“ถามจริง” ซีพยักหน้าก่อนจะหันไปหยิบสมุดขนาดพอดีมือส่งให้แซคที่มึนงง แต่ก็รับมาเปิดดูด้านในเขาก็ตกใจทันทีที่เห็นภาพในสมุดจึงเงยหน้ามองซี “มึงออกแบบเองเหรอ?”
“อือ”
สิ่งที่ทำให้แซคยิ้มออกมาคือภาพในสมุดเล่มนี้ ภาพวาดของซีเป็นการออกแบบโครงสร้างภายในบ้านหรือแม้แต่คอนโด จำลองขึ้นมาได้ดูดีมากๆ
“เก่งนี่หว่า” ซีหลุบสายตามองพื้น จากนั้นก็ดันแว่นขึ้นอีกครั้ง
“พอเอาให้พ่อแม่ดู ก็บอกว่าไม่ให้สอบติดคณะนี้”
“เหอะ” แซคปิดหนังสือลงอย่างแรง ไอ้ซีมีความสามารถขนาดนี้ต่อให้บังคับให้มันเรียนหมอถามหน่อยว่ามันจะมีความสุขไหม? ทำไมพ่อกับแม่ต้องชอบขีดเส้นทางให้มันแบบนี้ด้วย “มึงอยากคุยกับกูคือสองเรื่องนี้”
“ใช่” พอเห็นน้องชายทำหน้าหงอยปกติก็หน้านิ่งอยู่แล้ว มาทำหน้าหงอย แบบนี้ใจแซคอ่อนยวบเลยลุกขึ้นไปนั่งข้างน้องชายพลางกอดคอซีที่หันไปมองพี่ชายตัวเอง “ปรึกษาเฮียโซ่ ก็บอกให้ทำตามที่พ่อแม่บอก”
“มึงไปฟังอะไรไอ้โซ่ มันเองยังทำตามที่พ่อแม่สั่งเลย”
“แบบนี้ผมถึงโทรหาเฮียไง” เฮ้อ แซคถอนหายใจเสียงดัง “เฮียช่วยหาที่ลบรอยสักให้ด้วยนะ”
“ไม่ต้อง” แต่ก่อนที่ซีจะคิดลบรอยสัก พี่ชายก็ห้ามไว้ก่อนจนเขามึนงง “ไม่ต้องลบเหี้ยอะไรทั้งนั้น รอยสักเนี่ยมึงอุตส่าห์ไปนั่งสัก อีกอย่างกูชอบรอยสักของมึง”
“เฮีย...”
“ส่วนเรื่องสอบ มึงสอบคณะที่มึงอยากเข้าไม่ต้องสอบที่พ่อแม่เลือกให้”
“แต่ว่าเฮีย พ่อแม่รู้จะโกรธนะ”
“ระหว่างพ่อแม่โกรธแปบเดียว กับมึงมีความสุขที่ได้เรียนสถาปัตย์ มึงจะเลือกแบบไหน?” ซีคิดหนักกับคำถามของแซค เมื่อคิดตามใจตัวเองซีก็พยักหน้าเป็นการบอกแซค
“เลือกสอบสถาปัตย์”
“ดีมาก แล้วมึงไม่ต้องห่วงเรื่องนี้... มีปัญหาอะไรโทรหากู เดี๋ยวกูจัดการเอง”
“ครับ”
“มึงโตแล้ว มึงควรคิดเองว่าอยากทำอะไรไม่อยากทำอะไร” แซควางมือลงบนศีรษะซียีไปมาจนผมสีดำสนิทยุ่งฟู “ไม่ว่ามึงจะเลือกทำอะไร กูพร้อมสนับสนุนและ ไม่ต่อว่า”
“อือ”
“ขออย่างเดียว มึงอย่าไปทำอะไรที่มันผิดกฎหมาย มึงเข้าใจใช่ไหม?”
