาเป็นคนพูดออกมาเองว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร? แล้วถ้าเขียนแค่ว่าขอบคุณค่ะ เขาจะคิดว่าเธอปลื้มเรื่องเมื่อคืนที่เธอจำอะไรไม่ได้เลยนะเหรอ? ยิ่งคิดอาการปวดหนึบก็จะกลับมาเล่นงานอีก เปรมวดีเหลือบมองนาฬิกาบนหัวเตียง ช่างเถอะ! รีบไปดีกว่า อยู่นานไปก็ยิ่งคิดมาก ทำงานซะจะได้ลืมๆ เรื่องที่ไม่อยากจำ มีแต่เรื่องงานเท่านั้นที่ช่วยให้เธอลืมเรื่องยุ่งยากใจทั้งหมดได้ หญิงสาวบอกกับตัวเองขณะที่นั่งอยู่บนแท็กซี่มุ่งหน้ามาที่ ‘รุ้งงามสปา’ ซึ่งเป็นทั้งบ้านและที่ทำงานในรั้วเดียวกัน เปรมวดีรีบจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองออกเธอเหลือเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วโมงแขกของเธอก็จะมาเยือน เธอหยิบผ้านุ่งผืนสวยที่เย็บชายเรียบร้อยมานุ่งคาดทับด้วยเข็มขัดเงิน ท่อนบนเป็นเสื้อกล้ามสีขาวที่เธอปักลายเองกับมือ แม้ว่างานจะยุ่งแค่ไหนเธอก็ชอบเย็บตบแต่งเสื้อผ้าใส่เองมากกว่าให้ใครทำให้ ผ้าคลุมไหล่ผืนใหญ่สีเดียวกับผ้านุ่ง ผมยาวรวบเป็นมวยด้วยปิ่นที่ทำมาจากขนเม่น และประดับคอด้วยสร้อยเงินเข้ากับเข็มขัด ใบหน้าได้รูปแต้มสีสันเพียงบางเบาเน้นเคลือบสีชมพูอมส้มที่ริมฝีปาก เมื่อรู้สึกว่าตัวเองสวยพอแล้วความมั่นใจก็เต็มเปี่ยม “น้องแป๋มแขกมาแล้วจ๊ะ” “ขอบคุณค่ะพี่น้อย พี่น้อยช่วยหาน้ำหาท่าไปบริการแขกหน่อยนะคะ” พี่น้อยเป็นมือขวาคนสำคัญของเปรมวดีถึงจะไม่ใช่ญาติพี่น้องกันแท้ๆ แต่เปรมวดีก็นับถือราวกับพี่สาวคนหนึ่งเลยทีเดียว “เรื่องนั้นรู้แล้วจ๊ะ” พี่น้อยหลิวตามองหญิงสาวที่เป็นเจ้าของกิจการรุ้งงามสปา “เมื่อคืนไปนอนไหนมาจ๊ะ” “พี่น้อยบอกแม่หรือเปล่า!” “เปล่า...แม่เราก็รู้ดีอยู่แล้วว่าแป๋มชอบไหนมาไหนคนเดียวแบบนี้เสมอ” “ขอบคุณค่ะพี่น้อย แป๋มออกไปรับแขกก่อนนะคะ” เปรมวดีไม่อยากบอกเลยว่าเมื่อคืนเธอทำตัวแย่มากแค่ไหน บางที...ถ้าคนที่ไปพบเธอไม่ใช่คานัน เธออาจจะยังไม่กล้าเข้าบ้านมาทำงานก็เป็นได้ หญิงสาวลืมเรื่องกลุ้มใจแล้วเดินมาที่มุมสวนที่จัดไว้รับรองแขก วันนี้มีคนในกองบรรณาธิการนิตยสารเกี่ยวกับสุขภาพมาขอสัมภาษณ์เธอลงคอลัมน์และแนะนำร้านสปาที่น่าสนใจนั่นก็คือร้านของเธอ เมื่อเอาสมาธิมุ่งมาให้กับการตอบคำถามต่างๆ เธอก็ลืมเรื่องขุ่นใจไปเสียหมด การสัมภาษณ์ใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิดเมื่อจบการสัมภาษณ์เธอก็พาช่างภาพไปถ่ายภาพมุมต่างๆ ในร้านสปา “ตบแต่งได้สวยมากถ้าจะขอยืมสถานที่ถ่ายแบบบ้างจะได้ไหมครับคุณแป๋ม” “ถ่ายแบบอะไรคะ” เปรมวดีออกจะแปลกใจที่ช่างภาพหนุ่มเรียกชื่อเล่นของเธอซึ่งเธอแนะนำตัวด้วยชื่อจริงแต่พอเห็นรอยยิ้มทะเล้นที่คุ้นตาเธอก็อ้าปากกว้างอยากตกใจ “ชินใช่มั๊ยชินที่เรียนโฆษณา” “นึกว่าแป๋มจะจำเพื่อนไม่ได้ซะแล้ว” ชินหัวเราะออกมา “ไม่เจอกันนานแป๋มสวยขึ้นเยอะเลยนี่” “พูดไปเถอะ” หญิงสาวหัวเราะรู้สึกผ่อนคลายลงมาก “เดี๋ยวนี้กลายเป็นช่างภาพแล้วเหรอ จะว่าไปชินก็ชอบทางนี้อยู่แล้วนี่” “ก็เพราะแป๋มนั้นแหละที่ให้กำลังใจเราในตอนนั้นเราถึงไม่ท้อ คิดถึงแป๋มเหมือนกันนะแต่ได้ยินว่าแป๋มทำร้านสปาลูกค้าเยอะมาก” ชินอดคิดถึงวันที่เขารู้ผลการประกวดภาพถ่ายไม่ได้ คราวนั้นเขาตกรอบและท้อแท้ขนาดไม่อยากถ่ายรูปอีก แต่เพื่อนสาวคนนี้ให้กำลังใจจนเขาไม่ยอมแพ้ยังมุ่งมั่นพัฒนาฝีมือการถ่ายรูปอย่างต่อเนื่องจนวันนี้เป็นที่ยอมรับ “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เอ่อว่าแต่ถ่ายแบบอะไรเหรอ” “ก็ไม่อะไรหรอก เราว่าร้านของแป๋มตบแต่งสวยดีอยากยืมสถานที่ถ่ายแฟชั่นลงนิตยสารนะ” “ได้ซิจะมาเมื่อไหร่ก็โทรมาบอกได้เลย” “ขอบใจนะ แป๋มนี่...ยังใจดีเหมือนเดิม” เปรมวดียิ้มกว้างก่อนยกมือขึ้นตบไหล่เพื่อนเบาๆ เธอชวนคุยเรื่องอื่นอยู่ครู่หนึ่งเมื่อช่างภาพถ่ายภาพตามต้องการเสร็จก็ต้องยกทีมไปทำงานที่อื่นต่อ “อย่าลืมโทรมาละ” “ฮืม” ชินรู้สึกแปลกๆ ในใจทั้งที่เคยเจอเปรมวดีมาตั้งแต่เรียนปีสอง ถึงแม้ว่าเขาและเธอจะอยู่คนละคณะ แต่มีบางวิชาที่เขาและเธอลงเรียนเหมือนกันทำให้ได้เรียนวิชาเดียวกันอยู่หนึ่งเทอม ทว่าเวลาเพียงสั้นๆ เขากับเปรมวดีกลับสนิทสนมราวกับเพื่อนที่รู้จักกันมานาน แต่เมื่อเขาใช้เวลาทุ่มเทให้กับการฝึกถ่ายรูปจึงไม่ค่อยได้ติดต่อกับเปรมวดีอีก ไม่คิดว่าการพบกันอีกครั้งจะทำให้เขามองเธอเปลี่ยนไป มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่คิดว่ามันจะเกิดกับคนที่เขาเรียกว่าเพื่อนเลยด้วยซ้ำ.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD