โรงพยาบาลนิวยอร์ค ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน
ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเทาเข้มยืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าครุ่นคิดหลังออกจากห้องผู้ป่วยฉุกเฉินและรับทราบการวินิจฉัยจากนายแพทย์ใหญ่เกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยที่ยังนอนอยู่ท่ามกลางอุปกรณ์ช่วยชีวิตทางการแพทย์ในเช้านี้ เมื่อคืนเขากลับไปนอนที่ห้องชุดของเขาเองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเพนท์เฮาส์ของพี่สาวและรีบรุดมาโรงพยาบาลในเช้าวันรุ่งขึ้นด้วยความรู้สึกที่เป็นอย่างทุกวัน นั่นคืออยากฟังข่าวดี ๆ จากหมอ พัลเลเดียมถอนหายใจหลายครั้งหลังจากที่เขาเข้าไปเยี่ยมอาการของพี่สาวจากการประสบอุบัติเหตุล้มศีรษะฟาดพื้นซึ่งมาจากเรื่องทะเลาะกันอย่างรุนแรงกับอิศราในเพนท์เฮาส์ของเธอเองเมื่อกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา จนถึงบัดนี้เธอก็ยังไม่รู้สึกตัวแต่นายแพทย์ให้คำตอบต่อความกังวลของเขาว่า
“อาการของคนไข้เริ่มดีขึ้นเล็กน้อยแล้วนะครับ หลังจากวันแรกที่เรารับตัวเธอเข้ามาทำการรักษา เธอล้มศีรษะกระแทกกับของแข็งก็จริงแต่โชคดีที่สมองไม่มีส่วนใดได้รับความเสียหายนอกจากมีเลือดคั่งและเราได้ทำการผ่าตัดซึ่งผลการรักษาออกมาเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง หลังจากนี้ก็คงต้องเฝ้าระวังดูอาการต่อไปและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นซึ่งเราคาดว่าเธอจะดีขึ้นและไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกนะครับ เราจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาคนไข้ อย่างน้อยการตอบสนองของเธอต่ออุปกรณ์การแพทย์ก็ยังเป็นสิ่งยืนยันว่า...เธอยังอยู่กับเรา”
พัลเลเดียมส่งเสียงครางลึกในลำคอ เขามีอาการเครียดจัดมาตลอดสัปดาห์ตั้งแต่รู้ว่าพี่สาวได้รับบาดเจ็บและถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนหลังจากวันเกิดเหตุที่อิศราไปพบกับแพตที่เพนท์เฮาส์ของเธอและมีปากเสียงกันซึ่งเขาดูจากกล้องวงจรปิดหลายครั้ง โชคดีที่วันนั้นจูลี่ซึ่งเป็นแม่บ้านคอยดูแลเพนท์เฮาส์หรูเป็นคนโทรแจ้งโรงพยาบาลและรายงานให้เขาทราบ เขาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อได้รู้ความจริงว่าหุ้นส่วนคนสำคัญที่มีความสนิทสนมกันเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด อะไรก็ไม่ทำให้เขาแค้นใจเท่าการที่อิศราใช้พี่สาวของเขาเป็นเครื่องมือหักหลังทางธุรกิจซ้ำยังทรยศหัวใจของแพตด้วยการมีผู้หญิงคนอื่น เขาโกรธแค้นอิศราจนแทบอยากจะฆ่าให้ตายแต่สิ่งแรกที่เขาคิดได้หลังจากนั้นกลับเป็นการเอาคืนที่เขาวางแผนใช้ชีวิตลูกสาวของคนปลิ้นปล้อนเป็นเดิมพันเพียงเพื่อความสะใจ
เขาตั้งใจจดทะเบียนสมรสกับลลิลก็เพื่อเอาผลประโยชน์ของบริษัทกลับคืน ตั้งใจบีบบังคับสองคนพ่อลูกที่สร้างบาดแผลในใจของเขาไม่ให้หนีไปไหนได้ตลอดชีวิต ทว่าเมื่อคิดมาถึงตรงนี้พัลเลเดียมกลับถอนหายใจหลายครั้ง เขาเอามือทั้งสองลูบใบหน้าเมื่อนึกถึงสาวน้อยวัยเพียงสิบแปดที่เคยเรียกเขาว่า คุณอา หากบัดนี้เธอกลับกลายเป็นภรรยาของเขาอย่างเต็มตัว
หึ! ก็แค่กระดาษแผ่นเดียว เขาแค่ใช้ทะเบียนสมรสมัดตัวลลิลไว้ไม่ต่างจากใช้เธอเป็นตัวประกันเพื่อเอาคืนอิศราให้เจ็บช้ำอย่างถึงที่สุด เหมือนที่เขาทำไว้กับพี่สาวของเขา ชายหนุ่มพยายามกลบความรู้สึกบางอย่างที่พลุ่งพล่านขึ้นมาด้วยความคิดเคียดแค้นที่ฝังแน่นอก เขาอาจจะเคยเอ็นดูลลิลในฐานะที่เธอเป็นลูกสาวของหุ้นส่วนคนสำคัญ เคยเห็นความน่ารักของเด็กคนนั้น สาววัยใสที่ทำให้หัวใจของเขาเบิกบานทุกครั้งที่เห็นหน้า
“เฮ้...พีท...ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้”
เสียงที่ดังขึ้นเบื้องหลังดึงสติของชายหนุ่มที่กำลังสับสนกลับสู่ความจริงเมื่อเขาหันกลับไปและมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็น
“นิโคลัส”
พัลเลเดียมเอ่ยทัก นิโคลัส ซาเวียร์ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาเจ้าของนัยน์ตาสีแอมเบอร์ทรงเสน่ห์ เพื่อนสนิทของเขาซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจที่ดินและดีลเลอร์ผู้จำหน่ายยานยนต์รายใหญ่ของยุโรปที่เดินเข้ามาทักทาย
“นิค...นายมาที่นี่ได้ยังไง”
“ฉันพึ่งกลับจากมอสโค ตั้งใจไปหานายที่บริษัทเพราะโทรหาแล้วติดต่อนายไม่ได้ เจอเลขาหน้าห้องบอกว่านายอยู่ที่นี่...เสียใจด้วยนะเพื่อนกับเรื่องพี่สาวของนาย”
“ไม่เป็นไร แพตประสบอุบัติเหตุล้มหัวฟาดพื้นในเพนท์เฮาส์ของเธอ ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว”
พัลเลเดียมกล่าวผิวเผินเพราะเขาไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องของพี่สาวให้ใครรับรู้แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างนิโคลัส
“ฉันเลยรีบแวะมาที่นี่ไง เผื่อมีอะไรที่นายอยากให้ฉันช่วย ฉันรู้ว่านายกับแพตผูกพันกันมาก กลัวว่านายจะคิดมากไม่สบายใจก็เท่านั้น”
“ฉันไม่เป็นอะไร ทุกอย่างโอเค...อย่างน้อยตอนนี้เธอก็อยู่ในการดูแลของแพทย์”
“ดูหน้าตานายโรย ๆ นะ และเหมือนจะเครียดด้วย...อืม...เราออกไปหาอะไรกินกันหน่อยดีมั้ย อย่างน้อยกาแฟสักแก้วน่าจะช่วยนายได้”
“ฉันก็คิดว่ากำลังจะออกไปอยู่พอดี”
ว่าแล้วทั้งสองก็เดินไปที่ลานจอดรถพร้อมกัน สำหรับพัลเลเดียมแล้วนิโคลัสเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เขาคุยด้วยแทบทุกเรื่อง นิโคลัสเป็นคนที่ดูเหมือนใจเย็น เขาสงบและไม่ค่อยพูดแต่เวลาอารมณ์ร้อนขึ้นมาก็น่ากลัวทีเดียว ก่อนขึ้นรถเพื่อนสนิทของเขาหันกลับมาบอกว่า
“พีท...เดี๋ยวฉันจะพานายไปดื่มกาแฟที่อร่อยมาก เอาแบบเข้ม ๆ อย่างที่นายชอบเลย...เฮ้...เพื่อน เดี๋ยวก่อนนะ...นายเห็นผู้หญิงคนนั้นรึเปล่า”