“ผมรู้ ผมไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก”
“มึงสูบบุหรี่ กินเหล้าหรือเปล่า?” ถามจี้จุดมาก ซีไม่ตอบอะไรมองสบตากับพี่ชายที่จับจ้องเพื่อรอฟังคำตอบ จะให้บอกเหรอว่าตั้งแต่ไปสักมาก็เริ่มสูบบุหรี่แล้ว ส่วนกินเหล้าก็แตะนิดหน่อยตอนไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อน ส่วนเรื่องที่แซคกังวลว่าเขาจะไปยุ่งกับสิ่งผิดกฎหมาย แซคไม่ต้องห่วงเลยเพราะว่าซีไม่คิดจะแตะต้องพวกนั้นแน่นอน ถึงเขาจะเนิร์ดแต่เรื่องนี้เขาจำขึ้นใจว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี “เงียบทำเหี้ยไร”
“สูบ” ตอบกลับแซค “แต่สูบที่โรงเรียน”
“เฮ้อ มึงโตแล้วคิดเองได้ใช่ไหม?” ซีพยักหน้ารับแซคก็มองน้องชายตัวเอง พลางยกข้อมือซ้ายดูเวลาก็พบว่าตอนนี้มันตีสองกว่าแล้ว “ไปนอนได้แล้ว กูจะกลับละ”
“อืม”
แซคมองน้องชายที่หอบกองหนังสือแนบอกจากนั้นก็เดินสวนเขาไป เมื่อคุยเรื่องที่น้องชายเครียดแล้วเขาก็ขับรถออกจากบ้านไปยังเพ้นท์เฮ้าส์ที่ซื้อไว้ตั้งแต่สมัยเรียน บอกตามตรงว่าใช้เงินพ่อซื้อเนี่ยล่ะแต่ทุกวันนี้ก็ผ่อนจ่ายพ่อจนหมดแล้ว ไม่อยากโดนด่าอีก รถจอดที่ลานจอดรถวีไอพีแซคก็พาตัวเองเข้าไปยังโถงทางเดินที่ลิฟต์จะพาเขาไปถึงห้อง
“รอด้วยค่ะ” ทว่าลิฟต์ยังปิดไม่ดีด้วยซ้ำ ร่างบอบบางที่สวมชุดเดรสสีดำ ผมสีเขียวอมทะเลทำให้แซคคุ้นตาเหลือเกิน เมื่อประตูลิฟต์ปิดลงเขาก็หันไปมองผู้หญิงคนนั้นที่ยืนจับราวด้านในไว้ เพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ล้มไปกองกับพื้น
เมาเหมือนหมาเลย กลับคนเดียวแบบนี้อันตรายชะมัด
“ชั้นไหนครับ”
“ยี่สิบสี่” น้ำเสียงยานครางบอกให้แซคกดนิ้วไปยังตัวเลขห้องของเธอคนนี้ ส่วนเขาอยู่ชั้นที่ยี่สิบห้า สายตาของแซคมองตัวเลขที่ค่อยๆ ขยับอย่างเชื่องช้าพลางมองผู้หญิงคนนั้นกำลังเงยหน้าขึ้น หลับตาลงมองลำคอขาวนวลทำให้เขาลอบกลืนน้ำลายและหันหน้าเขาตำแหน่งตัวเลขลิฟต์อีกครั้ง “คุณ”
“...”
“คุณ!” เมื่อแซคไม่สนใจเธอก็เดินมาหยุดด้านหลังวางมือลงบนไหล่ ซึ่งแซค ตัวสูงใหญ่อยู่แล้วพอแซคไม่หันเธอก็ดึงไหล่แซคจนต้องหันไปมองด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“อะไรของคุณ ปล่อยมือด้วย” น้ำเสียงของแซคทำให้เธอส่ายหน้าไปมา เมาได้สุดจริงๆ ถึงจะสวยก็เถอะนะแต่เมาเหมือนหมาแบบนี้ ทุเรศตาชะมัด
“ชั้นที่ 24 ห้อง 2404”
“อะไร?”
“ฉันเหมือนจะ...” พูดจบก็นิ่งไปทันที นี่คืออ่อยหรือไงวะ? มาบอกเลขห้องด้วยเนี่ย
“นี่คุณ ผมไม่สนมีเซ็กซ์กับคุณเพราะคุณเมา อีกอย่างเราไม่รู้จักกันด้วย...”
แหวะ
“!”
แววตาของแซคเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อได้รับน้ำเมือกใสๆ จากริมฝีปากยัยผู้หญิงทุเรศคนนี้ เลอะเต็มเสื้อยืดเขาไปหมด มาอ้วกใส่กันแบบนี้มันน่าตบให้ตายเลยเว้ย!
“แค่กๆ”
“F*ck!” แซคสบถคำหยาบก่อนจะผลักผู้หญิงคนนี้กระเด็นไปติดกระจกด้านหลัง พลางดึงเสื้อยืดสีขาวออกก่อนที่น้ำอะไรต่อมิอะไรจะเลอะเนื้อตัวเขา เมื่อกลัวว่ามันจะเลอะตัวแซคจึงตัดสินใจถอดเสื้อยืดสีขาวออก เป็นจังหวะที่ผู้หญิงคนนั้นลืมตาขึ้นมองร่างกายแกร่งกำยำพร้อมรอยสักที่ทำให้หัวใจดวงนี้เต้นแรง
“โห” เธอกระพริบตาถี่รัวมองใบหน้าหล่อเหลาที่หงุดหงิดงุ่นง่าน
“จะเมาก็ช่วยตั้งสติด้วยนะคุณ ดีนะที่เป็นผม ถ้าเป็นคนอื่นตบคุณหัวทิ่มแล้ว”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ยกมือเกาศีรษะตัวเอง กึ่งหลับกึ่งตื่นจนกระทั่งลิฟต์มาถึงชั้นของเธอ
แซคจึงกระชากแขนเล็กผลักเธอออกจากตัวลิฟต์ซึ่งผู้หญิงที่เมาเหมือนหมา พามาถึงหน้าห้องและปล่อยร่างบอบบางซึ่งทรงตัวไม่อยู่ฟุบลงพิงกับประตูห้อง ด้วยความหงุดหงิดแซคจึงผลักศีรษะของเธอด้วยความโมโห
“เป็นคนอื่นไม่พามาที่ห้องหรอก” แซคไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่เลวพอที่จะทำอะไรผู้หญิงที่เมาไม่ได้สติ
ประตูห้องถูกเปิดด้วยคีย์การ์ด เพ้นท์เฮ้าส์ของแซคหรูหราและดูดีมากๆ ซ้ายมือเป็นทางขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง แซคถอดรองเท้าพลางเดินตรงผ่านโซนโซฟารับแขก หยิบรีโมทสำหรับเปิดผ้าม่านสีขาวปนดำออกเผยให้เห็นวิวทิวทัศน์รอบเมืองและระเบียงด้านนอกมีสระว่ายหน้าขนาดพอดีไม่ใหญ่ไม่เล็กไป โต๊ะเหล็กเคลือบสีขาวตั้งเด่นริมสระพร้อมเปลนอนสีไม้
เพดานด้านบนห้องโถงมีโคมไฟแชนเดอเรียแต่งบ้านติดเพดานห้อยลงมาตรงระยะโซฟาเบจสีครีมรูปตัวแอล มีทีวีจอยักษ์อำนวยความสะดวก แซคเดินตัดผ่านห้องครัวที่ถูกจัดแบบสไตล์ฝรั่งมีเคาน์เตอร์บาร์ตรงกลาง อ่างล้างของและด้านหลังมีเตาสำหรับไว้ทำอาหาร ตู้เย็นครบครันแซคเป็นผู้ชายที่ชอบทำอาหารกินเองอยู่แล้วด้วย ขวามือจากห้องครัวมีห้องน้ำและโซนห้องซักผ้าที่ตอนนี้แซคโยนเสื้อยืดสีขาวของตัวเองลงเครื่องซักเพื่อปั่นให้กลิ่นและคราบอ้วกหาย
“ยัยบ้า” พึมพำด้วยความโมโห จากนั้นแซคก็เปิดทีวีทิ้งไว้ขึ้นบันไดไปชั้นสองของเพ้นท์เฮ้าส์ มีเตียงนอนคิงไซส์สีดำปนเทาตั้งเด่นสง่าอยู่ด้านข้างตรงเหลือบๆ ปลายเตียงมีโต๊ะทำงาน โน้ตบุ๊คและเอกสารจากผับวางอยู่ ก็เดินเข้าห้องน้ำที่ติดกับห้องแต่งตัวมีกระจกบานใหญ่และตู้เสื้อผ้า รองเท้ามากมายเรียงรายอยู่ “ทุเรศจริงๆ”
ขณะแช่ตัวอยู่ในอ่างกุชชี่แซคก็หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูข้อความจากหลินก็พิมพ์ข้อความกลับไปว่าถึงห้องแล้ว ใช้เวลาอาบน้ำไม่เกินยี่สิบนาทีก็นุ่งเพียงผ้าเช็ดตัว สีขาว เดินลงไปยังด้านล่างมองอุปกรณ์ออกกำลังกายไม่กี่อย่าง ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาคว้าบุหรี่มาจุดสูบ ทอดสายตามองไปยังวิวยามค่ำคืน
“ความรักเหรอ?” จู่ๆ ก็คิดไปถึงคำพูดของพ่อตัวเอง แซคก็สูบเอานิโคติน เข้าปอดเฮือกใหญ่ “รู้จักสิ”
รอยยิ้มผุดขึ้นพลางหยิบสมาร์ทโฟนกดเข้าไปยังแกลลอรี่รูปภาพ มองภาพคู่สมัยเรียนหญิงสาวคนนี้ที่ทำให้แซครู้จักว่าความรักเป็นยังไง แล้วควรเอาไปใช้กับใคร...