บท 9

1681 Words
เมืองสันต์ภพ ๙ เช้าวันต่อมา พอได้นอนเต็มอิ่มหนูดีก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย มองไปด้านข้างก็ไม่พบสิบหมื่นเจอเพียงกระดาษหนึ่งแผ่นวางอยู่ข้างที่นอน หนูดีหยิบมาดูก่อนจะเปิดประตูออกไปด้านนอกก็พบกับทั้งสี่คนนั้นกำลังทำท่าทางตื่นกลัวกันอย่างพร้อมหน้า ที่ปากมีผ้าอุดไว้แน่นจนไม่สามารถพูดออกมาได้ “อื้อ ๆ ๆ” “หาววว” มือเล็กปิดปากหาวในสภาพยังไม่ตื่นเต็มที่ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ทั้งสี่คนถูกมัดห้อยไว้กับขื่อกระท่อมทางเดินไปครัวไฟแต่คงเป็นฝีมือใครไปไม่ได้นอกจากสิบหมื่น เมื่อเห็นหน้าเธอ พรายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มเบิกตาด้วยความกลัวพยายามดิ้นรนที่จะหนีแต่ก็เปล่าประโยชน์ ร่างเล็กผอมบางบิดขี้เกียจเดินออกมาไม่มีท่าทีเป็นกุลสตรีเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยคำพูดชวนขนหัวลุก… “อาหารเช้าตื่นแล้ว” ริมฝีปากเล็กแสยะยิ้มก่อนจะแหวกทั้งสี่คนเดินเข้าครัวไปถือมีดมา “อื้อ ๆ” เห็นหนูดีถือมีดพรายก็พยายามพูดจนเหงื่อตก ร่างกำยำผิวเข้มดิ้นไปมาจนมือที่ถูกมัดไว้เป็นรอยแดง หนูดียื่นมือไปดึงผ้าออกจากปากของพรายให้เป็นอิสระ “วะ…ไว้ชีวิตพวกเราเถอะ ข้าสัญญาเลยว่าพวกข้าจะไม่มาให้เห็นหน้าอีก” พรายเอ่ยปากพยายามร้องขอ ทั้งสี่ชีวิตดิ้นสุดแรงเพื่อจะหนีเมื่อเห็นแสงเงาวับจากมีดเล่มบาง แต่เชือกที่มัดมือห้อยกับขื่อเอาไว้แน่นหนาจนเจ็บร้าวไปทั้งข้อมือ “งั้นหรือ? แล้วข้าจะได้อะไรตอบแทน” “เอ็งต้องการอะไรข้าจะหามาให้ แต่ไว้ชีวิตพวกข้าเถอะ” พรายเป็นคนเดียวที่ถูกเปิดปาก อีกสามคนที่เหลือมีผ้าอุดปากไว้แน่นพยายามพยักหน้ายืนยันช่วยอีกแรงเพื่อเป็นการสัญญาว่าจะไม่มาทำร้ายเธออีก “จริงหรือ?” หนูดีเลิกคิ้วขึ้นขณะหยิบหินมาฝนมีดไปพลาง ๆ หากใครเห็นเหตุการณ์ในเวลานี้คงไม่เชื่อสายตาเพราะหนูดีร่างเดิมมีเพียงท่าทีหวาดกลัว ไม่สู้หน้าใคร แต่หนูดีที่เห็นในตอนนี้ยิ่งกว่าพวกโรคจิต พร้อมที่จะแล่เนื้อพวกเขาออกมาได้ตลอดเวลา “จริง! ข้าสาบาน” “ได้ งั้นเองจงไปบอกแม่เลี้ยงของข้าว่าเอ็งจัดการฆ่าข้าเรียบร้อยแล้วจากนั้นรับเงินอีกครึ่งมา” “หืมมม?” “ข้าจะปล่อยเอ็งไปคนเดียวแล้วเอ็งก็ไปเอาเงินจากชบามาให้ข้าที่นี่!” “ง่ายนิดเดียว เดี๋ยวข้าจะไปเอาเงินให้เองเดี๋ยวนี้เลย” ในใจพรายเริ่มคิดจะไปขอความช่วยเหลือกับชบาให้มาจัดการหนูดีแต่กลับต้องหยุดความคิดทันที “อ๊ะ ๆ อย่าคิดตุกติกฟ้องแม่เลี้ยงข้า เมียเอ็งอีพิณ…” “!!!” “กับอีเพลงลูกเอ็ง คิดว่าข้าจะจัดการสองคนนั้นยังไงดี?” “เอ็งรู้ได้อย่างไรว่าลูกเมียข้าชื่อนั้น” พรายถึงกับปากสั่น เขาแต่งเมียหนีไปอยู่ปลายนาห่างไกลผู้คนเหตุเพราะเขามักทำเรื่องสกปรกไม่อยากให้ลูกเมียรับรู้ข่าวคราว ไม่คิดว่าหนูดีคนบ้าที่อยู่แต่ในหมู่บ้านจะรู้จักกระทั่งชื่อลูกเมียของเขา “เรื่องแค่นี้ข้าต้องไม่รู้ด้วยหรือ?” “…” “ไอ้รอก ไอ้ผัน ไอ้บันลือ” มือเรียวเล็กที่กำมีดคมกริบไว้ในมือชี้ไล่ชื่อทั้งสามตัวทีละคน “!!!” ชายฉกรรจ์ทั้งสามตกใจไม่น้อยที่หนูดีรู้จักชื่อพวกเขาทั้งหมด “พวกเอ็งสามคนสวดภาวนาให้เพื่อนเอ็งรีบกลับมาเถอะ ช่วงนี้ข้าอยากเฉือนเนื้อคนเล่นยิ่งนัก พ่อก็เลี้ยงข้าอด ๆ อยาก ๆ แม่เลี้ยงนรกนั่นก็มักริบเงินข้าไปจนหมด วัน ๆ ข้าเดินตามหมู่บ้านแล้วก็ตะครุบหมาแมวชาวบ้านกินประทังชีวิต วันนี้ลองชิมคนสักคำดูบ้างก็น่าสนใจไม่น้อย” ฉึบบบ! “อื้อ ๆ ๆ ๆ” หนูดียกมีดขึ้นมากวาดปาดไปที่เสื้อผ้าฝ้ายของคนชื่อผันจนขาดวิ่น ทำเอาทั้งสี่ดิ้นพล่านด้วยความหวาดกลัว “ตกลง ๆ ข้าจะรีบไปเอาเงินมาให้ ไม่กล้าตุกติกแน่นอน” “ไม่ใช่เอ็งไม่กล้าตุกติก แต่เอ็งไม่มีสิทธิ์ตุกติกต่างหากเพียงข้านำสามคนนี้ไปส่งทางการเอ็งจะหลบซ่อนไปได้นานแค่ ที่สำคัญหนีไปพร้อมเมียและลูกเล็กเอ็งจะติดปีกหนีไปได้ไวแค่ไหนกันเชียว” ริมฝีปากเล็กแสยะยิ้มใช้ปลายมีดช้อนคางพรายขึ้นก่อนจะเล็งไปยังบริเวณคาง “ไม่ ขะ...ข้าไม่กล้าหักหลังเอ็งแน่นอน” พรายไม่กล้าแต่จะขยับตัว เพียงแค่พูดนิดเดียวปลายมีนั้นก็บาดคอเขาไปเล็กน้อยจนรู้สึกแสบ ๆ ที่ผิว “อย่าคิดว่าข้าโง่! ในสมองเอ็งกำลังคิดอยู่สองตัวเลือกว่าจะรับเงินจากชบาแล้วหนีไปทิ้งพวกนี้ไว้นี่หรือจะไปขอร้องชบาเพื่อหาคนมาจัดการข้าเพิ่ม” “เฮือก!” พรายถึงกับตกใจเมื่อหนูดีมองเขาขาด คราแรกกำลังคิดจะขอความช่วยเหลือจากชบา แต่ทบทวนอีกทีชบาไม่มีทางช่วยแน่ ทั้งยังไม่ได้เงินและดีไม่ดีจะถูกเก็บเพื่อปิดปากจากคนที่อยู่เบื้องหลังชบาอีกต่างหาก แต่หากรับเงินแล้วหนีไปตอนนี้ก็น่าจะทันเพียงแต่หนูดีรู้ทันเขาเข้าเสียแล้ว “ข้าให้เวลา 30 นาที หากเอ็งไม่กลับมาข้าจะฆ่าพวกนี้แล้วตามไปฆ่าเอ็งทีหลัง คนบ้าอย่างข้าหากถูกจับจะถูกขังนานแค่ไหนกัน ดีเสียอีกที่คุกมีข้าวให้กินทุกมื้อ” “ข้าไม่กล้า ๆ ข้าจะไปนำเงินมาให้เอ็งเดี๋ยวนี้” พรายถึงกับเหงื่อตกเริ่มคิดไม่ออกว่าเขาจะทำอย่างไรดี หากเขาหักหลังหนูดีเธอฆ่าพวกนี้แล้วตามเขาไปคงตามทันแน่ “ข้าจะให้เวลาเอ็งไปคิดระหว่างทางว่าจะเลือกทางไหน แต่ที่แน่ ๆ ถ้าเอ็งตุกติกข้าเตรียมแผนสำรองไว้แล้ว” “ข้าไม่กล้าจริง ๆ ข้าสาบาน!” พรึ่บบบบ! พรายพูดจบหนูดีก็เอามีดตัดเชือกที่ห้อยพรายไว้บนหัวแบบไม่บอกกล่าว ทำเอาทั้งร่างกองไปอยู่ที่พื้น ความคมของมีดทำเอาอีกสามคนทำเอาอีกสามคนที่ต้องอยู่รอเพื่อนเย็นสันหลัง หนูดีแก้มัดให้พรายเป็นอิสระแล้วถีบลงกระท่อมทันที “รีบไปรีบมาก่อนที่ข้าจะโมโห” พรายทั้งเจ็บทั้งกลัววิ่งลงกระท่อมมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้าน หนูดีไม่กลัวว่าพรายจะหักหลังเธอเลยแม้แต่น้อยเพราะอย่างไรมันก็ทำอยู่แล้วแน่นอน... “ตอนนี้มาวัดดวงกันว่าข้าจะได้เงินมาใช้เพิ่มไหม” หนูดีหันไปมองสามคนที่อยู่ในอาการสั่นกลัว รอดูว่าพรายจะใจกล้าหรือปอดแหกเพราะเหตุการณ์มันจะออกมาอยู่ไม่กี่อย่าง กรณีแรกคือเธอยึดเงินมาแล้วทั้งหมด หากพรายไปฟ้องชบาว่าทำงานไม่สำเร็จคงโดนทวงเงินคืนเป็นแน่ หากไม่ทวงก็จะมาอยู่ในกรณีถัดไป กรณีที่สองหากฟ้องแล้วชบานำคนมาจัดการเธอจริง ๆ กลางวันแสก ๆ แบบนี้ไม่มีทางทำได้มีแต่จะทำให้ถูกจับได้ว่าเธอมีแผนจะฆ่าลูกเลี้ยง ฉะนั้นจะจัดการเธอได้ก็ต่อเมื่อถึงตอนค่ำ ชบาต้องสืบถามต่อถึงเหตุผลในการทำงานล้มเหลวครั้งนี้ พรายคงต้องฟ้องว่าเธอฉลาดไม่เหมือนคนบ้าและสามคนที่เหลืออยู่ในมือเธอ เพียงแค่นี้ควรรู้ว่าคนฉลาดจะจัดการสามคนที่เหลือยังไงให้มันสาวไปถึงต้นตอแทนที่รอความตายในยามค่ำ ชบาไม่กล้าเสี่ยงแน่! สองข้อด้านบนที่กล่าวมาไม่มีข้อไหนเลยที่เกิดประโยชน์กับพราย เพราะฉะนั้นตัดตัวเลือกนี้ออกไป กรณีที่สามคือรับเงินจากชบาแล้วหนีไปตัวคนเดียว แน่นอนว่าคนเลว ๆ แบบพราย ทำแบบนั้นแน่นอน แต่ที่เธอขู่ไปเมื่อครู่ ก็ไม่แน่ว่าพรายจะปอดแหกจนรีบกลับเอาเงินมาให้เธอ ถ้าไม่บอกชบาเรื่องทำงานล้มเหลวแล้วเอาเงินมาให้เธอแล้วขอส่วนแบ่งบางส่วนเพื่อหนี กว่าชบาจะรู้ตัวว่าเธอยังไม่ตายก็คงใช้เวลากว่าครึ่งวันนั่นคงทำให้พวกพรายสามารถหนีไปได้ ฉะนั้นเธอจะรอพรายสักสี่สิบนาทีก็แล้วกัน บวกเวลาเพิ่มเผื่อพรายเกิดลังเล หนูดีเดินไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาด้วยท่าทีสบาย ๆ เธอขำอยู่ในใจนึกถึงสีหน้าของแม่เลี้ยงผู้แสนดีหากรู้ว่าตัวเองโดนโกงคงปรี๊ดแตก หลังจากทราบข่าวอีกไม่นานชบาต้องมาหาเธอถึงนี่ในภาพลักษณ์แม่เลี้ยงแสนดีที่เป็นห่วงเป็นใยลูกเลี้ยง เธอควรแสดงสีหน้ายังไงนะ? หนูดีฝึกทำสีหน้าโง่เขลาแล้วรู้สึกเหนื่อยจริง ๆ อีกไม่นานทุกคนต้องรู้แน่ว่าเธอหายบ้าแล้ว ทางด้านพรายวิ่งออกไปยังที่นัดหมายกับชบาเพราะเงินจำนวนมากชบาจึงไม่ไว้ใจให้ใครจัดการ เธอจึงต้องมาด้วยตัวเอง หญิงวัยกลางคนผิวพรรณนวลผ่อง ดูเป็นผู้ดีมีสกุลคลุมด้วยผ้าคลุมหัวชะเง้อคอมองทาง ไม่รู้เหตุใดเธอรู้สึกตะหงิดใจไม่หายแต่ก็ไม่อยากเป็นกระต่ายตื่นตูมเลยต้องยืนรอไปก่อน “คุณชบาครับ” “เฮือกกก” ชบาถึงกับสะดุ้งอยู่เมื่อพรายสะกิดไหล่ด้านหลัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD