8

1539 Words
“เมื่อกี้เธอเรียก” เขากอดเธอเอาไว้เต็มอ้อมแขนมาจากทางด้านหลัง “เปล่าเรียก” “โอ๊ย!” เขาร้องเมื่อโดนเธอกระทุ้งข้อศอกเข้าหา “ทำไมล่ะ กอดไม่ได้เหรอ” เขากอดเอวของเธอเอาไว้ ซบหน้ากับซอกคอของเธอ “ฉันร้อน อุ๊ย!” เขาหอมแก้มฟอดหนึ่งตอนเธอประท้วง นราวดีลูบแก้มไปมา หน้าแดงจัด เขาทำท่าจะก้มลงมาหอมอีก เธอใช้มือปิดแก้มเอาไว้ ปากของเขาจึงชนกับหลังมือของเธอแทน “ขนาดแก้มยังหวงเลยเหรอ” “หวงค่ะ” เธอซุกหน้ากับหมอน ไม่ยอมให้เขาหอมแก้มได้ง่ายๆ “ไม่เป็นไร” เขานอนกอดเธอแนบอก ไม่ยอมปล่อย “ห้ามบ่นว่าร้อนนะ” เขาพูดดักคอ เธอเม้มปากเข้าหากัน “นอนได้แล้ว ถ้าไม่นอนจะทำอย่างอื่นนะ” คำขู่ของเขาได้ผลจริงๆ เธอรีบหลับตาในทันที ไม่นานนิทรารมย์แสนสุขก็มาเยือน แต่คนที่นอนไม่หลับคือคนที่กอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน... นราวดีแอบมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นใคร เธอไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน แต่ในใจก็เริ่มคิดอยากหาทางออกไปสำรวจทางหนีทีไล่ดู เขาดูเฉยเมยมาก เหมือนไม่กลัวว่าเธอจะหนีจริงๆ เหมือนก่อน หญิงสาวลองออกมาสำรวจเส้นทางอีกครั้ง มีทางเล็กๆ จากกระท่อมออกไปสามทาง เธอกำลังชั่งใจว่าจะไปทางไหนดี เพราะแต่ละทางก็ไม่รู้ว่าจะไปโผล่ที่ไหน แต่รอยเท้าของเขาที่ทิ้งเอาไว้หลังฝนตก ทำให้เธอคิดว่าเขาอาจจะออกไปทางนี้ เข้าเมืองไปหาเสบียงหรือทำธุระอะไรสักอย่าง เธอแอบเห็นเขาหอบหิ้วข้าวสารอาหารแห้งกลับมาทางด้านนั้นเสมอ รอบกายมีแต่ผืนป่า มันทำให้เธอหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย ทั้งเสือ ทั้งงูที่เขาเคยขู่เอาไว้ หรืออาจจะมีสัตว์ร้ายอย่างอื่นที่เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ หญิงสาวเม้มปากเข้าหากัน สุดท้ายลองเดินไปตามเส้นทางนั้น เธอเดินมาไกลมาก ยิ่งเดินยิ่งงุนงง เพราะก่อนหน้านี้มีทางแยกหลายทาง เธอสุ่มเดินดุ่มๆ เข้ามา สุดท้ายก็คิดว่าควรย้อนกลับทางเก่าดีกว่า แต่พอกลับไป เธอไม่แน่ใจว่าทางแยกที่จะกลับไปยังกระท่อมนั้นไปทางไหน จึงเดินวกไปวนมาจนเริ่มเหงื่อตก “เมื่อกี้เราก็เจอต้นไม้ต้นนี้นี่นา” เธอเริ่มงง เส้นทางที่เดินไปนั้นยิ่งกว่าเขาวงกต คือเหมือนเดินกลับมาที่เดิน นราวดีลองเสี่ยงเดินไปอีกทางที่ไม่คุ้นดู เธอเดินจนเหนื่อย ปาดเหงื่อจนเมื่อยล้าไปหมด เสียงน้ำทำให้เธอหูผึ่ง พอโผล่ออกมาก็เจอกระท่อม หญิงสาวดีใจเหลือเกิน รีบเดินดุ่มๆ ไปที่ลำธาร พอมองย้อนกลับไป เธออยู่อีกทางที่ไม่ใช่ทางแรกที่เดินออกไป แต่ก็สามารถกลับมากระท่อมได้ แสดงว่าเส้นทางเชื่อมกันอยู่นั่นเอง หญิงสาวถอนใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยเขาก็ไม่รู้ว่าเธอแอบหนีออกไปจากกระท่อม รีบกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าให้รู้สึกสดชื่น ทำท่าจะดื่มน้ำแต่ต้องสำลักเมื่อได้ยินเสียงทักทายของคนที่เธอคิดว่าไม่อยู่ “ไปเดินออกกำลังกายในป่ามาสนุกไหม” “แค่กๆๆ” เธอสำลักจนหูตาแดงไปหมด “คุณ... กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” “นานพอจะรู้ว่าเธอออกไปเดินสำรวจป่าแถวนี้” “เอ่อ...” เธออึกอัก หลบสายตาเขา “จะเดินออกไป ตามสบายนะ ฉันอนุญาต ไม่ได้ว่าอะไรเลยจริงๆ แต่ระวังเสือ ระวังงูให้ดีแล้วกัน แถวนี้มันชุม” “ไม่ต้องมาขู่ฉันหรอกน่า ฉันไม่เห็นเจอสักตัวเดียว” เธอทำปากเก่ง “หิวหรือยัง” เขาเอ่ยถาม ยักไหล่ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ฉันไม่หิว” เธอปากเก่งใส่เขา “แล้วไป งั้นแสดงว่าไม่กินใช่ไหม” “ไม่กิน” เธอเชิดหน้าใส่เขา ชายหนุ่มไม่สนใจ เดินเข้าไปในกระท่อม เธอมองตาม กลิ่นหอมของอาหารบางอย่างที่เธออยากกินนักหนาลอยเข้ามาปะทะจมูก แต่เธอคิดว่าไม่น่าใช่ อาจจะหิวจนหลอนไปเอง แต่พอเดินเข้าไปในกระท่อมก็เห็นเขากำลังนั่งแกะปู แทะกุ้ง แกะหอย และตักปลากะพงนึ่งมะนาวแซ่บๆ เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย “นี่คุณ!!!” เธอชี้อาหารที่อยากกินน้ำลายสอ “กินไหม” เขาเอ่ยถาม เธอเก็บนิ้วมาไว้ข้างตัว เชิดหน้าใส่เขา “ฉันไม่หิว” เธอสะบัดหน้าใส่ เดินหายเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะอาบน้ำให้ตัวเย็น ความหิวทำให้เธอแสบท้องไปหมด และลูกน้อยในครรภ์ของเธอก็คงประท้วงด้วยเหมือนกัน “ไหนบอกว่าไม่มีอาหารทะเลยังไงล่ะ” เธอหน้างอ บ่นอุบอยู่คนเดียว เขาชอบหลอก ชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย หญิงสาวได้ยินเสียงประตูเปิด เธอรีบทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้คนที่เดินเข้ามาทันที “ฉันจะออกไปข้างนอก” คนที่เดินเข้ามาแกล้งพูด แต่คนที่นอนอยู่บนเตียงหูผึ่งทันที “อย่าแอบหนีไปเดินเที่ยวเล่นอีกล่ะ เดี๋ยวโดนเสือจับกิน” “อุ๊ย!” นราวดีอุทานเมื่อเขามากระซิบอยู่ข้างหู พอขยับแก้มของเธอก็สัมผัสกับจมูกและริมฝีปากร้อนๆ ของเขาเต็มๆ มือนิ่มลูบแก้มของตัวเองไปมา “ได้ยินไหมเด็กดื้อ” “ฉันไม่ใช่เด็กดื้อนะ” เธอเหวใส่เขา “ดูทำท่าเข้า เหมือนแม่หมูตกมัน” นราวดีมองเขาอย่างโกรธๆ เขาหัวเราะเสียงดังเหมือนเยาะเธอ ก่อนจะเปิดและปิดประตูตามหลังออกไป นราวดีรีบวิ่งไปที่ประตู ท้องของเธอร้องประท้วงอย่างหนัก เมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาออกไปแล้วจริงๆ เธอจึงแอบย่องออกมาจากห้อง เท้าเล็กๆ รีบมุ่งหน้าไปยังห้องครัวโดยพลัน สิ่งที่เธออยากกินก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า กุ้ง หอย และปูนึ่งกลิ่นหอมกรุ่น ปลากะพงนึ่งมะนาวนั้นอยู่ในจานใบใหญ่ เธอมองซ้ายมองขวา ก่อนจะลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหิวโซ และจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย ทานอิ่มแล้วก็ลูบท้องไปมา เธอรีบจัดการล้างถ้วยล้างจานเรียบร้อย ก่อนจะออกไปเดินเล่นให้อาหารย่อย แต่หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน นราวดีกลับเข้าห้องและหลับลงไปในที่สุด ‘เธอแอบกินกับข้าวในตู้ของฉันอย่างนั้นเหรอ’ ‘เปล่านะ แค่กๆๆ’ นราวดีสะลักในขณะที่กำลังตักปลากะพงนึ่งมะนาวใส่ปาก ‘หลักฐานคาตาว่าเธอแอบกิน’ ‘เปล่าสักหน่อย ไม่ได้แอบกินนะ ไม่ได้แอบกิน’ นราวดีสะดุ้งสุดตัว เธอผวาขึ้นจากที่นอนเหงื่อโซมกาย “เป็นอะไรของเธอ บอกว่าไม่ได้กิน ไม่ได้กิน ไม่ได้กินอะไรของเธอกัน” เสียงของเขาทำให้เธอสะดุ้งอีกรอบ เขามานั่งอยู่บนเตียงนอนของเธอตั้งแต่ตอนไหน “เปล่า” เธอตอบแต่ไม่ยอมสบตาเขา เหงื่อไหลโซมกายไปหมด เมื่อกี้เธอฝันว่า เขาเข้ามาเห็นตอนเธอแอบกินอาหารทะเลพอดี ดูฝันเข้าไปสิ บ้าบอจริงๆ “ฉันไปดูกับข้าวในครัว มันหายไปไหนหมด เธอแอบกินเหรอ” เขาถามลอยๆ คนแอบกินถึงกับสะดุ้ง ติดอ่างทันที “เอ่อ...” “หรือแมวขโมย” “ฉันกินเองแหละ” เธอคิดว่ากล้ากินก็ต้องกล้ารับ เขาจะทำอะไรก็ทำเลย คนมันหิวนี่นา “อ้อ...” เขารับคำ ก่อนเดินไปเดินมาในห้อง เหมือนทำอะไรบางอย่าง “คุณ... ไม่ว่าฉันหรือไง” เธอมองเขาอย่างแปลกใจ “ว่าเธอเรื่องอะไรล่ะ” “เรื่องที่ฉันแอบกินกับข้าวคุณจนหมดไง” “ก็ตั้งเอาไว้ให้กินไง” “ห้ะ! คุณว่าอะไรนะ” เธอมองเขาตาปริบๆ “บอกว่าอยากกินอาหารทะเลไม่ใช่เหรอ” “คุณบอกว่าไม่มีไง ที่นี่มันอยู่ในป่า จะมีอาหารทะเลได้ยังไงกัน” “ฉันเสกมามั้ง ฉันมีเวทมนต์” เขายื่นหน้ามาหา เธอเบี่ยงหลบ “ทำไมไม่บอกแต่แรก ทำให้ฉันปวดท้องเลยรู้ไหม” เธอลูบท้องไปมา “ปวดท้องเป็นอะไร” “ฉันเป็นโรคกระเพาะ เป็นกรดไหลย้อนด้วย ถ้าเครียดหรือกินอาหารไม่ตรงเวลาก็จะปวด” “ตอนนี้ปวดมากไหม” “นิดหน่อย” “ไม่ใช่ความผิดของฉันสักหน่อย” เขายักไหล่ เธอมองเขาแล้วอ้าปากค้าง คนอะไรไม่ยอมรับความผิดของตัวเองเลย “ตื่นแล้วก็ทำงานทำการบ้างนะ” “ทำงานอะไร” เขาอยู่ในโหมดโหดใส่เธออีกแล้ว “ซักผ้าน่ะสิ จะนั่งๆ นอนๆ ได้ยังไงกัน” “ฉันซักผ้าไม่เป็น” ความจริงเธอซักเป็นหรอกนะ แต่อยากจะต่อต้านเขาให้ถึงที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD