“หึ!...ผู้หญิงเดี๋ยวนี้รักษาพรหมจรรย์ของตัวเองไว้ได้ถึงอายุสิบแปดก็วิเศษแล้ว ลาริมาร์...อย่างเธอนี่ ไอ้เยื่อใยอย่างว่ามันอาจจะฉีกขาดไปแล้วตั้งแต่ตอนเธอยังไม่สิบห้าเลยกระมัง”
เผียะ!!
เสียงฝ่ามือบางตวัดลงบนใบหน้าคร้ามคมเต็มแรงทว่าคนที่ตระหนกกลับเป็นเจ้าของมือเรียวเล็กที่ไม่อาจสร้างแรงกระเทือนใด ๆ ต่อใบหน้าหล่อเหลานั้นได้เลยสักนิด พัลเลเดียมดูราวไม่สะทกสะท้านแต่ดวงตาสีน้ำตาลอมเทาขุ่นคลั่กขึ้นมาในบัดดล ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบแก้มเบา ๆ และขบกรามดังกรอด
“ลาริมาร์...เธอกล้าตบฉันงั้นหรือ เธอคิดว่าเธอทำอะไรลงไป!”
“เมื่อก่อนลิลคิดว่าอาพีทเป็นผู้ชายที่น่านับถือและให้เกียรติผู้หญิง แต่ตอนนี้อาพีทไม่ได้เป็นอย่างที่ลิลคิดเลย”
“ฉันให้เกียรติผู้หญิงเสมอ แต่คงไม่จำเป็นต้องให้เกียรติลูกของผู้ชายชั่ว ๆ อย่างพ่อเธอ สายเลือดมันก็คือสายเลือดถ้ามันจะชั่วมันก็ชั่วทั้งโคตร!”
“อาพีท!”
ลลิลกรีดร้องและกำหมัดทุบถองลงบนหน้าอกของชายหนุ่ม พัลเลเดียมโกรธจัดกับการตอบโต้ของหญิงสาว เขาคว้าข้อมือทั้งสองของเธอไว้แล้วรวบมันกับอกก่อนกระหวัดแขนแกร่งรวบตัวเธอเข้ามาปะทะอกกว้างแล้วก้มหน้าลงไปหาใบหน้าสวยหวานที่เปื้อนเปรอะด้วยหยาดน้ำตา ร่างเล็กนิ่วหน้าเบิกตาค้างเมื่อถูกรุกรานจากความกักขฬะของชายหนุ่มที่บดขยี้ริมฝีปากของเขาบนกลีบปากนุ่มอย่างไม่ปราณี
“อื๊อ!...อื๊อ!”
เสียงดังในลำคอไม่อาจหยุดความดิบห่ามของพัลเลเดียมได้แม้แต่น้อย และยิ่งขัดขืนเขาก็ยิ่งรัดรึงตัวเธอไว้ในอ้อมกอดที่หญิงสาวเคยปรารถนาหากทว่าบัดนี้มันเหมือนโซ่เหล็กแข็งกระด้างพันธนาการเธอไว้จนแทบหายใจไม่ออก เขาบดเบียดริมฝีปากหยักหนาบนปากนุ่มที่ปิดสนิท ร่างสูงใหญ่พยายามดันลิ้นเข้าไปในกลีบปากที่ต่อต้านเขาด้วยการไม่ยอมเปิดปากง่าย ๆ ยิ่งเธอดื้อรั้นเขาก็ยิ่งบีบรัดวงแขนแกร่งราวคีมเหล็กบีบคั้นร่างเล็กมากขึ้นทุกที
“อาพีท!”
ลลิลร้องออกมาและทำให้พัลเลเดียมเริ่มตั้งสติได้ เขาเลื่อนใบหน้าออกและเห็นว่าปากจิ้มลิ้มที่ไม่ยอมเปิดให้เขาจ้วงลิ้นเข้าไปเป็นรอยบวมช้ำทั้งสีหน้าของเธอก็ตกใจเหมือนทั้งชีวิตไม่เคยพานพบกับการ จูบ เช่นนี้ ความรู้สึกของชายหนุ่มดิ่งลงต่ำอีกครั้งเมื่อเห็นน้ำตาหยดลงบนแก้มของหญิงสาว เขารีบคุมสติทั้งที่พยายามเตือนตัวเองมาก่อนหน้านี้ว่าอย่าพึ่งแตะต้องเด็กสาวแรกรุ่นที่เขาหยามเหยียดเกลียดชังแต่ก็พลั้งทำไปจนได้
“มารยา!”
