9

1474 Words
“ไม่เป็นก็ไม่เป็นไร จะสอนให้” เขากวักมือเรียก เธอค้อนให้ จะนั่งนิ่งทำเป็นดื้อด้านอยู่ในห้องก็กลัวเขาโมโหเอา จึงยอมเดินตามเขาออกไปที่ริมลำธาร “ซักมือนะ ที่นี่ไม่มีเครื่องซักผ้า แต่ลูกคุณหนูอย่างเธอ คงทำไม่เป็น” เขาแดกดัน “ใช่ ฉันทำไม่เป็น” เธอโกหกคำโต “ทำไม่เป็นก็ต้องทำ” เขาทำเสียงวางอำนาจใส่เธอ “ทำยังไงล่ะ” “คนที่ทำตัวเป็นลูกคุณหนู ใช้แต่แรงงานคนอื่นก็แบบนี้แหละ มานั่งตรงนี้สิ” เขาสั่งเสียงเข้ม เรียกเธอมานั่งที่กองผ้า มีม้านั่งตัวเล็กๆ ที่ทำด้วยไม้ไว้รองก้น เธอทำตามอย่างว่าง่าย มองเขาตาปริบๆ เหมือนทำไม่เป็นจริงๆ “ฉันจะทำให้ดูก่อนนะ” “ค่ะ” เธอพยักหน้าดวงตาใสซื่อ เขากระแทกลมหายใจ ก่อนจะนั่งลงใกล้ๆ เธอ หญิงสาวจึงเขยิบหนี “ไม่ต้องทำท่ารังเกียจฉันขนาดนั้นก็ได้ โดนตัวกันนิดหน่อยไม่ทำให้เธอผิดผีหรอก ท้องโย้ขนาดนี้” “คนบ้า!” เธอว่าเขา ไม่กล้าว่าเสียงดังหรอก ดูอารมณ์ไม่ดี เดี๋ยวก็จับเธอหักคอ “ซักแบบนี้ ดูให้ดี” เขาขยี้ผ้าและใช้แปรงถูผ้าถูตามตัวเสื้อ ทั้งปกเสื้อ แขน แล้วก็ส่งแปรงถูผ้าให้เธอ “ลองทำดูสิ” “ค่ะ” เธอรับคำอย่างว่าง่าย สนมองการกระทำของหญิงสาวแล้วพึงพอใจ เวลาเธอไม่ออกฤทธิ์ออกเดชแล้วทำให้เขารู้สึกว่าเธอน่าเอ็นดู “ไม่ใช่แบบนั้น” เขาพูดอย่างขัดใจ “แบบไหนคะ ไหนลองทำให้ดูหน่อยสิ ฉันไม่เคยทำ” เธอแอบเกี่ยวนิ้วไปด้านหลังเพราะปดคำโต “แบบนี้ไง” เขาเหมือนคนที่ทำอะไรเองมาตลอด พอขัดใจก็นึกอยากทำเอง เพราะคนอื่นทำให้ไม่ได้ดั่งใจ “คุณซักผ้าเองก็เป็นด้วย” เธอบอกเขาอย่างชื่นชม แต่แอบเบี่ยงหน้าไปขำ อยากให้เธอซักผ้าดีนัก เขานั่นแหละต้องซักเสียให้เข็ด สนไม่รู้ว่าโดนหญิงสาวแกล้งเข้าให้ จนต้องสาธิตวิธีการซักผ้าไปครึ่งกอง นราวดีปิดปากขำกลิ้งแต่ไม่หัวเราะออกไปตรงๆ “นึกว่าฉันไม่รู้หรือไง” เขาทำเสียงเข้ม มองเธอเหมือนจะแผดเผา หญิงสาวเม้มปากแน่น ทำหน้านิ่งฉับพลัน “หลอกให้ฉันซักผ้า เธอนี่มันเจ้าเล่ห์นางมารร้ายเหมือนพ่อไม่มีผิด” เขาจับมือเธอกระชากเข้ามาหาตัว “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ” “เจ็บสิดี จะได้สำนึก อ้อ... แต่คนอย่างเธอคงไม่สำนึกหรอกมั้ง” เขาแดกดัน “ปล่อยนะ” “เธอต้องซักผ้ากองนี้ให้หมด ซักเป็นไม่เป็นก็ต้องซัก ถ้าไม่สะอาด... ซักใหม่” เขาสั่งเสียงเข้ม ยื่นคำขาด เธอแอบหน้างอใส่ นราวดีเม้มปากแน่น ก่อนจะซักเหมือนคนซักผ้าไม่เป็น