เมืองสันต์ภพ
๘
ดวงตากลมใสคู่นั้นดูไม่มีพิรุธแม้แต่น้อย เมื่อคลายสงสัยก็ขยับตัวก่อนจะปล่อยคนตัวเล็กให้เป็นอิสระ หนูดียันตัวลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับชายหนุ่มตรงหน้าไม่มีแม้แต่ความเกรงกลัว
“เช่นนั้น ก็แสร้งต่อไป” ดวงตาลุ่มลึกจ้องใบหน้าเรียวเล็กผ่านแสงตะเกียงสีเหลืองนวล ใช่ว่าเขาเชื่อหนูดีโดยง่าย เพียงคิดว่าดีเช่นกันที่หนูดีแสร้งต่อไปแบบนี้ หากคนบางกลุ่มทราบว่าหนูดีคืนสติแล้วมีแต่จะเป็นอันตรายต่อตัวเธอ
“น้าจะไม่บอกคนอื่นใช่ไหม?”
“บอก! หากเอ็งยังเรียกข้าน้าอยู่เช่นนี้!”
“อ้าว โอเคค่ะคุณพี่สิบหมื่น พอใจยัง?” หนูดีเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชันพร้อมกับมุ่ยหน้าใส่คนแก่แต่อยากเด็กแต่คนตัวโตหาได้ใส่ใจพฤติกรรมเด็กน้อยของหญิงสาวทั้งยังรู้สึกเอ็นดูไม่น้อยที่หนูดีสติกลับคืนมาและยังคงเป็นเด็กแสบเหมือนในวัยเด็กไม่มีผิด
“อืมมม”
“อืมม?” คิ้วเลิกสวยขึ้นเอียงคอมองชายตรงหน้าเมื่อรับปากเธอแล้วเหตุใดไม่รีบกลับ ไม่ใช่ว่าจะอยู่ที่นี่จนรุ่งสางหรอกนะ?
“แต่ข้ามีข้อแม้...”
“ข้อแม้อะไร?”
“ข้าจะไม่บอกใครแต่เอ็งต้องไว้ใจข้าเพียงผู้เดียวห้ามไว้ใจใคร ตกลงหรือไม่?” ใบหน้าเรียบเฉยจ้องเขม็งใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือรอคำตอบ เขาหวังในใจว่าหนูดีจะพยักหน้าตอบรับแล้วหนูดีก็ทำเช่นนั้น ริมฝีปากหนาจึงค่อย ๆ ระบายยิ้มบางเบาโดยไม่ให้ใครได้เห็น...
“ได้ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่” หนูดีพยักหน้ารับก่อนจะถอนหายใจ ไม่ว่าจะมีตัวเลือกไหนชายตรงหน้าก็ถือไพ่เหนือเธอตั้งแต่ที่รู้ความจริงว่าเธอไม่บ้าแล้ว
“ดี ไปนอนพักเถิดส่วนนั่นยา” สิบหมื่นส่งสายตาไปยังถุงยาที่ทำหล่นไว้บนหัวนอน
“...” หนูดีเพียงมองอย่างชั่งใจไม่กล้าแม้แต่จะหยิบถุงยามาดู แบบนี้คงลำบากเธอต้องเอาไปทดสอบยาพิษก่อนกินอีก
“ไม่ต้องกลัวยาพิษหรอก ฆ่าเอ็งไปก็ไม่ประโยชน์อะไรนอกจากกลายเป็นพ่อหม้าย” สิบหมื่นเอ่ยอย่างรู้ทัน เขาไม่โกรธที่หนูดีรับปากว่าจะเชื่อใจเขาแต่ไม่เชื่อ ดีด้วยซ้ำที่เธอใช้ชีวิตระวังตัวเช่นนี้
“ถึงฉันไม่ตายฉันก็ไม่คิดแต่งงานกับน้า..เอ๊ย! กับพี่” หนูดีรีบแก้คำพร้อมทั้งปิดปากป้องกันตัวแทบจะทันทีตามสัญชาตญาณ ชายหนุ่มเพียงทำหน้านิ่งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“มีตาหามีแวว”
“...” ดวงตากลมใสถึงกับกลอกตาแอบเบ้ปาก ก่อนจะหยิบถุงขึ้นมาเพื่อสำรวจยาที่ชายหนุ่มเอามาให้ด้วยท่าทางไม่ไว้วางใจแม้จะรับปากไปเมื่อครู่แต่ใครจะไปทำได้ ขนาดครอบครัวเธอยังไม่น่าไว้ใจเลย
“เฮ้อออ” สิบหมื่นดึงยาจากมือหนูดีมาแล้วสุ่มกินไปหนึ่งเม็ด สายตาดุดันคู่นั้นมองเธอด้วยสีหน้าจริงจังบ่งบอกถึงความจริงใจ
หนูดีเห็นดังนั้นจึงจำต้องยอมกินยาเข้าไปแต่โดยดีตามด้วยการหยิบน้ำมาล้างปากแล้วยื่นแก้วไม้ไผ่พร้อมน้ำที่เหลือจากเธอกินให้ชายตรงหน้า
“...” มือหนารับน้ำมาแล้วก้มมองเงาสะท้อนของตนในแก้วน้ำก่อนจะย้ายสายตาไปจับจ้องริมฝีปากนุ่มนิ่มคู่นั้นแล้วดื่มน้ำลงไป
ดื่มไปแอบกระตุกยิ้มไปอย่างมีเลศนัยโดยที่หนูดีไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยก่อนจะส่งแก้วน้ำคืนร่างเล็กด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หนูดีเปิดมุ้งวางแก้วทิ้งไว้แล้วหันกลับมามองคนข้างกายที่ไม่ยอมยกตูดออกไปเสียที ทั้งคู่สบตากันนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นท่ามกลางเสียงร้องของเหล่าแมลงและจิ้งหรีด กลับกลายเป็นหนูดีที่อดไม่ได้จำต้องเอ่ยปากก่อน...
“น้า..ไม่สิ! พี่ไม่กลับหรือ?”
“ข้านอนนี่”
“หา?” หนูดีอ้าปากเหวอ นอนนี่หมายความว่ายังไง?
“ข้าจะนอนนอกมุ้ง ไม่ต้องกลัวว่าข้าจะตาบอดไปปลุกปล้ำเอ็ง” เขาว่าก่อนจะเปิดมุ้งออกไปโดยไม่ได้รู้สึกเลยว่าคำพูดของตนนั้นผิดแปลก ไม่ตาบอดแต่เมื่อครู่ใครกันที่จูบก่อน?
“พี่จะนอนนี่ทำไมหรือ? ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด”
“เป็นไข้ก็หลับไปเถิด”
“ฉันไม่ตายหรอกน่า พี่กลับไปเถิด” หนูดีพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติเพื่อเกลี้ยกล่อมชายตรงหน้า แต่เขากลับทิ้งตัวนอนข้างมุ้งแล้วเอาแขนตนเองขึ้นมาหนุนแทนหมอน
“ไปนอนเสีย อย่าให้ข้าต้องพูดหลายรอบ”
“แต่...”
“ไม่งั้นข้าจะเข้าไปนอนกับเอ็งตอนนี้เลย” ใบหน้านิ่งกดเสียงต่ำดุเด็กน้อย หนูดีเห็นว่าสิบหมื่นเริ่มเอาจริงก็รีบทิ้งตัวนอนทันทีโดยหันหน้าไปทางชายหนุ่ม เผื่อเขาเกิดมีความคิดร้าย ๆ ขึ้นมาเธอจะได้ไหวตัวทัน
“หึ” มือหนาเอื้อมไปพัดดับไฟตะเกียง
“ไม่ตลก!”
“พรุ่งนี้ข้าจะเขียนข้อมูลพวกนั้นให้เอ็งเผื่อจำเป็นต้องใช้” เสียงเอ่ยลอย ๆ ของสิบหมื่นทำให้เธอสนใจไม่น้อยจึงดีดตัวขึ้นมานั่งเพราะกลัวหลับ
“พี่รู้จักพวกนั้นหรือ?”
“ก็พอรู้”
“ดีเลย ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะเอาอะไรไปบีบบังคับพวกนั้นเพื่อเอาเงินอีกครึ่งมาจากชบา!” ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายลุกวาวเอ่ยออกมาด้วยความดีใจ ปล้นพวกนี้มาได้อีกสักนิดก็คงจะดีไม่น้อย
“เอ็งจะเอาเงินไปทำไมเยอะแยะ?”
“ชีวิตขับเคลื่อนด้วยเงินพี่ไม่รู้หรือไง ฉันจนขนาดนี้ต้องมีเงินเยอะ ๆ ไว้ใช้สอยสิ!”
“อยากได้อะไรก็บอก” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยออกมาเหมือนพูดเรื่องทั่วไปแต่หนูดีกลับหันขวับคอแทบหัก คำนี้มันคำพูดของพวกป๋าสายเปย์ในโลกเก่าของเธอมักพูดกันนี่ หรือว่า...
“ข้าจะซื้อให้”
“นั่นไง!” หนูดีตบเข่าดังฉาด โลกใบนี้ก็มีคุณป๋าเหมือนกัน!
“อะไรของเอ็ง?”
“เปล่า ฉันแค่อยากมีเงินเป็นของตัวเอง”
“เช่นนั้นก็ไปเอาที่เรือนข้า” ได้ยินเสียงของสิบหมื่นเอ่ยออกมาหนูดีก็แทบจะหัวเราะดังลั่น ใช่เลย คุณป๋าทุกยุคสมัยเป็นเหมือนกันหมดสินะ
“ทำไมพี่ต้องใจดีกับฉันด้วย อย่าบอกนะว่าเพราะฉันคือว่าที่เมียในอนาคต?”
“ใช่ หาเงินแล้วไม่ให้เมียไม่เลี้ยงเมีย ข้าจะเอาไปให้ใคร?”
“ฉันนอนแล้ว” คำพูดนั้นของสิบหมื่นทำเอาหนูดีพูดไม่ออก จำต้องบ่ายเบี่ยงทิ้งตัวนอนแล้วหลับตาไปด้วยอาการหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะ
พุทโธ พุทโธ หนูดีท่องในใจ
ความมืดมิดปกคลุม มีเพียงแสงจันทร์ที่ลอดผ่านรูหน้าต่างส่องสว่างพอรำไร ค่ำคืนอันเงียบสงบขับกล่อมโดยเสียงแมลงในทุ่งนา ไม่นานนักหนูดีก็เผลอหลับโดยไม่รู้ตัว
หลังจากได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอของคนตัวเล็ก สิบหมื่นก็เปิดมุ้งเข้าไปนอนด้านใน ยุงมากมายขนาดนี้มีหรือที่เขาจะยอมทน
ดวงตาลุ่มลึกจับจ้องใบหน้าเล็กที่เขาเคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก ไม่รู้เมื่อไหร่เผลอแปปเดียวหนูดีเติบโตขึ้นมาได้ขนาดนี้แล้ว ท่ามกลางการเลี้ยงดูของแม่เลี้ยงร้ายกาจแบบชบาน้องสาวนิสัยเสียแบบดาวดาวเรือง และพ่อที่ปิดตาข้างเดียว
ก่อนหน้านี้เขารอเวลาที่จะพาหนูดีออกจากบ้านหลังนั้นมาตลอด ถึงแม้เธอจะบ้าบอเสียสติแต่เขาก็คิดจะแต่งเธอเข้าบ้านแล้วเลี้ยงดูเธอดั่งน้องสาวไม่ให้ใครมากลั่นแกล้งเธอได้อีก
ตามที่ให้สัญญาไว้กับน้าหนูแดง...
“ข้าเลี้ยงเอ็งได้ทั้งชีวิตจริง ๆ นะ”