เขาผลักร่างบอบบางออกห่าง ลลิลไม่ยอมให้เขาล่วงล้ำริมฝีปากสีชมพูเข้มของเธอทว่ากลับมีบางอย่างติดอยู่ที่ริมฝีปากของเขา มันเป็นรสชาติหวานหอมเหมือนลูกสตรอวเบอร์รี่เล็ก ๆ ที่เขาชอบกินมันอาจเป็นกลิ่นของลิปกลอสกระมังแต่ก็ช่างเย้ายวนและทำให้สติเขาพร่ามัวไปชั่วขณะ ชายหนุ่มแสร้งแตะปากตัวเองด้วยปลายนิ้วและมองเธอด้วยสายตาดูแคลน
“แค่จูบผู้ชายก็ยังทำไม่เป็น...หรือว่านี่แค่แผนกลบเกลื่อนว่าเธอเองก็เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน”
“ที่จริงอาพีทไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้”
ลลิลเอ่ยขึ้นเสียงเครือปนหอบ น้ำรื้นบนดวงตาไม่เคยเหือดแห้งนับแต่รู้เรื่องขอบิดาและพี่สาวของพัลเลเดียม
“ถ้าอาพีทโกรธมากขนาดนี้ก็จับลิลเข้าคุกเถอะค่ะ หรือจะให้ลิลทำอะไรก็ได้แต่ขอให้ปล่อยคุณพ่อไป”
“มันจะไม่ง่ายไปหน่อยหรือ” เขาแย้งเสียงเข้มและแค่นหัวเราะในลำคอ “มีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่ฉันยังไม่ได้คาดคั้นจากปากของอิศรา ไม่ใช่แค่เรื่องของแพตแต่ยังปัญหาการเงินที่เขาสร้างไว้กับบริษัทที่ฉันยังไม่รู้ แต่จากการตรวจสอบคร่าว ๆ เขาทำความเสียหายกับระบบบัญชีกว่าร้อยล้านดอลล่าห์ เธอบอกว่าทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือลาริมาร์ อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าฉันจะให้เธอชดใช้ค่าเสียหายกับล็อค ซายน์ แฟรคซิทรอนเธอจะมีปัญญาชดใช้มันได้หมดรึเปล่า!”
ร่างแน่งน้อยถึงกับอึ้งและเงียบไป เธอไม่คิดมาก่อนว่าต้องเจอกับปัญหาใหญ่ที่ตัวเองไม่ได้ก่อแต่ต้องมารับรู้อย่างไม่อาจเลี่ยง เพียงแค่ตัวเลขความเสียหายที่พัลเลเดียมเอ่ยมาก็ทำให้หญิงสาวหน้าซีดคอตก แล้วยังมีปัญหาระหว่างอิศรากับพี่สาวของเขาแทรกเข้ามาอีกก็ราวกับว่าเธอกำลังยืนอยู่ในเขาวงกตที่ไม่มีวันหาทางออกได้พบตลอดชีวิต
“คืนนี้ฉันจะกลับไปนอนที่ห้องชุดของฉัน จำไว้ว่าฉันจะมาที่นี่เวลาที่อยากมา”
เขากล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน ลลิลยืนนิ่งรับฟังเหมือนรูปปั้นไร้ชีวิต พัลเลเดียมเหลียวมองไปบนท้องฟ้าที่แสงเย็นตาของอัสดงอาบลงบนยอดตึกสูง
“และมีกฎอีกข้อที่เธอต้องจำเอาไว้ ฉันอยากจะพาใครมาที่นี่ก็ได้และเธอไม่มีสิทธิ์ใช้ความเป็นเมียตามกฎหมายเรียกร้องหรือคัดค้าน!”
ชายหนุ่มทิ้งคำคาดโทษที่ทำให้คนฟังเจ็บลึกในหัวใจก่อนเดินจากไปอย่างไม่ใยดี ลลิลปล่อยให้น้ำที่ขังรอบดวงตาคู่งามถั่งไหลขณะทรุดตัวลงนั่งริมสระน้ำอาบด้วยประกายแดดยามเย็นเหมือนคนหมดแรง รู้สึกราวกับตัวเองเป็นวัตถุลอยเคว้งในอากาศ ความปวดร้าวแล่นไหลใต้จิตสำนึกไม่จบสิ้นและไม่รู้เลยว่านับจากวันนี้ไปชีวิตของเธอต้องพบเจอกับความเลวร้ายอะไรต่อไปอีก