ให้เขาขัดใจเสียบ้าง วางอำนาจ บ้าอำนาจดีนัก “ยังไม่สะอาด ซักใหม่” “นี่คุณ!!!” “หรืออยากซักมากกว่านี้ ฉันมีเยอะนะ เสื้อผ้าที่จะให้เธอซัก” “จะไปไหนก็ไปเลย” เธอพูดอย่างโมโห “นี่กล้าไล่ฉันเหรอ” เขาดึงแขนเธอขึ้นมา หญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ “ปล่อยนะ คนป่าเถื่อน” “ซักให้เสร็จเร็วๆ ถ้าไม่เสร็จเธอโดนแน่” “ไม่ใช่นางทาสนะ” ญาติพี่น้องเธอก็ยังทน แต่คนนอกที่ไม่รู้จักทำไมเธอต้องทนด้วย หญิงสาวเถียงเขา “ปากดีนักนะ หรือว่าอยาก...” เขายื่นหน้าเข้ามาหา “ฉันซักแล้ว” เธอรีบจัดการซักผ้าทันที “เธอซักผ้าเป็นนี่นา” คนโดนทักชะงักทันที “เอ่อ...” “เจ้าเล่ห์นักนะ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เหมือนพ่อเหมือนแม่ไม่มีผิด” “อย่าก้าวร้าวพ่อแม่ฉันนะ จะว่าก็ว่าฉันคนเดียว” “ดีนะ ดูเป็นคนรักพ่อแม่ซะเหลือเกิน” “พ่อแม่ใคร ใครก็รัก” “เข้าใจว่ารัก แต่ถ้าเลวก็ควรสนับสนุนหรือไง” “ถึงท่านจะเป็นยังไง ท่านก็คือพ่อแม่ของฉัน” เธอเม้มปากแน่น เถียงเขาไม่ยอมแพ้ “ดีนะ กตัญญูกตเวทีซะเหลือเกิน” เขาหัวเราะเยาะหยัน “พ่อแม่ของฉันเคยทำอะไรให้คุณกัน” เธอเงยหน้ามองเขาอย่างสงสัย “พ่อแม่ของเธอนะเหรอ” เขากัดฟันกรอด นราวดีเผลอจิกมือกับผ้าที่กำลังซัก เขากำลังโกรธจัดเหมือนจะฆ่าคน เธอไม่น่าไปต่อล่อต่อเถียง หรือซักไซ้อะไรเขามากเลย “ฉันไม่อยากรู้แล้วล่ะ” เธอหันมาซักผ้าต่อ รีบบอกเขาเสียงสั่นๆ “ทำไมรีบปฏิเสธซะล่ะ หรือเธอก็รู้พฤติการณ์อันเลวร้ายของพ่อแม่เธอ” “ฉันแค่อยากจะซักผ้าให้เสร็จ” เธอพูดปัด รับรู้ว่าเขากำลังโกรธ “คนเกิดมาเป็นพ่อแม่น่ะ ไม่ใช่ถือสิทธิ์ว่าตัวเองเป็นพ่อแม่ แล้วจะทำตามอำเภอใจได้ทุกอย่าง ลูกๆ แสดงความคิดเห็นอะไรก็หาว่าเถียง ทั้งๆ ที่ตัวเองผิดก็ไม่ยอมรับผิด คนชอบหลงงมงาย บอกว่าต้องเทิดทูนพ่อแม่เหนือเกล้าเหนือหัว มีอะไรก็ช่วยกันปกปิด พ่อแม่ทุกคนใช่ว่าจะถูกไปเสียหมด ไม่ใช่ถือว่าเป็นพ่อแม่ก็วางอำนาจบาตรใหญ่ ฉันถูก ทุกคนต้องฟังฉัน แสดงความคิดเห็นหาว่าเถียง เตือนอะไรไม่ได้ ปล่อยให้ลงเหวลงนรกไป สนับสนุนกันไปไม่ห้ามปราม” “คุณพูดอะไรของคุณ ฉันไม่เข้าใจ” “พ่อแม่บางคนไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง บอกว่าเป็นพ่อแม่ ผิดแล้วลูกๆ ห้ามทักท้วง หรือมีอีกประเภทหนึ่ง ผิดแล้ว ลูกยังว่าไม่ผิด เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เห็นผิดเป็นชอบทั้งครอบครัว” “ยังไงท่านก็คือพ่อแม่” เธออดเถียงเสียไม่ได้ “คือพ่อแม่นั่นแหละ เทิดทูนเหนือเกล้าเหนือหัว เป็นพระในบ้าน แต่ถ้าทำเลวทรามต่ำช้า รักกันจริงก็ต้องห้ามปราม ไม่ใช่คอยสนับสนุนให้ยิ่งทำชั่ว พ่อแม่ก็คือมนุษย์คนหนึ่ง อะไรที่เตือนได้ก็ควรเตือน” “คุณพูดอะไรของคุณ ฉันไม่เข้าใจ” เธอพูดซ้ำประโยคเดิม “คนที่มีความชั่วติดตัวจนจิตใจดำมืด มักไม่เข้าใจอะไรแบบนี้แหละ” นราวดีเม้มปากเข้าหากัน รู้ดีว่าเขากำลังแดกดันเธอ “คนที่พูดให้คนอื่นฟังไม่เข้าใจก็เหมือนกัน สื่อภาษาไทยไม่ถูกต้อง” “ซักเสร็จหรือยัง” เขาตัดบท ขี้เกียจเถียงกับเธอ ยิ่งเถียงยิ่งหงุดหงิดยิ่งโมโห “เดี๋ยวสิ” เธอสะดุ้งรีบซักทันที “เถียงคำไม่ตกฟาก” เธออ้าปากค้าง ดูเขาใช้ประโยคสิ ยังกับเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ถูกเสมอ และเธอเป็นเด็กห้ามเถียง “คุณพูดเรื่องพ่อแม่ผิด วางอำนาจ คุณก็ไม่ต่างกัน ว้าย!” เธอร้องเสียงหลงเมื่อเขากระชากขึ้นมาหา “ปากดีนักนะ” “คุณชอบทำรุนแรง เดี๋ยวลูกก็หลุดออกมาหรอก” เธอเหวใส่ เขาชะงักไป ก่อนจะยักไหล่ ปล่อยเธอ เดินกระแทกเท้าออกไปไม่ถึงห้าก้าว พูดเสียงวางอำนาจเหมือนเดิม “ซักผ้าให้เสร็จล่ะ มีอะไรให้ทำอีกเยอะ ลูกน่ะแข็งแรงไม่หลุดออกมาหรอก แต่ถ้าหลุดออกมา ก็ปั้มลูกใหม่ น้ำยาฉันดี” “ไอ้ๆๆ” เธอชี้นิ้วตามหลังเขาระรัว เกิดมาไม่เคยพูดหยาบคาย หรือเรียกใครว่าไอ้อีสักครั้งเลย แต่มาเจอคนอย่างเขา เธอถึงกับยั้งอารมณ์ไม่อยู่ นราวดีซักผ้าด้วยความโมโห แต่เธอก็ทำจนเสร็จ เหลือบไปเห็นราวตากผ้าที่เขาขึงด้วยเชือกจนตึง จึงยกตะกร้าผ้าไปบิดอีกรอบ ก่อนจะสะบัดและตากจนเสร็จเรียบร้อย “เสร็จแล้วใช่ไหม” “อุ๊ย!” เธออุทาน ตากผ้าเพลินๆ แล้วโดนเรียก เลยตกใจ “คุณมีตาไม่ใช่เหรอ” “โอ๊ย!” เขาเดินมากระชากมือของเธอจนตะกร้าหล่นจากมือ “คนบ้า!!!” “แค่นี้ยังน้อยไปกับสิ่งที่เธอเคยทำ” “ฉันเคยทำอะไรให้คุณไม่ทราบ ก็บอกมาสิ บอกว่าฉันทำๆ แต่ไม่บอกว่าทำอะไร จะรู้ไหม หรือเมื่อก่อนฉันเคยเดินไปเหยียบหัวแม่เท้าของคุณเข้า” เธอระเบิดอารมณ์ใส่เขา เกิดมาไม่เคยโมโหใส่ใครมาก่อน เมื่อก่อนเธอทนและก็ทน แต่ตอนนี้ทำไมไม่รู้ เธอรู้สึกว่ามันทนไม่ไหวอีกต่อไป “คนอย่างเธอ อย่างครอบครัวเธอ ทำเลวทำชั่วอะไรยังไงก็ไม่เคยรู้หรอก” เขาผลักจนเธอเซ ดีที่เกาะต้นไม้เอาไว้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD